Chapter 3 ลิ้นกับฟัน

4415 Words
Chapter 3 ลิ้นกับฟัน “พระเจ้า เมืองไทยมีแบบนี้ด้วยเหรอ ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อน” นรบดีไล่สายตาไปยังผืนน้ำกว้างใหญ่เบื้องหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ ภาพศาสนสถานที่จมอยู่ใต้ผืนน้ำช่างมีมนต์ขลังสะกดใจเขายิ่งนัก ชายหนุ่มคว้ากล้องคู่ใจขึ้นมารัวชัตเตอร์อย่างไม่ยั้ง เปลี่ยนมุมไปเรื่อย เพื่อเก็บความประทับใจนี้ไปให้มารดาของเขาดู “นี่แหละ อันซีนไทยแลนด์” ภัทรพลเอ่ยออกมา ก่อนชวนทั้งหมดไปติดต่อเรือนำเที่ยว เพื่อที่จะพาชมซากวัดโบราณที่จมอยู่ใต้น้ำ โดยจะล่องไปรอบ ๆ ทะเลสาบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมกันอย่างใกล้ชิดในทุกแง่มุม วัดวังก์วิเวการาม หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า วัดใต้น้ำ ถูกริเริ่มขึ้นโดยหลวงพ่ออุตตมะ โดยมีชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมาด้วยความศรัทธา ลักษณะการก่อสร้างเป็นศิลปะแบบพม่า แต่เมื่อทางการได้ มีโครงการก่อสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์เพื่อใช้กักเก็บน้ำ หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า เขื่อนเขาแหลม น้ำในเขื่อนเขาแหลมได้ไหลบ่าท่วมตัวอำเภอเก่ารวมทั้งรอบ ๆ หมู่บ้านชาวมอญที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ปัจจุบันทางวัดจึงได้ย้ายมาอยู่บนเนินเขาที่ทางการจัดสรรเอาไว้ให้ ซึ่งมีงาช้างแมม มอธและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อที่จัดไว้ให้ชม มีพระพุทธรูปที่ทำจากหินอ่อน และยังมีเจดีย์พุทธคยาที่จำลองแบบมาจากประเทศอินเดียด้วย หลังจากที่ล่องเรือชมศาสนสถานใต้น้ำจนพอใจแล้ว ทั้งหมดจึงพากันมากราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์และทำบุญภายในวัดที่ตั้งอยู่บนเชิงเขา ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักของการมาเยือนในวันนี้ “อะไร…” ภัทรพลทำหน้างง เมื่อจู่ ๆ นรบดีก็ยื่นกล้องมาให้ หลังจากที่ทั้งหมดได้กราบขอพรพระกันจนเสร็จแล้ว “กล้องไงครับ ไม่รู้จักเหรอ เดอะ คาเมร่าน่ะ รู้จักไหมครับ” นรบดีทำน้ำเสียงยียวน พลางยัดกล้องใส่มือเพื่อน ก่อนขยิบตาให้เพื่อเป็นอันรู้กัน ด้วยอยากให้เพื่อนจับภาพ เขากับหญิงสาวที่กำลังยืนชมงาช้างแมมมอธอยู่อย่างสนใจ “เอายัง” ภัทรพลเอ่ยถาม กล้องในมืออยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะรัวชัตเตอร์ได้ทันที “เดี๋ยวสิ” “คุณมุกครับ” นรบดีรีบปราดเข้าไปยืนอยู่ข้างหญิงสาวที่กำลังเผลอ ก่อนสะกิดแขนให้หันหน้ามาทางเขา เสียงชัตเตอร์รัวขึ้นทันที เมื่อไหล่กลมมนถูกโอบกอดเอาไว้อย่างถือวิสาสะ “อะไรของคุณ” “ผมแค่อยากเก็บคุณเอาไว้ในความทรงจำ เผื่อวันข้างหน้าเราอาจไม่ได้พบกันอีก” การที่เขามาในอารมณ์ซึ้ง ทำให้หญิงสาวรู้สึกเขินอายไม่น้อย แต่จำต้องกลบเกลื่อนมันเอาไว้ เพราะหล่อนเชื่อว่าเขาคงพูดสนุกปากไปอย่างนั้นเอง