ผมเดินมาที่ซุ้มข้างตึกคณะ กลอยมองหน้าผมเหมือนอยากถามอะไร แต่เธอก็ไม่ได้ถาม อาจเป็นเพราะเพื่อนอยู่กันเยอะ ก็เลยยังไม่ถาม
ไม่ถามต่อหน้าเพื่อนแบบนี้ เดาไม่ยากเลยว่าจะถามผมเรื่องอะไร… ไม่พ้นเรื่องอุ๋มแน่นอน
LINE
LINE
LINE
เสียงแจ้งเตือนดังติดต่อกัน สงสัยพี่ชายผมจะมีเรื่องอะไร ส่งข้อความมาติด ๆ กันแบบนี้ มีแค่พี่เกมส์คนเดียว แต่พอผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก็ต้องแปลกใจปนตกใจ ที่เจ้าของข้อความพวกนั้นเป็นอุ๋ม
AUM : โกรธอุ๋มเหรอ
AUM : ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ
AUM : เขาเป็นแค่เพื่อน ไม่ได้พิเศษกับอุ๋มเหมือนกราฟนะ
ใบหน้าของผมมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาทันที ดีใจที่อุ๋มส่งมาง้อต่อ แถมยังบอกว่ารู้สึกพิเศษกับผมอีก ผมนั่งนึกคำตอบ จะตอบอะไรกลับไปดีล่ะ
อืม : GRAPH
ตอบไปแบบสั้น ๆ นี่แหละ เผื่อว่าอุ๋มจะส่งอะไรมาง้ออีก และก็เป็นอย่างที่ผมคิด เธอส่งมาอีก
AUM : อุ๋มมีงานที่สนามแข่งรถด้วย เห็นชื่อทีมกราฟด้วยอะ เดี๋ยวเสร็จงานแล้วไปกินข้าวกันปะ
งานแข่งรถ? มีงานด้วยเหรอวะ ไม่เห็นรู้เรื่อง
“ช่วงนี้มีแข่งรถเหรอวะ” ผมละสายตาจากหน้าจอสมาร์ตโฟนแล้วถามพวกเพื่อน
“เสาร์หน้าไง สนามเดิม” ไอ้ไฟตอบเสียงเรียบ
“มึงถามเหมือนมึงไม่รู้”
“ไม่ได้ดูไลน์กลุ่มหรือไง” ไอ้ภีมถามต่อจากไอ้ปืน ผมส่ายหน้าช้า ๆ ให้เป็นคำตอบ ช่วงนี้เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ไม่ค่อยได้ดูได้คุยกับพวกพี่ ๆ ในทีม
ผมกดเข้าไลน์กลุ่มวินโซน ข้อความค้างเยอะมาก ค่อย ๆ ไล่ดูก็เห็นว่าพี่ลมส่งไว้ในกลุ่มตั้งนานแล้ว รอบนี้แข่งกันหลายทีม และคนที่เป็นนักแข่งที่จะลงแข่งก็คือไอ้ไฟคนดีคนเดิม คนที่ไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง
“พริตตี้ของทีมเรานี่ใครวะ” ผมถามต่อ ทีมอื่นมีพริตตี้ ทีมเราก็ต้องมีสิ
“ไอติมไง” ไอ้ไฟตอบ ที่แท้ก็แฟนมันเองที่จะมาเป็นพริตตี้ให้ทีม
คู่นี้ดีว่ะ กอบโกยเงินเข้ากระเป๋ากันทั้งคู่ นี่ถ้าผมคบกับอุ๋มเมื่อไหร่ ผมก็จะให้อุ๋มมาเป็นพริตตี้ทีมเราบ้าง แย่งกันทำมาหากินแน่คราวนี้!
“มึงยิ้มเชี่ยอะไร” ฟองถามขึ้นมา เบื่อเสียงมันที่สุดอะ มันชอบ
ส่งเสียงทำลายสิ่งที่ผมมโน กำลังเพ้ออยู่ว่าถ้าอุ๋มมาเป็นพริตตี้ให้ทีมวินโซน ผมจะเป็นช่างภาพให้เธอเอง
“กูมีความสุข” ผมตอบกลับแล้วไหวไหล่ด้วยท่าทางกวน ๆ
“จินตนาการจนมีความสุขสินะ” กลอยเผยรอยยิ้มร้าย ผมเลยดันตัวลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือไปตีหน้าผากกลอยเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้
พูดมาก!
