“ไอ้กราฟ หัวกูจะหลุดแล้ว” กลอยร้องโวยวาย ศีรษะของเธอโอนเอนไปตามแรงที่ผมขยี้เส้นผม
“มึงจะพูดถึงอุ๋มทำเชี่ยอะไร กูอุตส่าห์ไม่คิดเรื่องเขา มึงก็เสือกพูดให้กูคิด” ผมแกล้งดึงผมกลอยเบา ๆ ให้เธอหงายหลังตามแรงดึง
“เบา ๆ ไอ้เพื่อนชั่ว” กลอยยังคงโวยวาย
โวยซะเวอร์! ไม่ได้ทำรุนแรงขนาดนั้นสักหน่อย
“มึงอย่าพูดถึงเขาอีกนะ กูไม่อยากนึกถึง” ผมพูดกับกลอยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่อยากนึกถึงเขาจริง ๆ ถ้ามัวแต่นึกถึง เดี๋ยวผมต้องเป็นฝ่าย
โทรหา หรือทักหาเขาก่อนอีก เหมือนผมต้องคอยง้อเขาทั้งที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
“เออ ๆ กูไม่พูดแล้ว”
ผมเห็นว่ากลอยรับปากดี ๆ ผมก็เลยจัดการเช็ดผมให้กลอยแบบดี ๆ จนเส้นผมของเธอไม่มีน้ำหยดแล้ว ผมเลยเดินเข้าไปในห้องนอน เอาไดร์เป่าผมออกมาเป่าให้กลอย หาอะไรทำฆ่าเวลาและแก้เบื่อไปเรื่อย
กลอยเอื้อมหยิบขนมมากิน บางครั้งก็หยิบชิ้นขนมแล้วยกแขนขึ้นสูง ให้ผมงับขนมเข้าปาก เราทำแบบนี้จนเส้นผมของกลอยแห้งสนิท
“กูขอลองรัดผมหน่อยดิ เผื่อวันไหนที่อุ๋มยอมเป็นแฟนกู กูจะได้รัดให้เขา” ผมเคยเห็นไอ้มาร์ชรัดผมให้ฟอง ผมก็อยากลองทำดูบ้าง
“สั่งห้ามกูพูด แต่มึงดันพูดเอง” เออว่ะ ผมก็ลืมตัว เผลอพูดถึงอุ๋มซะงั้น
“ขอรัดนะ” ผมขออีกครั้ง
คนตรงหน้าพยักหน้าตอบตกลง ผมเลยเดินเข้าไปเอาหวีและ
ยางรัดผมออกมา ลองรัดให้กลอยหลายครั้ง ก็ออกมาทุเรศทุกครั้ง ไม่มีความเรียบบ้าง รวบไม่หมดบ้าง
“โอ๊ยยย กราฟ ผมกูหลุดหมดหัวแล้ว” กลอยร้องออกมาเมื่อผมดึงหนังยางออก
“โทษที รุนแรงไปหน่อย” ผมมองที่ยางรัดผมแล้วกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ เส้นผมของกลอยพันติดอยู่ที่ยางหลายเส้น ไม่แปลกที่เธอจะร้องออกมาแบบนั้น
“กูรัดเอง ให้มึงรัดอีก ผมกูแย่แน่” กลอยดึงหนังยางจากมือผมไป เธอเห็นเส้นผมของตัวเองที่พันอยู่กับหนังยางแล้วเบิกตาโพลง สายตาที่
เต็มไปด้วยความตกใจตวัดมาทางผม ริมฝีปากบางค่อย ๆ อ้าช้า ๆ ผมรีบวิ่งแจ้นไปที่ห้องนอนของกลอย ก่อนที่เธอจะโวยวายใส่
“กราฟ! มึงทำอะไรกับหัวกูเนี่ย”
ผมไม่สนใจเสียงของกลอย ใช้ห้องน้ำในห้องนอนของเธอเสียเลย แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ผมเข้ามาอยู่ที่นี่ จนกลอยชินกับผมแล้ว ผมตั้งใจว่าจะค้างที่นี่สักคืน แล้วค่อยกลับไปที่บ้านไอ้ไฟ
ชุดนอนไม่มี ก็ไม่ใช่ปัญหา ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนนอนก็ได้ แม้จะอึดอัด
ไปหน่อยก็ไม่เป็นไร
แต่ละครั้งที่ผมมานอนที่นี่ ผมไม่ได้นอนในห้องนอนของกลอยหรอก ผมนอนที่โซฟา และส่วนใหญ่ก็นอนไม่ค่อยหลับ ในหัวคิดแต่เรื่องอุ๋มจนนอนไม่หลับ คืนนี้ก็คงเป็นแบบนั้น…
หลังจากที่ผมหนีเข้ามาอาบน้ำราว ๆ ครึ่งชั่วโมง ผมก็ค่อย ๆ ย่องออกมา หันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวง กลัวว่ากลอยจะมาดักตีกบาลผมเข้า บรรยากาศดูปกติดี แถมยังมีเสียงฮัมเพลงดังมาถึงประตูห้องนอน ผมชะโงกหน้าไปมองทั้งที่ตัวยังอยู่ในห้อง
เจ้าของห้องกำลังทำอาหารอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัว ท่าทางคล่องแคล่วไม่ใช่เล่น ๆ ก็รู้มาบ้างว่ากลอยหัดทำอาหารมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะคล่องขนาดนี้