ไอรดากัดฟันยิ้มออกมา เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้สะสางบัญชีแค้น รวมทั้งที่เขาหลอกแต๊ะอั๋งหล่อนเมื่อสักครู่นี้ด้วย “ผมพูดจริงนะ…โอ๊ะ!” นรบดีเอามือกุมท้องด้วยความเจ็บจุก เมื่อกำปั้นเล็กแต่ทว่าหนักเอาการ ได้กระแทกมาที่ช่องท้องของเขาอย่างแม่นยำ ด้วยไม่ทันได้ระวังตัวจึงเป็นฝ่ายถูกจู่โจมเสียก่อน “เล่นอะไรเนี่ยคุณ ผมเจ็บนะ…ซี๊ดด” นรบดีสูดปากให้ได้รู้ว่าเขาเจ็บจริง จนภัทรพลรีบปราดเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง “ผมบอกแล้วว่าอย่าแหย่รังแตน เป็นยังไงล่ะ เจอแตนต่อยสนุกไหมครับ คุณด็อกเตอร์คนเก่ง” ภัทรพลค่อยโล่งอก ที่เห็นว่าเพื่อนยังมีชีวิตรอดปลอดภัยดี ไม่ได้ช้ำในตายไปกับชั้นเชิงมวยไทยของไอรดา “เพื่อนคุณซาดิสถ์จัง” “ไทย บ็อกซิ่ง ไงคะ ไม่เคยได้ยินหรือคะ คุณด๊อก เตอร์รูปหล่อ” หญิงสาวหัวเราะชอบใจ ที่ได้สั่งสอนให้เขาได้รู้ถึงอิทธิฤทธิ์ของหล่อนเสียบ้าง เขาจะได้เข็ดหลาบ ไม่กล้ามารุ่มร่ามกับหล่อนอีก “อูย…ไทย บ๊อกซิ่งผมไม่ถนัดหรอก บังเอิญผมถนัดแต่ไทย มาสสาจ” “หึ…สงสัยจะเมื่อยบ่อยล่ะสิ” “ถ้าคุณมุกจะกรุณา ว่าง ๆ เราไปเรียน ไทย มาสสาจ กันสองคนดีไหม ผมจะสอนให้ฟรี ๆ ไม่คิดค่าจ้าง” คนเจ็บไม่วายปากดี คำพูดนั้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และแววตากรุ้มกริ่ม จนภัทรพลต้องรีบจับทั้งสองแยกจากกัน โดยการเข้าไปยืนแทรกกลางเอาไว้ “หยุดเถอะครับ นี่มันในวัดนะครับคุณนัท เดี๋ยวก็เจ็บตัวอีกหรอก คุณคงไม่รู้สินะ ว่าไข่มุกเธอมีงานอดิเรกคือการซ้อมมวยไทย” “จริงเหรอเนี่ย” นรบดีทำหน้าคล้ายไม่เชื่อ เนื่องจากรูปร่างหน้าตาของหล่อนไม่ให้เลยสักนิด กล้ามขาก็ไม่เห็นมี ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะพิสมัยกีฬาประเภทนี้ ผิดจากนิสัยผู้หญิงโดยทั่วไป “รู้แล้วก็จงสงบปากสงบคำซะ เพราะฉันจะไม่รับรองความปลอดภัยของคุณ หากยังซ่าส์ไม่เลิกอีก” “แหม ช่างบังเอิญจริงนะครับ คุณคงไม่รู้ว่าผมชอบผู้หญิงต่อยมวย เพราะมันดูเข้มแข็งดี จริงมั้ยครับ หมวดเต้” “ผมเห็นคุณก็ชอบทุกคน” ภัทรพลเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนเดินหนีไป ปล่อยให้ทั้งสองประจันหน้ากันต่อ คิดว่าเดี๋ยวก็คงเบื่อที่จะปะทะคารมกันไปเอง “แต่ฉันไม่ชอบด็อกเตอร์ และก็ไม่ชอบลูกครึ่ง โดยเฉพาะลูกครึ่งไทย-อเมริกัน” คำพูดนั้นมาพร้อมกับปลายนิ้วชี้ที่จิ้มไปยังอกแกร่งอย่างท้าทาย นรบดีใช้ความว่องไวรวบมือนุ่มเอาไว้ ก่อนทำท่าจะยกขึ้นไปแนบริมฝีปาก แต่อีกฝ่ายรู้ทันรีบสะบัดมือออกจากการถูกกอบกุม “แต่ผมชอบคุณ” “เรื่องของคุณ” “คุณพูดผิด มันต้องเรื่องของเราสิ” “หากคิดว่าฉันจะหลงเสน่ห์คุณ รอชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เถอะย่ะ” พูดจบจึงเดินกระแทกเท้าหนีไป ด้วยคิดว่าถ้าอยู่ต่อก็ต้องไม่วายที่จะปะทะคารมกันอยู่ร่ำไป เพราะดูท่าแล้วเขาชอบที่จะหาเรื่องชวนทะเลาะได้ทุกสถานการณ์เสียด้วย “คุณท้าทายผิดคนแล้ว ไอรดา