ผมตอบอุ๋มกลับไปแล้วแยกย้ายกันไปขึ้นเรียน ขณะที่เรียนก็คิดแต่เรื่องอุ๋ม ถ้าเธอเป็นแบบนี้ไปตลอดก็คงดีไม่น้อย…
สาย ๆ ของวันหยุดแบบนี้กลอยก็คงยังไม่ตื่น ผมก็ไม่ได้โทรมาปลุก แต่ผมมาถึงหน้าห้องเธอเลย ยื่นนิ้วไปกดออดหลายครั้ง ยืนรออยู่ราว ๆ ห้านาที กว่าที่คนด้านในจะมาเปิดประตูให้
“มึงมาทำไม พริตตี้เทมึงอีกแล้วหรือไง”
“เปล่าโว้ย” ผมดันหน้าผากกลอยให้เธอถอยหลังเข้าไปในห้อง
โซฟานุ่ม ๆ ของกลอยเป็นที่เอนตัวของผม รู้สึกว่าพื้นที่ข้าง ๆ ยุบลง ก็ไม่พ้นเจ้าของห้องนั่นแหละที่มานั่ง เธอเอามือขยี้เส้นผม ท่าทางหงุดหงิดไม่น้อยที่ผมมาปลุก
“มึงมาทำไม มึงพูดมาเลย” ใบหน้าสวยงอง้ำ แสดงถึงความไม่พอใจ
“จะชวนไปทำสิ่งที่มึงชอบ” ผมตอบไปยิ้มไป ส่วนคนข้าง ๆ ไล่สายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า คงนึกแปลกใจว่าผมมาไม้ไหน
“อะไรวะ” กลอยถามกลับมา
“จะชวนไปถ่ายรูป กูอยากเป็นคนถ่ายรูปให้อุ๋มเอง แต่กูถ่ายไม่สวย ไม่รู้มุม กูเลยจะชวนมึงไปเป็นนางแบบให้กูหน่อย” ผมส่งสายตาอ้อนวอน ในขณะที่กลอยกลอกตาไปมา สีหน้าของกลอยในตอนนี้เป็นคำตอบได้ดีว่าไม่! เธอไม่ได้ชอบถ่ายรูปขนาดนั้น ถ่ายเวลาไปเที่ยวอะถ่าย แต่ถ้าจะมาถ่ายแบบนี้เธอไม่ถ่ายหรอก
“กูขอร้องนะกลอย ช่วยกูหน่อยดิ” ผมจับมือกลอยไว้แล้วพูด
เสียงอ่อนเสียงหวาน หวังให้กลอยเห็นใจ แต่สุดท้ายเธอก็ส่ายหน้ากลับมา แถมยังยกมือป้องปากหาว ตอกย้ำว่าเธอต้องการนอนเสียมากกว่า
ไม่รู้แหละ อย่างไรผมก็ต้องตื๊อให้กลอยยอมไปกับผมให้ได้!
“เดี๋ยวเลี้ยงหมูทะ” ผมยื่นข้อเสนอ ถ้ากลอยยอมไปเดี๋ยวผมพาไปเลี้ยงจริง ๆ
“ไม่อะ” แต่กลอยก็ตอบแบบไม่ต้องคิดอยู่ดี
“ชาบูปะ” เผื่อจะกลัวหัวเหม็นจากหมูกระทะ ผมเลยเปลี่ยนเป็นชาบูแทน
“ไม่อะ”
“อาหารทะเลไหม ปูสด ๆ หวาน ๆ กุ้งตัวโต ๆ งี้” เอาของโปรดมาล่อ เผื่อกลอยเปลี่ยนใจ
“ไม่อะ”
“บุฟเฟ่ต์โรงแรมปะล่ะ เอาแบบที่ติดแม่น้ำเลย หรือจะล่องเรือก็ได้นะ เอาปะ” ผมทุ่มเกินไปปะวะเนี่ย แต่ก็เอาวะ เผื่อกลอยสนใจ
“ไม่! กูไม่ได้หิว กูง่วง กูต้องการนอน” กลอยพูดจบก็เอนตัวล้ม
ลงนอนบนโซฟาแล้วปิดเปลือกตาไปเลย
ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยลงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นตรงหน้ากลอย ก้มหน้าลงไปใกล้ ๆ ให้กลอยลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าอ้อน ๆ ของผมเป็นอันดับแรก
“เป็นนางแบบให้กูหน่อยน้า กูขอร้อง”
หัวคิ้วเรียวขยับย่นเข้าหากัน เธอคงนึกแปลกใจว่าทำไมเสียงผม
อยู่ใกล้ขนาดนี้ กลอยค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
“กราฟ! มึงทำไรเนี่ย” กลอยพยายามจะถอยหนี แต่ผมก็เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ อีกทั้งยังส่งสายตาออดอ้อน
กลอยเผยอปากเล็กน้อยแล้วยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเอง แล้วค่อยดันตัวขึ้นนั่งเพื่อให้ใบหน้าของเราห่างกัน ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่รู้สึกว่าพวงแก้มของกลอยขึ้นสีแดงระเรื่อ ปกติกลอยก็แก้มแดงอยู่แล้ว เลยทำให้ผมไม่มั่นใจ
“ไปเถอะนะ” ผมขอร้องกลอยอีกครั้ง คราวนี้เธอหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากมองหน้าผม
“เออ ๆ ไปก็ไป” แต่สุดท้ายเธอก็ตอบตกลง
“เยส!” ผมเอ่ยออกมาด้วยความดีใจที่กลอยตอบตกลงไปเป็นนางแบบให้ผม แต่ไม่ได้แสดงอาการดีใจแค่เสียงเท่านั้น ผมโผเข้ากอดกลอยไว้ด้วย “ถ้ากูได้คบกับอุ๋มเมื่อไหร่ กูจะไม่ลืมบุญคุณของมึงเลย”
กลอยเป็นคนที่อยู่ข้าง ๆ ผมมาตลอด ขอร้องให้ช่วยอะไรก็ช่วย เพื่อนผมมันน่ารักจริง ๆ
“ตอนนี้ช่วยปล่อยกอดกูก่อน ร่างกายกูจะเก็บไว้ให้ว่าที่ผัวเท่านั้นจ้ะ”
ผมปล่อยกอดแล้วมองหน้ากลอยนิ่ง ๆ กอดแค่นี้ทำเป็นหวง นี่ถ้าไม่ติดว่ากลอยมีบุญคุณนะ จะเบิดกะโหลกสักที!