เซียวอี้ถง จ้องมองใบหน้าของซูซูรอฟังว่านางจะตอบเช่นไร นางจะมีเหตุผลอะไร ถึงต้องทนอยู่ในหอนางโลม ฟู่หรงฮวาแห่งนี้ได้
“เพราะคุณหนูเคยบอกว่าต้องการตอบแทน พระคุณ ของ มาม่าหลี่”
“ตอบแทนพระคุณ อย่างนั้นเหรอ เพราะอะไร “เซียวอี้ถงถามต่อ ด้วยความอยากรู้
“เพราะ มาม่าหลี่เคยช่วยชีวิต ของท่านกับแม่ของท่านเมื่อครั้งที่ถูกอันธพาลคิดจะจับตัวแม่ของท่านไปขายที่หอนางโลมอีกแห่ง แต่มาม่าหลี่ไปเจอพวกท่านซะก่อนก็เลยช่วยท่านทั้งสองคน พร้อมกับให้เงินกับท่านแม่ก้อนหนึ่ง เพื่อไปตั้งตัว แต่ว่าพวกท่านในตอนนั้นไม่มีที่ไปก็เลยขอมาทำงานที่หอฟู่หรง ซึ่งตอนนั้นเป็นแค่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ขายแค่อาหารและมีห้องให้เช่าพัก แค่ไม่กี่ห้อง แต่มาม่าหลี่ก็ช่วยท่านทั้งสองโดยให้มาอยู่ด้วย และให้แม่ของท่านทำหน้าที่ ดูแลความสะอาดในโรงเตี๊ยม เจ้าค่ะ”ซูซูหยุดเล่า
“แล้วยังไงต่อ ซูซู”
“ต่อมา โรงเตี๊ยมฟู่หรง ก็เกิดขาดทุน ไม่มีลูกค้าเข้ามาพักเลย เพราะ มีโรงเตี๊ยมตั้งใหม่ มากมาย ที่สำคัญโรงเตี๊ยมเหล่านั้นไม่ได้ขายเฉพาะอาหารและเปิดห้องให้พักอย่างเดียว แต่กลับมีบรรดาสาวงาม คอยให้บริการ บรรดาแขกที่เข้าพักด้วย ทำให้ไม่มีแขกมาพักที่หอฟู่หรง เลย มาม่าหลี่เลยตัดสินใจ ปรับปรุงหอฟู่หรงให้เหมือนกับที่อื่น ๆ และเปลี่ยนชื่อเป็น ฟู่หรงฮวา จนกิจการรุ่งเรือง ใหญ่โตขึ้น เจ้าค่ะ จนต่อมา ฟู่หรงฮวาก็ประสบปัญหาอีกครั้ง มาม่าหลี่จึงคิดหาวิธี ที่จะเรียกลูกค้าให้มาที่ฟู่หรงฮวา และนางก็เคยเห็นท่าน ร้องเพลง เต้นรำ อยู่กับแม่ของท่าน บ่อย ๆ นางจึงมาขอร้องให้ ทำการแสดง ร่ายรำเพื่อให้แขก ได้รับการผ่อนคลาย และท่านเองก็มีพรสวรรค์ทางด้านนี้เจ้าค่ะ ก็เลยทำให้บรรดาแขกเหรื่อต่างชื่นชมชื่นชอบกับการแสดงของท่าน จนกลายเป็นแขกประจำของที่นี่ เจ้าค่ะ แต่ว่า ไม่นาน แม่ของทานก็ล้มป่วยลงและเสียชีวิตไป ตอนนั้นท่านคิดจะไปจากฟู่หรงฮวา แต่ว่า มาม่าหลี่ก็ได้ขอร้องท่านให้อยู่ที่นี่ต่อเพื่อช่วย ให้ฟูหรงฮวาตั้งตัวได้มั่นคง เมื่อถึงเวลานั้นหากท่านต้องการจะไป ก็ไปได้ทุกเวลาเจ้าค่ะมาม่าหลี่ให้อิสระแก่ท่าน “
“แต่ตอนนี้ ฟู่หรงฮวาก็เจริญรุ่งเรืองแล้วไม่ใช่เหรอ “เซียวอี้ถงเอ่ยอีกครั้ง
“เจ้าค่ะ แต่คุณหนูก็ไม่กล้าจะทิ้งมาม่าหลี่ไปจริง ๆ ซักที สุดท้ายแล้ว ท่านก็ยังอยู่ที่นี่จนกลายเป็นว่า ฟู่หรงฮวาแห่งนี้ จะต้อง มี จางเฟยฮวา เคียงคู่ ถ้าไม่มีท่าน ก็เหมือนกับว่าที่นี่ไม่มีแรงดึงดูดอะไรเลยเจ้าค่ะ”