คุณยังไม่รู้จักคู่ชก ของคุณดีพอด้วยซ้ำ ไทย บ็อกซิ่ง น่ะเหรอ มันเด็กเกินไปสำหรับผม” นรบดียิ้มมุมปาก ก่อนเดินตามหล่อนออกไปด้านนอก รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ปะทะคารม นรบดีมีโอกาสได้ย้อนกลับมาที่ฟาร์มโอภาวัฒน์อีกครั้ง เมื่อภัทรพลขันอาสามาส่งไอรดาถึงบ้าน และด้วยมารยาทที่เลี่ยงไม่ได้ หญิงสาวจึงชวนทั้งสองทานอาหารเย็นพร้อมกัน และแนะนำให้นอนค้างที่ฟาร์ม เนื่องจากเห็นว่าถ้าจะย้อนกลับไปก็คงดึกมาก ทำให้เหลือเวลาพักผ่อนน้อย เพราะเห็นว่าวันรุ่งขึ้นภัทรพลก็ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปทำงานตามปรกติ คนที่ดีใจที่สุดก็คงไม่พ้นนรบดี เนื่องจากทุกอย่างเข้าทางเขาพอดีราวกามเทพเป็นใจ หากคิดจะได้ลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือ ชายหนุ่มจึงมีความคิดว่า การตีสนิทกับมารดาของหล่อนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนี้ “เชิญจ้ะ” อรวรรณเดินนำพาสองหนุ่มไปยังบ้านพักรับรอง ที่อยู่ติดกันกับบ้านพักของนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ซึ่งมีการแบ่งโซนเอาไว้โดยเฉพาะ สำหรับเพื่อนพ้องญาติพี่น้อง แม้กระทั่งคนรู้จักที่ต้องการมาค้างยังฟาร์มแห่งนี้ “ตามสบายนะจ๊ะ แล้วเดี๋ยวไปทานข้าวด้วยกัน” สองหนุ่มเอ่ยขอบคุณเจ้าบ้านใจดี ก่อนแยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาตลอดทั้งวัน ส่วนเสื้อผ้าก็ไม่ต้องหาจากไหน โดยอรวรรณนำของสามีที่ยังไม่ได้ใส่มาให้สองหนุ่มสวมใส่ไปก่อน ซึ่งก็พอแก้ขัดไปได้บ้าง “คุณพ่อไปไหนคะคุณแม่” ไอรดาเอ่ยขึ้น เมื่อเดินมาสมทบที่โต๊ะอาหารแล้วค่อนข้างแปลกใจ เมื่อไม่เห็นบิดามาร่วมวงอย่างเช่นทุกวัน “ไปเยี่ยมญาติของคนที่ตายในฟาร์มของเราจ้ะ” อรวรรณเอ่ยขึ้นเพราะเหตุการณ์คราวนี้มีคนเสียชีวิตด้วย จึงต้องมอบเงินค่าทำขวัญไปส่วนหนึ่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ไอรดาหน้าหมองลงไปทันที หัวใจไหววูบไปเล็กน้อย เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มันยังเป็นฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนอยู่ทุกวันนี้ ฝังแน่นอยู่ในใจเกี่ยวกับเรื่องที่มีคนมาเสียชีวิตในฟาร์ม “น่าสงสารครอบครัวเขานะคะ แต่มันเหตุสุดวิสัยจริง ๆ” “ผมเชื่อว่าพวกเขาน่าจะเข้าใจนะครับ” นรบดีแทรกขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าเศร้าของหญิงสาวข้างกาย ด้วยเขาเองไม่อยากให้บรรยากาศต้องย่ำแย่มากไปกว่านี้ จึงพยายามทำให้หล่อนไม่คิดมาก พานให้ทานอะไรไม่ลง “คุณแม่น่าจะทำบุญฟาร์มบ้างนะครับ มีคนตายมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ภัทรพลแสดงความคิดเห็นขึ้นมาบ้าง “นั่นสิครับ คุณแม่” นรบดีรีบทำเนียนเสริมทัพ ขณะทีคนข้างกายไม่เออออห่อหมกด้วย “คุณ! อย่ามาขี้ตู่นะ” ไอรดากระทุ้งข้อศอกไปที่สีข้างของนรบดีอย่างแรง เมื่อเห็นว่าเขาทำเนียนเรียกมารดาเธออย่างสนิทสนม