ผมยืนพิงกรอบประตู ยกแขนขึ้นกอดอก คอยมองเวลากลอยทำอาหาร จนเธอหันมาเอาเห็ดที่โต๊ะด้านหลัง ทั้งเธอและผมต่างสะดุ้งเล็กน้อย
“มาอยู่ห้องกู แทนที่จะช่วยกูทำมื้อเย็น ดันมายืนมองเฉย ๆ” กลอยเอ่ยออกมา ผมไหวไหล่อย่างกวน ๆ แล้วเดินเข้าไปหากลอย
“ว่ากันว่า ร้องเพลงตอนทำกับข้าว จะมีแฟนแก่”
“นาทีนี้ จะหนุ่มจะแก่กูก็เอาหมดอะ แห้งมากกกก”
“ฮ่า ๆ” ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “ไปเที่ยวเดี๋ยวก็ได้”
ไปเที่ยวที่ผมพูดถึง คือไปเที่ยวกลางคืนอย่างที่เคยไปเมื่อก่อนนี้ เมื่อก่อนเราไปกันบ่อย แต่ตั้งแต่ขึ้นปี 4 ก็ไม่ค่อยได้ไปแล้ว
“ไปกับใครอะ มีแฟนกันเกือบหมดแก๊งละ”
“ไปกับกูปะล่ะ ไปคืนนี้เลย”
“ไม่อะ ไปกับมึง ใคร ๆ ก็คิดว่าผัว กูก็อดอีกอะ”
“เออว่ะ” จริงอย่างที่กลอยพูด ไปไหนมาไหนกันสองคนบ่อย จนใคร ๆ ก็คิดว่าเป็นแฟนกัน บางครั้งเราก็ปฏิเสธ บางครั้งเราก็ปล่อยเลยตามเลย
“ทำไรกินบ้างอะ” ผมถาม จะได้ช่วยกลอยหยิบจับทำอะไรได้ถูก
“ไก่ทอด ต้มยำไก่”
“ฮะ!” เอาจริงเหรอวะ จะกินแต่ไก่จริงดิ
“ล้อเล่น นี่มึงดูไม่ออกเหรอว่าเป็นปลา”
ผมดึงทัพพีในมือกลอยมาคนละตักขึ้นมาดู เธอทำต้มยำปลา ไม่ใช่ไก่อย่างที่เธอพูด ผมคืนทัพพีให้แล้วแกล้งทำท่าจะศอกใส่กลอย เธอดันศอกผมแล้วกดปิดเตา
“มีอะไรให้ช่วยปะ” ผมถาม เธอปิดเตาแล้ว ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง
“ช่วยไรล่ะ กูทำเสร็จแล้วเนี่ย เดี๋ยวตอนจะกินค่อยทอดไข่เจียว”
“ไม่เอาไข่เจียวได้ปะ” ผมแสดงความอ้อนวอนผ่านน้ำเสียงและสีหน้า กลอยกลอกตาไปมา คงรำคาญที่ผมเรื่องมาก ผมเลยพูดต่อ “ไอ้ภีมมันทอด
ให้กินแทบทุกวัน หน้ากูจะเป็นไข่แล้ว”
ไอ้ภีมมันกินแต่ไข่เจียว มันกินเกือบทุกวัน แถมยังมาบังคับให้ผมกินด้วย ไอ้มาร์ช ไอ้ปืน ไอ้ไฟ สามคนนั้นมันโชคดีที่ไปอยู่กับแฟน พวกมันเลยหลุดพ้นจากไข่เจียว
“อะ ๆ ก็ได้ เดี๋ยวกูหมักหมูให้กิน”
“กราบขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้กลอยไปแบบสวย ๆ แล้วยืนดูกลอยหมักหมูจนเสร็จ
อยู่กับกลอย ผมลืมเรื่องอุ๋มไปเกือบสนิท มานึกขึ้นได้ก็ตอนที่จะเข้านอนกันอยู่แล้ว เพราะแบบนี้นี่แหละ ผมถึงได้อยากมาอยู่กับกลอย ได้ทำนั่นทำนี่ ฟังกลอยบ่นบ้างไรบ้าง ในหัวนี่ไม่มีเวลาได้คิดเรื่องอื่นเลย
ผมกดโทรศัพท์ดูก็เห็นว่าอุ๋มส่งไลน์มาหาทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง เธอเริ่มทักมาตอนห้าโมงเย็น ยาวจนถึงสี่ทุ่มครึ่ง แต่ก็แปลกที่ไม่โทรมา
“ยิ้มมมมม ยิ้มขนาดนี้ สาวง้ออะดิ” กลอยแซว ผมเลยหันหน้าจอโทรศัพท์ให้กลอยดู
“ก็ดีแล้ว ให้เขาเป็นฝ่ายตามมึงบ้าง” กลอยพูดต่อ ผมพยักหน้ารับ เห็นอุ๋มทักมาบ่อยแบบนี้แล้วใจชื้นขึ้นมา รู้สึกว่าเธอก็ให้ความสำคัญกับผมบ้างแล้ว
ผมไม่ได้เตรียมชุดนอนมา สวมชุดเดิมนอน ทั้งที่ควรจะอึดอัดแต่ก็ไม่เลย อย่างว่าอะเนอะ พอมันมีความสุข อะไร ๆ ก็รู้สึกดีไปหมด
คืนนี้ผมไม่ได้ว้าวุ่นใจจนนอนไม่หลับอย่างที่เคยเป็น แต่ผมก็ดัน
อิ่มเอมใจจนนอนไม่หลับเช่นกัน ดีใจฉิบหายที่อุ๋มเป็นฝ่ายง้อ ผมเลื่อนอ่านที่อุ๋มส่งมาวนไปวนมาไม่รู้จักเบื่อ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรเธอไปหรอกนะ เห็นว่าดึกแล้ว ป่านนี้อุ๋มนอนแล้วแหละ ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยทักหาก็แล้วกัน…