“เพราะอย่างนี้มาม่าหลี่จึงพยายามที่ดึง เฟยฮวาให้อยู่ที่นี่ต่อไป “
“เจ้าค่ะแต่อีกอย่างคุณหนูเองก็ไม่ยอมจะไปจากที่นี่ด้วย เจ้าค่ะ”ซูซูเอ่ยอีกครั้ง
“ก็คงจะเป็นเช่นนั้น เพราะไม่อย่างนั้นนางจะอยู่ที่นี่ทำไม “
“รีบแต่งตัวเถอะเจ้าค่ะ คุณหนู เพราะใกล้จะถึงเวลาที่ท่านจะต้องขึ้นแสดงแล้วนะเจ้าคะ “ซูซูบอกอีกครั้ง
“เดี๋ยวข้าขอถามอีก คำถาม ในเมื่อ มาม่าหลี่ให้ความสำคัญกับข้าขนาดนี้แล้วทำไม ถึงยังมีคนกล้าคิดร้ายกับข้า แบบนี้ “เซียวอี้ถงถามด้วยความอยากรู้
“เพราะคุณหนูใจดีเกินไปเจ้าค่ะ ท่านไม่เคยคิดร้ายกับใครไม่เคยที่จะลุกขึ้นสู้เวลาที่ถูกรังแก หรือว่าเอาเปรียบ เจ้าค่ะ และถ้ามาม่าหลี่ไม่เข้าข้างท่าน ละก็ท่านคงจะแย่กว่านี้เจ้าค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น ท่านก็โดนคนอื่นเอาเปรียบและรังแกบ่อย ๆ และท่านเลือกที่จะเงียบและปล่อยไปเฉย ๆ ทุกครั้งไป “
“โห นี่มันบทนางเอกชัด ๆ เลย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้จริง เห้อ “เซียวอี้ถงเอ่ยพึมพำ
“อะไรนะเจ้าคะ คุณหนู “
“หือ ไม่มีอะไร “
“ถ้าอย่างนั้นแต่งตัวเถอะเจ้าค่ะ “
จากนั้นซูซูก็จัดการช่วยนายสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใหม่เพื่อเตรียมตัวจะขึ้นแสดง
............................................
“เจ้าจัดการเลือกที่พักเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ โม่เฉิน “เสียงเข้มเอ่ยถาม ดังมาจากข้างในรถม้า คันใหญ่ และนั่นก็คือเสียงของ หรูอันฉี หัวหน้ากองคารวานนั้นเอง
“ขอรับ นายท่าน ข้าเลือก หอฟู่หรงฮวาขอรับนายท่าน “โม่เฉินเอ่ยตอบ
“หอฟู่หรงฮวา อย่างนั้นเหรอ “หรูอันฉีถามอีกครั้ง
“ขอรับนายท่าน ดีที่สุดในระแวกนี้ขอรับ อีกอย่างมีสาวงามมากมายที่จะมาคอยปรนนิบัติ ทุกคนได้อย่างดีขอรับ “
“หอนางโลมอย่างนั้นเหรอ “เสียงถามด้วยความแปลกใจที่ลูกน้องคนสนิทจะพักที่นี่
“มีห้องพักในส่วนของโรงเตี๊ยมด้วยขอรับนายท่าน ไม่ต้องห่วงขอรับ “
“ตามใจพวกเจ้า แต่อย่าลืมว่าข้าไม่ชอบคนวุ่นวาย ข้าต้องการพักผ่อนจริง ๆ อย่าให้ใครมาวุ่นวายในห้องของข้า โม่เฉิน “หรูอันฉีบอกอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ขอรับนายท่าน “โม่เฉิน ตอบรับ เพราะเขารู้ว่าหรูอันฉี นั้น ไม่ได้สนใจเรื่องของบรรดาสาวงามสักเท่าไหร่ ส่วนมากเขาจะเน้นเรื่องการทำการค้าซะมากกว่า
หรูอันฉี เป็น ผู้นำของกองคารวานที่มีชื่อเสียงมาก ที่ตระเวนค้าขายไปตามเมืองต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องกลัวเรื่องโจรดักปล้น เพราะกองคารวาน ของหรูอันฉี นั้นไม่ธรรมดา เขามีลูกน้อง จำนวนมาก กระจายอยู่ตามเมืองต่าง ๆ และลูกน้องของเขาทุกคนล้วนถูกฝึกมาอย่างดี เรียกว่าเป็นกองกำลังที่แข่งแกร่ง สามารถต่อสู้ได้อย่างชำนาญ แต่บางคนก็ได้ตั้งขอสันนิฐานว่า เขาเป็นแค่พ่อค้าจริงหรือไม่ เพราะกองกำลังที่แข็งแกร่งของเขานั่นเอง ไม่เหมือน กองกำลังทั่วไป แต่ก็ได้แต่เพียงสงสัยเท่านั้นไม่มีใครรู้ว่าความจริงแล้วคืออะไร กันแน่ แต่ที่แน่ ๆ คือชื่อเสียงของความดุร้ายของหรูอันฉีนั้น ดังไปทั่วผืนแผ่นดินแถบนี้ทั้งนั้น
เมื่อมาถึงหอฟู่หรงฮวา ทั้งหมดก็เข้าไปด้านใน โดยคนที่เดินนำหน้าก็คือโม่เฉิน นั่นเอง และตอนนี้มาม่าหลี่ก็ออกมาต้อนรับ ชายหนุ่มแล้วเรียบร้อย
“หอฟู่หรงฮวา ยินดีต้อนรับ นายท่าน เจ้าค่ะ เชิญทางนี้เถอะเจ้าค่ะ ขาได้เตรียมทุกอย่างไว้แล้วเรียบร้อยเจ้าค่ะนายท่านเชิญ”มาม่าหลี่เอ่ยต้อนรับและเดินนำพวกเขาไปที่ห้องโถงขนาดใหญ่ที่ตอนนี้มีบรรดาแขกเหรื่อที่กำลังดื่ม หรือพูดคุยสังสรรค์ โดยมีสาวงามที่นั่งข้าง ๆ
มาม่าหลี่เดินนำมาถึง บริเวณชั้นสอง ที่สามารถมองลงมาเห็นเวทีการแสดงได้อย่างชัดเจน
“นายท่านเชิญนั่งเจ้าค่ะ และเชิญทุกท่านนั่งตามสบายเจ้าค่ะ และถ้าต้องการอะไรพิเศษของบอก พวกนางได้เจ้าค่ะ “มาม่าหลี่หันไปพยักหน้าให้กับ สาว ๆ ที่เดินเรียงแถวมาเพื่อที่จะดูแลทุกคนในตอนนี้
ส่วน โม่เฉิน และ หรูอันฉี ถูกเชิญ ไปที่ห้องที่เป็นส่วนตัว แยกออกมาต่างหาก
“ขอบใจเถ้าแก่ ที่เตรียมทุกอย่างไว้ให้เราเป็นอย่างดี “
โม่เฉินเอ่ยบอก ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะ โดยที่หรูอันฉีนั้นได้แต่นั่งลงเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร และสายตาของเขาได้แต่สอดส่ายมองไปรอบ ๆ และรู้สึกทึ่งกับการตกแต่งที่นี่ ทั้งสวยงามหรูหรา โอ่อ่า ทำให้เขาไม่แปลกใจว่า ทำไมใคร ๆ ต่างก็ต้องมาพักที่นี่
“เจ้าค่ะเชิญทุกท่านตามสบายเจ้าค่ะ เดี๋ยวก็จะมีการแสดงร่ายรำอันสวยงานให้กับนายท่านได้รับชมเจ้าค่ะ แต่ว่าตอนนี้เชิญนายท่าน นั่งพักผ่อนให้สบายก่อนจะเจ้าค่ะ เชิญตามสบายเจ้าค่ะ “ เมื่อพูดจบมาม่าหลี่ก็เดินออกไปด้านนอก ทันที สักครู่ก็มีสาวงามเดินเข้าเพื่อจะมาดูแลทั้งสองคน
“ ให้ข้าใส่ชุดนี้จริงเหรอ ซูซู “เซียวอี้ถงเอ่ยถาม ในขณะที่มองตัวเองในกระจกตรงหน้า ไอ้สวยมันก็สวยอยู่ แต่เธอรู้สึกว่ามันจะดูเปิดเผยมากไปสักหน่อยหรือไม่ เมื่อชุดที่เธอใส่ในตอนนี้ เหมือนชุดในเทพนิยายอาลดินที่เธอเคยดูเลย ถึงแม้ว่าเธอจะแสดงเป็นนางร้ายที่ต้องมีฉากยั่วยวน พระเอกบ้าง แต่ชุดก็ไม่ได้เปิดขนาดนี้มากสุดก็เกาะอก กระโปรงสั้น แต่ไม่ใช่แบบนี้