ซ้ำยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก “ทีหมวดเต้ยังเรียกได้ ทำไมผมจะเรียกไม่ได้” ชายหนุ่มกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน เนื่องด้วยยังให้ความเกรงใจมารดาของไอรดา “ฉันสงวนสิทธิ์แค่หมวดเต้ย่ะ คนนอกไม่เกี่ยว” “อะไรกันมุก หัดเกรงใจคุณ…เอ่อ คุณ คุณนัท แหม เรียกยากเหมือนกันนะจ๊ะเนี่ย” มารดาของไอรดาหัวเราะออกมาเล็กน้อย เมื่อไม่รู้จะเรียกอีกฝ่ายว่าอะไรดี เพราะชื่อของชายหนุ่มนั้นพยางค์แรกก็นำหน้าด้วยสรรพนามแทนตัวอยู่แล้ว “เรียกคุณนัทไปเลยก็ได้ครับคุณแม่” นรบดีกล่าวยิ้ม ๆ พลางเอื้อมมือไปลูบสีข้างด้วยความเจ็บ เมื่อคนข้าง ๆ เขากระทุ้งข้อศอกมาอีกครั้ง “คนคิดชื่อนี่ล้ำลึกดีจริง เวลาใครเรียกก็เหมือนจะให้ความเคารพเราอยู่ตลอดเวลา” อรวรรณเอ่ยด้วยใจจริง รู้สึกชื่นชอบชื่อนี้ขึ้นมาในทันใด “คุณแม่ผมครับ ท่านตั้งให้ ที่จริงผมก็มีอีกชื่อ แต่ชอบที่จะใช้ชื่อนี้มากกว่า” “อ้าวเหรอจ๊ะ แหม มีหลายชื่อเสียด้วย” “หากคุณแม่ไม่สะดวกที่จะเรียก ต่อไปเรียกผมว่าเดนนิสก็ได้ครับ” “จ้ะ แต่แม่ชอบชื่อไทยมากกว่า เพราะดี” “ทานเยอะ ๆ นะครับ” นรบดีได้ที ชายหนุ่มยื่นมือไปตักกับข้าวใส่จานให้อรวรรณเพื่อผูกสัมพันธ์ให้แนบแน่น ในขณะที่ไอรดากับภัทรพลได้แต่นั่งอึ้ง มองทั้งสองนั่งสนทนากันอย่างออกรส แถมดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีเสียด้วย จนไอรดาอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ รู้สึกคันยุบยิบอยู่ที่ปาก ไวเท่าความคิด หล่อนจึงแขวะชายหนุ่มข้าง ๆ “รู้จักกันแค่ไม่นาน คุณแม่ก็ไว้ใจจนคุยกันถูกคอเสียแล้ว” ไอรดาทำหน้างอน ก่อนส่งค้อนให้ชายหนุ่มข้างกายราวเด็กกำลังอิจฉา รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกแย่งความรักไป “คุณนัทเขาทำอะไรให้หนูถึงได้ตั้งแง่กันนัก เมื่อตอนเป็นลมเขาก็เป็นคนอุ้มหนูมาส่ง” อรวรรณเอ็ดลูกสาวเสียงเข้ม เมื่อเห็นว่ายังนั่งหน้าง้ำไม่เลิก จริง ๆ แล้วหล่อนไม่อยากให้แขกบ้านแขกเมืองต้องเสียความรู้สึกที่เจ้าบ้านต้อนรับไม่ดี กลัวจะเสียชื่อที่ทั่วโลกขนานนามให้ว่าสยามเมืองยิ้ม “ช่างเถอะครับ อย่าว่าเธอเลย” “แหวะ…คนดีจริ๊งงง” “เอ้อ…คือ เราจะอิ่มกันหรือยังครับ ผมอิ่มจนจะลุกไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย” ภัทรพลรีบแทรกขึ้น เมื่อรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่า สงครามน้ำลายกำลังจะเปิดศึกขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มรวบช้อนเข้าด้วยกันก่อนพยักพเยิดให้นรบดีเตรียมตัวลุกออกจากบริเวณนี้ ด้วยเกรงว่าอยู่นานอาจจะเป็นเรื่องขึ้นมาได้ “ผมว่าจะขอตัวไปพักผ่อนก่อนน่ะครับ” “จ้า ตามสบายหมวดเต้ เชิญเลยจ้ะ คุณนัท นึกเสียว่าเป็นบ้านตัวเองนะจ๊ะ” “ครับ จะว่าไปแล้ว ที่นี่น่าอยู่นะครับ” “คนรักธรรมชาติจะชอบจ้ะ” “จริง ๆ แล้วคุณนัทเขามีฟาร์มโคนมอยู่ที่อเมริกาครับคุณแม่” “อ้าวเหรอจ๊ะ บังเอิญจัง มีฟาร์มเป็นของตัวเองเสียด้วย” ไอรดามองหน้าชายหนุ่มข้างกายคล้ายไม่เชื่อ หญิงสาวไล่สายตาสำรวจตั้งแต่ใบหน้าลงมาจนมาถึงแผงอกกำยำ ก่อนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ “อย่าบอกนะว่า คุณมาที่นี่เพื่อล้วงความลับฟาร์มของฉัน” “นี่คุณ ผมคงไม่ลงทุนขนาดนั้นหรอกมั้ง” “ไม่แน่หรอกค่ะ แววตาคุณมันไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด” “ทำไมครับ แววตาผมมันเป็นยังไง” “แววตาคุณน่ะเหรอ ไม่รู้สิ ฉันไม่ชอบ เพราะคุณชอบทำสายตาลามกใส่ฉัน” “แสดงว่าคุณก็เคยทำแบบนี้ใส่คนอื่นใช่ไหม ถึงได้รู้ว่าสายตาลามกมันเป็นอย่างไร หรือว่าตอนนี้ก็กำลังคิดแบบนั้นกับผมอยู่” “นี่คุณ!” หญิงสาวหน้าชาดิก พลางรีบยกมือขึ้นปิดปากของตนที่กำลังค้างด้วยความตกในทันที เขาว่าเธอเองก็ทำสายตาลามกอย่างนั้นหรือ มันเป็นอย่างไรกันนะ สายตาที่ว่านี้ นึกอยากวิ่งไปส่องกระจกดูหน้าตนเองยิ่งนัก อดที่จะปรายตาไปยังมารดาของตนไม่ได้ เห็นท่านส่งสายตาเป็นเชิงปรามว่าให้สงบปากสงบคำเสีย แม้อีกฝ่ายจะยั่วยุกลับมาก็ตามที ‘คุณแม่นะคุณแม่ มุกไม่ดีอยู่คนเดียว คอยดูนะ ฉันจะเล่นงานให้กลับประเทศไม่ทันเลยเชียว รู้จักยายมุกขาวีนน้อยไปเสียแล้ว’ หญิงสาวคิดในใจขณะหรี่ตามองชายหนุ่มข้าง ๆ ด้วยความหมั่นไส้ จมูกที่เริ่มแดงเห่อด้วยความโกรธทำให้ นรบดียิ่งนึกอยากแกล้งมากขึ้น “สงสัยแม่จะได้ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์เสียแล้วสิ ว่าง ๆ เรามาแชร์ประสบการณ์กันดีกว่าไหม” “ยินดีครับ สงสัยผมคงต้องมาเมืองไทยบ่อยขึ้นแล้วสิครับเนี่ย” นรบดีกล่าวยิ้ม ๆ สายตาจับจ้องหญิงสาวข้างกายไม่วางตา รอยยิ้มอย่างคนเป็นต่อทำให้ไอรดาอยากซัดเปรี้ยงไปที่ริมฝีปากได้รูปนั่นสักทีสองทีให้หายซ่า “ที่อเมริกาก็ขึ้นชื่อเรื่องน้ำนม ฟาร์มของคุณนัทนี่เป็นธุรกิจหลักเลยหรือเปล่า” “ครับ ตอนนี้คุณแม่ของผมบริหารอยู่” นรบดีเลี่ยงที่จะบอกความจริงทั้งหมด เขายังไม่อยากเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากนัก การที่เขามีบริษัทส่งออกน้ำนมวัวและควบตำแหน่งซีอีโอของไฟแนนซ์ ชายหนุ่มเลือกที่จะปกปิดมันเอาไว้ ด้วยเขาเองก็ยังไม่รู้จักอุปนิสัยใจคอของคนในฟาร์มแห่งนี้มากนัก “คุณแม่อย่าหลงคารมเชียวนะครับ คุณด็อกเตอร์เขาไม่ธรรมดา สาว ๆ งี้ติดกันตรึม ถามเขาสิ ว่าสาวแหม่มเสียน้ำตามากี่คนแล้ว” ภัทรพลหันไปเอ่ยกับอรวรรณ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ เมื่อเห็นผู้ที่ตกเป็นจำเลยกำลังด่าเขาทางสายตา “คุณก็พูดมั่วในเรื่องที่มันไม่จริง อย่าดิสเครดิตกันสิครับ” นรบดีรีบแย้งขึ้น ก่อนเอ่ยแก้ตัวกับคนข้าง ๆ “คุณมุก ผมไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนคุณพูดนะ คุณจะเชื่อไหม ว่าตลอดเวลาที่เติบโตมา ผมไม่เคยรู้จักว่าความรักมันเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมค้นพบแล้ว” ชายหนุ่มทำตาหวานซึ้งมาให้ ราวกับคนอื่นไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ ไอรดาได้แต่นั่งกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความ งุนงง ว่าสรุปแล้วมันคือมุกหรือเขาพูดจริง “ใครก็ได้ เอากระโถนให้ผมหน่อย” ภัทรพลพรวดพราดลุกขึ้น ก่อนทำท่าโก่งคอจะอาเจียนออกมา อรวรรณหัวเราะด้วยความขบขัน ขณะมองตามร่างสูงของภัทรพลไป แท้จริงแล้วชายหนุ่มไม่อยากอยู่ขัดจังหวะ เพราะคิดว่านรบดีเองก็คงต้องการแบบนั้น เขาจึงชิงเดินหนีออกไปโดยไม่รอเพื่อนของตน “ไปสิ หมวดเขากลับห้องแล้ว คุณจะอยู่เอาโล่ห์หรือยังไงกัน” ไอรดาเอ่ยปากไล่โดยไม่เกรงใจ แต่อีกฝ่ายยังคงนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ขยับเขยื้อนกายแถมยังขยับมาให้ใกล้ชิดหล่อนมากขึ้น “เอ่อ…มุกดูแลแขกไปก่อนนะ แม่ว่าจะขอตัวก่อน รู้สึกเพลียๆ ยังไงชอบกล” จู่ ๆ อรวรรณก็ลุกขึ้น ด้วยหล่อนเองต้องรีบไปกินยาแก้ไข้หลังอาหาร สาเหตุมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ร่างกายของหล่อนทรุดลงจนเป็นไข้รายวัน เป็น ๆ หาย ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ “อะ…อ้าว ทิ้งหนูกันหมดเลย” ไอรดามองใบหน้ามารดาด้วยสายตาเว้าวอน หล่อนไม่อยากอยู่เพียงลำพังสองต่อสองกับคนกวนโอ๊ยตรงหน้า เพราะดูแล้วเขาคงไม่ยอมกลับไปนอนอย่างง่ายดายแน่ ต่อให้ไล่ก็ตามที “คุณแม่รีบไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมก็ว่าจะไปนอนบ้างแล้ว เดินทางมาทั้งวันนี่เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” นรบดีเอ่ยคำพูดที่ช่างสวนทางกับความคิดออกมา เพราะเขาจะทำอย่างปากพูดที่ไหนกัน โอกาสมาถึงแล้ว เขาคงไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปอย่างง่ายดาย “อืม…แม่ขอตัวนะมุก เดี๋ยวคุณพ่อก็คงกลับมา” เอ่ยเพียงเท่านั้น อรวรรณจึงเดินแยกออกไป ทิ้งให้ไอรดาถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัดใจ “มองอะไรยะ” หญิงสาวตะคอกออกไปด้วยอารมณ์อันขุ่นมัว เพราะหล่อนไม่ชอบสายตาของเขาที่มองมาอย่างสำรวจ มันทำให้รู้สึกว่ากำลังถูกเล้าโลมทางสายตา “การที่ผมมองคุณ ก็แสดงว่าผมชื่นชม แทนที่คุณจะภูมิใจ ว่าคุณสามารถสะกดสายตาของผู้ชายอย่างผมให้มา สนใจคุณได้ กลับมาตั้งแง่รังเกียจกันเสียนี่” “เป็นบุญของยายไข่มุกจริงจริ๊ง ที่หล่อขั้นเทพมาสนใจ นี่ฉันต้องประกาศให้โลกรู้ด้วยหรือเปล่า” หญิงสาวลากเสียงสูงหวังประชดประชัน ก่อนลอบเบะปากออกมาด้วยความหมั่นไส้ “เอาเถอะ ถึงอย่างไรวันนี้คุณก็ต้องนั่งคุยเป็นเพื่อนผมอยู่ดี มันคือการแสดงตัวการเป็นเจ้าบ้านที่ดี หวังว่าคงไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ “ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันจะเอาคืนให้สาสมเชียว” “ช่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ ร่างกายผมไม่ได้หลั่งอะดรีนาลีนมานานแล้วเสียด้วยสิ” “ฉันไม่คุยด้วยแล้ว กวนประสาทที่สุด จะไปนอน” “ขอบคุณครับ” “ฉันด่าย่ะ” “ผมจะคิดเสียว่า ผู้หญิงด่าก็คือผู้หญิงให้ความสนใจ” “ทฤษฎีมั่ว ๆ มากกว่า เชิญนั่งไปคนเดียวเถอะ ฉันอยากนอนแล้ว” “เดี๋ยวสิครับ” นรบดีรีบคว้าแขนเรียวเอาไว้ เมื่อเห็นหล่อนพรวดพราดลุกขึ้นยืน เขายังไม่อยากผละออกไปจากตรงนี้ อยากอยู่คุยกับหล่อนให้นานที่สุด เสียงหัวใจเขาบอกอย่างนั้น “ถ้าหากผมจะทวงบุญคุณที่คุณติดหนี้ผม คุณต้องดื่มเป็นเพื่อนผมสักแก้ว แล้วผมจะไม่กวนคุณอีก” “ฉันไปเป็นหนี้คุณตอนไหนคะ” หญิงสาวทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนยอมนั่งลงตามเดิม เพราะกลัวว่าเขาจะถือวิสาสะรวบกอดหล่อนเอาไว้ เชื่อว่าเขาคงบ้าระห่ำพอที่จะทำแบบนั้นได้ “ที่ผมอุ้มคุณตอนเป็นลมไง ขอบอก ตัวหนักชะมัด” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ในขณะที่ ไอรดาถึงกับก้มลงมองตัวเองอย่างไม่มั่นใจ การที่เขาว่าหล่อนตัวหนัก นั่นแสดงว่าเขากำลังบอกว่าหล่อนอ้วน และหล่อนจะจิตตกมาก หากใครมากล่าวหาแบบนั้น “นี่คุณกำลังว่าฉันอ้วนใช่ไหม รู้นะ ว่าคิดอะไรอยู่” เสียงเขียวเอ่ยขึ้น รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาตงิด ๆ ที่ชายหนุ่มเบื้องหน้าช่างตาถั่วนัก ถึงได้กล้าพูดมันออกมา “ผมพูดออกไปตอนไหน ผมแค่บอกว่าคุณตัวหนัก ตัวหนักก็ไม่ได้หมายความว่าอ้วนนี่ครับ” “แต่ฉันซีเรียส ตัวหนักของฉันก็คืออ้วน มันอย่างเดียวกัน” “เอ้า ๆ ก็ได้ ผมยอมก็ได้ ใครจะกล้าว่าผู้หญิงหุ่นดีแบบคุณกันล่ะครับ รู้ไหม ว่าหุ่นแบบคุณใส่กางเกงยีนสวยมากเลย” นรบดีเอ่ยชมจากใจจริง เขาชอบลอบมองหล่อนตอนสวมใส่กางเกงยีน ขาเรียวยาวรับกับแก้มก้นงอนงาม เห็นแล้วนึกอยากจับมาตีก้นเสียให้เข็ด นึกไปถึงว่าหล่อนเป็นม้าสาวแสนพยศ แล้วเขาเป็นจ้อกกี้หนุ่ม ที่อยากจะขึ้นควบปราบให้ศิโรราบกลายเป็นม้าเชื่องที่เขาจะสั่งการให้ทำอะไรก็ได้ตามใจ “ขอบคุณที่ชมนะ” “ผู้หญิงนี่ยอมไม่ได้จริงๆ เรื่องหุ่นเนี่ย” นรบดีหัวเราะเล็ก ๆ ออกมา เมื่อเห็นอารมณ์ของหล่อนดีขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ “ฉันจะดื่มกับคุณสักแก้วก็แล้วกัน ในฐานะที่พูดถูกใจ” ไอรดายอมอย่างง่ายดาย แท้จริงหล่อนเพิ่งนึกอะไรสนุก ๆ ขึ้นมาได้ เมื่อกระเช้าของฝากที่คนรู้จักนำมาให้ลอยเด่นขึ้นมาในหัวสมอง มันมีบางอย่างอยู่ในกระเช้า และหล่อนก็หวังว่ามันคงยังอยู่ ไม่ถูกใครกินไปเสียก่อน “รออยู่นี่นะ เดี๋ยวฉันมา” ไอรดาหายไปพักใหญ่ จึงเดินย้อนกลับมาพร้อมขวดบางอย่างที่อยู่ในมือ หญิงสาวทำหน้าพยักพเยิดให้อีกฝ่ายลุกตามตนไปยังมุมสังสรรค์ที่อยู่หน้าบ้าน ก่อนเดินนำหน้าเขาออกไป นรบดีทำหน้างงเล็กน้อย เมื่อจู่ ๆ หล่อนก็มาพร้อมรอยยิ้มหวาน พร้อมชูขวดที่อยู่ในมือให้เขาดู “อยากลองไหมคะ” “มันคืออะไร” “ไทย ไวน์ ไวน์แบบไทย ๆ เคยได้ยินไหม” นรบดีส่ายหัว พลางหรี่ตามองหล่อนอย่างไม่ไว้ วางใจว่าจะมาไม้ไหนกันแน่ เขาไม่เคยดื่มอะไรที่มีสีสันแปลก ๆ แบบนี้มาก่อน นอกจากวิสกี้เท่านั้น “ว่าไง สนไหมคะ” “โน…” “เสียดายจัง มาเมืองไทยทั้งทีแล้วไม่ได้ลิ้มรสของดี” “ผมจะรู้ได้อย่างไร ว่าคุณไม่ได้ใส่อะไรลงไปในนี้” ชายหนุ่มพูดพลางชี้มือมายังขวดที่อยู่ในมือของหล่อน