“เจ้าค่ะคุณหนู แบบนี้ละเจ้าค่ะ ข้าว่าสวยดีนะเจ้าคะ คุณหนูบอกว่าชุดแบบนี้เวลาร่ายรำแล้วจะดูสวยนี่เจ้าคะ “ซูซูเอ่ยตอบและมือก็ช่วยจับชุดให้เข้าที่เข้าทาง
“ข้าพูดแบบนั้นเหรอ “
“เจ้าคะ “
“แต่เดี๋ยวก่อน ร่ายรำ เหรอ ร่ายรำแบบไหน เอ่ยข้าหมายถึงร่ายรำท่าไหนยังไง เอ่อ เหมือนว่าข้าจะลืม นะ “เซียวอี้ถงเอ่ยบอก สาวใช้คนสนิท
“อะไรนะเจ้าคะคุณหนูลืม “ซูซูถามอีกครั้งด้วยความตกใจ และแปลกใจว่า คุณหนูของนาง ฟื้นจากความตายในคราวนี้ ทำไมถึงดูแปลกไป แบบนี้
“อือ เจ้าทำเป็นตัวอย่างให้ข้าดูหน่อยได้ไหม ซูซู” เซียวอี้ถงเอ่ยอีกครั้ง
“เอ่อ ข้าก็ร่ายรำไม่เป็นเจ้าค่ะ คุณหนู “ซูซูเอ่ยตอบ
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้นประตูก็ถูกเปิดเข้ามา และคนที่เดินเข้ามาก็คือ มาม่าหลี่นั่นเอง
“พร้อมหรือยัง เฟยฮวา ถ้าเรียบร้อยก็ไปกันเถอะ ท่านผู้นำรออยู่ “มาม่าหลี่ เอ่ยบอก
“เอ่อ มาม่าหลี่ ครั้งนี้ท่านให้คนอื่นไปแทนข้าได้หรือไม่ “ เซียวอี้ถงเอ่ยเสียงเบา “
“ทำไม เจ้าเป็นอะไร ทำไมถึงไปไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ เฟยฮวา “มาม่าหลี่เอ่ยถามอีกครั้ง ด้วยความสงสัย
“เอ่อ ข้าลืมท่าร่ายรำของข้า ข้าจะต้องทบทวนคำจำซักหน่อย ท่านให้คนอื่นไปแทนข้าก่อนก็แล้วกัน นะมาม่าหลี่” เซียวอี้ถงบอกอีกครั้ง และคราวนี้ มาม่าหลี่ได้แต่ถอนหายใจ อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ใจหนึ่ง ก็เข้าใจเพราะ นางเพิ่งจะฟื้นจาก ความเป็นความตายมาร่างกายของนางคงจะยังไม่พร้อม แต่นางก็ไม่ไว้ใจคนอื่นเหมือนกับนางเลยจริง ๆ แต่ว่าคราวนี้นางคงจะต้องทำตามที่นางแนะนำแล้ว
“ก็ได้ ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็พักผ่อนซะ ข้าจะให้หรันอี้หรงไปแทนเจ้าก่อนก็แล้วกัน ข้าไปก่อนละ “
“ขอบคุณมาม่าหลี่ที่เข้าใจข้า”เซียวอี้ถงเอ่ยตามหลังหญิงกลางคนไป ก่อนจะหันมามอง ซูซูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“ ซูซู พาขาไปดูหน่อยว่าพวกนางแสดงการร่ายรำยังไง “
“เอ่อเจ้าค่ะ คุณหนู”
“แต่ว่าก่อนอื่น ข้าเปลี่ยนชุดได้หรือไม่ “
“สวมเสื้อคลุมก็ได้เจ้าคะคุณหนู “ซูซู บอกและเดินไปหยิบเสื้อคลุมสีขาวให้กับนาง ก่อนจะพากันเดินออกไปด้านนอก ซูซูกำลังจะพานางไปที่เวทีด้านล่างที่ตอนนี้ มีหญิงงามแสดงการร่ายรำอยู่