ไอรดายังคงยิ้มหวานออกมา ผิดแปลกไปจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง “ฉันจะดื่มให้คุณดูก่อน” “ไหนลองสิครับ” ชายหนุ่มคว้าแก้วมาถือไว้ ก่อนยื่นให้หล่อนรินเครื่องดื่มออกมาจากในขวดเพื่อพิสูจน์ให้เขาเห็น “ฉันคิดว่า ดื่มอย่างเดียวมันธรรมดาไป ไม่เร้าใจเอาเสียเลย เอาเป็นว่า เรามาดวลกันดีไหม คืนนี้ใครเมาจนต้องคลานเข้าห้องก่อน พรุ่งนี้เช้าจะต้องไปหอมก้นแม่วัวหนึ่งที” “ฮ่า ๆ” นรบดีถึงกับหัวเราะขบขันกับคำท้าทายนั่น ด้วยไม่คิดว่าหล่อนจะกล้าบ้าบิ่นท้าทายออกมาเช่นนี้ หญิงสาวตรงหน้าเขาคงต้องกินยาผิดขวดอย่างแน่นอน ถึงได้กล้าประกาศท้ารบกับสิงห์น้ำเมาเช่นเขา หล่อนยังรู้จักเขาน้อยไปเสียแล้ว “ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา…” ชายหนุ่มเอามือไปอังหน้าผากเนียนเพื่อพิสูจน์ว่าหล่อนยังคงมีสติสัมปชัญญะอยู่ครบถ้วน ขณะที่เอ่ยท้าเขา ออกมาก่อนหน้านั้น “พูดมาก จะรับคำท้าไหม” “นี่คุณ ท้าผิดคนแล้ว ผมว่าไม่ต้องเล่นหรอก มันรู้ผลตั้งแต่อยู่ในขวดแล้ว” “อย่าประมาทเกินไปนัก แล้วก็อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นสิคะ คุณด็อกเตอร์รูปหล่อ” หญิงสาวเผยรอยยิ้มเย็น พลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วในมือของเขามาถือเอาไว้ “ผมไม่อยากเล่น เพราะผมสงสารคุณที่พรุ่งนี้จะต้องไปจูบก้นแม่วัว” “สงสารฉันหรือสงสารตัวเองกันแน่ ผู้ชายอะไร ขี้ขลาดชะมัด” ประโยคท้ายหญิงสาวขมุบขมิบให้ได้ยินแค่คนเดียว แต่คนหูดีอย่างนรบดีได้ยินถนัดนัก ในเมื่อถูกสบประมาทกันขนาดนี้ เขาก็จะจัดให้อย่างสาสมเลยทีเดียว “ไทย ไวน์ อะไรของคุณเนี่ย ไม่ได้กินผมหรอก” “แน่ใจขนาดนั้นเชียว…” ‘ทำเป็นขำไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้จะขำไม่ออก…ฉันจะให้แม่วัวดีดจนกลับประเทศไปไม่ทันเลยคอยดู’ ไอรดากระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ เขายังไม่รู้จักเครื่อง ดื่มชนิดนี้ดีพอ ฤทธิ์ของกระแช่นั้นหากคนที่ลิ้นไม่คุ้นชินแล้ว อาจทำให้เมาขนาดจำทางกลับบ้านไม่ได้ก็แล้วกัน “มาเริ่มเลยมา” “แล้วฉันจะคอยนั่งหัวเราะ ดูคนจูบก้นแม่วัวในวันพรุ่งนี้” พูดจบจึงรินน้ำสีขาวขุ่นใส่แก้วใบเล็ก หญิงสาวชูแก้วขึ้นไปในอากาศ เพื่อที่จะเริ่มประเดิมแก้วแรกของเกมนี้ “แก้วแรกฉันประเดิม…เล็ทโก…” เครื่องดื่มในแก้วถูกกรอกลงคอรวดเดียวจนหมด หญิงสาวกระแทกแก้วลงกับโต๊ะ พลางมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างท้าทาย ก่อนรินเครื่องดื่มเติมจนเต็มแก้วอีกครั้ง “ตาคุณแล้ว” นรบดีเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ขณะคว้าแก้วมาถือเอาไว้ เขาชักสนุกกับเกมดวลในคืนนี้ขึ้นมาเสียแล้ว เมื่อเห็นลีลาการดื่มของเธอเมื่อสักครู่ คิดขณะกระดกแก้วเข้า ปากรวดเดียวจนหมดเช่นเดียวกัน… เกมดวลดุเดือดเริ่มขึ้น ท่ามกลางคืนเดือนหงาย…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD