องครักษ์หนุ่มใบหน้าร้อนผ่าวพยักหน้ารับเบาๆ “ตอนนี้ข้ามีว่าที่อนุภรรยาแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ให้นางเป็นสาวใช้อุ่นเตียงไปก่อน”
“ไอหยา! คนอย่างเจ้านี่นะ มีสาวใช้อุ่นเตียง ข้าจำได้ว่าสาวใช้บ้านเจ้ามีแค่สองคน คือ ชิวฉีกับเวยเวย ว่าแต่...เจ้าเลือกคนไหนหรือ?” กังเฉินหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะเขาจำได้ว่าสองคนนั้นมิได้ความสะสวยหรือน่ารักสักนิดในสายตาเขา สาวใช้สองคนที่จวนท่านอาล้วนร่างกายแข็งแรงบึกบึนจนน่าเกรงขามเสียมากกว่า ญาติผู้น้องของเขาไปกินอาหารผิดสำแดงมาหรือไร? จึงเลือกหนึ่งในสองคนนั้นไว้เป็นสาวใช้อุ่นเตียง
“มิได้ๆ ข้ามีสาวใช้คนใหม่ ท่านแม่ข้าเองก็ชอบนางมากจึงอยากให้ข้ารับนางไว้ หากว่าข้าพอใจก็ยกนางขึ้นเป็นอนุ”
“อ๊ะ! เช่นนั้นสาวใช้คนนี้ก็สวยมากเลยสิ!”
“อืม...สวย...น่ารัก” น้ำเสียงของกังซือเฉินอ้อมแอ้ม
“ตกลงเจ้าคิดจะให้นางเป็นอนุภรรยาใช่หรือไม่?” เมื่อประเมินจากใบหน้าแดงก่ำจนถึงใบหูของน้องชายแล้ว กังเฉินก็รู้สึกว่ากังซือเฉินดูท่าจะมีใจให้สาวใช้คนนี้ไม่น้อย
“ข้าบอกนางแล้วว่าจะตบแต่งเป็นอนุภรรยา วันหน้าค่อยหาทางให้ท่านแม่ยอมรับนางเป็นฮูหยินของข้า”
“นี่เจ้า...คงชอบนางมากเทียว”
“ใช่!” กังซือเฉินลดเสียงลงก่อนจะสารภาพ “เมื่อคืนข้ากับนางร่วมเตียงกันแล้ว เพียงแต่...”
“หือ! เพียงแต่อะไรล่ะ?”
กังซือเฉินเล่าเหตุการณ์บนเตียงเมื่อคืนระหว่างเขากับนางให้ญาติผู้พี่ฟัง กังเฉินฟังจนจบก็ทำตาโต “ไอหยา! เจ้าเข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้ว! นั่นไม่ใช่แบบที่เขาทำกันทั่วไปหรอกนะ มา...มา...เห็นทีข้าต้องแก้ไขให้เจ้าใหม่แล้ว”
กังเฉินยกแขนข้างหนึ่งคล้องคอญาติผู้น้องให้ตามตนเองเข้าไปในห้องพักหลังวังพยัคฆ์ขาว เอื้อมมือไปหยิบเอาหนังสือปกแดงที่ซ่อนอยู่ลึกสุดของ ตู้หนังสือติดผนังออกมา
“ดีนะที่ข้าไม่ยกให้ผู้อื่นไปเสียก่อน ลืมไปเลยว่ายังมีน้องชายไร้เดียงสาอยู่กับเขาคนหนึ่ง” กังเฉินพลิกหนังสือให้น้องชายได้ดูทีละหน้า “เจ้าดูนี่! นี่จึงจะเรียกว่าการร่วมรักที่จะทำให้เจ้ามีหลานให้ท่านอาได้อุ้ม อย่างที่เจ้าทำเมื่อคืนเป็นเพียงการปลดปล่อยอย่างหนึ่งเท่านั้น”
กังซือเฉินหน้าแดงระเรื่อเมื่อเห็นภาพท่าทางของชายหญิงที่กำลังเสพสังวาส “แล้วท่าทางที่พวกเขาทำอยู่นี่ จู่ๆ ก็ทำได้เลยใช่หรือไม่?”
ญาติผู้พี่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “วัยอย่างเจ้า สมควรที่จะต้องเข้าใจเรื่องนี้นานแล้ว ครั้งก่อนที่ข้าพาเจ้าไปหอคณิกา หากว่าเจ้าไม่ปอดแหกวิ่งหนีออกมาก่อน หญิงงามที่ข้าเลือกไว้ให้เจ้าก็จะพาเจ้าทำอย่างนี้!”
“พี่เฉิน แต่ข้าไม่อยากจะเปลือยกายเช่นนี้ให้สตรีอื่นได้เห็นนี่”
“แล้วเจ้าจะร่วมรักกับสาวใช้คนงามของเจ้าเป็นหรือ?”
“ไม่มีวิธีอื่นที่ข้าจะเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องลงมือเองหรือไร?”
“อ๋อ! ได้สิ! เย็นนี้อย่าเพิ่งกลับจวน เจ้าออกไปข้างนอกกับข้าเสียก่อน”
กังเฉินวางแผนพาญาติผู้น้องไปหาประสบการณ์เพื่อให้เขาได้กลับไปร่วมห้องกับสาวใช้คนงามได้อย่างสุขสม ชายหนุ่มทั้งสองจึงตรงไปที่หออิงราตรี กังเฉินกระซิบกระซาบบอกความต้องการให้กับผานเจาจวินฟัง นางคณิกาชั้นหนึ่งของหอนางโลมดังประจำเมืองหลวงหัวเราะคิกคัก
“คุณชายกังขอมาเช่นนี้มีหรือข้าจะไม่จัดการให้ ท่านรออยู่นี่สักครู่นะ เจ้าคะ ข้าจะไปถามหาอาสาสมัครสักหน่อย”
ผานเจาจวินหายไปไม่นานนักก็กลับมา นางยิ้มหวานพลางรินสุราให้กับชายหนุ่มทั้งสอง “รออีกครู่เดียวเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะให้คนพาพวกท่านไป”
คนทั้งสองเดินตามหลังเสี่ยวเอ้อไปยังห้องชั้นสองด้านใน
“ห้องนี้ล่ะขอรับ มีเก้าอี้สูงตั้งไว้ให้แล้ว จะได้เห็นชัดเจน”
กังเฉินพยักหน้าแล้วเดินนำน้องชายเข้าไปในห้อง กังซือเฉินแปลกใจที่มีเก้าอี้ขาสูงมากวางอยู่สองตัวหันหน้าเข้าผนัง “เดี๋ยวจะปิดประตูแล้วเจ้าจำตำแหน่งวางเก้าอี้ไว้ให้ดี ห้องนี้จุดเทียนไม่ได้เด็ดขาด”
คนทั้งสองปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ไม่ถึงครึ่งเค่อ ในห้องนั้นก็มีเสียงชายหญิงพูดคุยกันหัวเราะร่วนเดินเข้ามา
“คุณชายเจ้าขา...นี่หากว่าภรรยาของท่านไม่ตั้งครรภ์ ท่านก็ไม่คิดจะมาเยี่ยมข้าเลยใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
“แม่นางไห่ เจ้าอย่าพูดเช่นนั้นเลย เจ้าก็รู้ว่าภรรยาข้าคอยคุมแจ นี่หากว่านางไม่ท้องแก่จนนอนแต่หัววันล่ะก็ ข้าคงจะไม่ได้ออกมาเลยด้วยซ้ำ”
“อิอิ...ข้าก็แค่เย้าท่านเล่นนะเจ้าคะ ที่จวนท่านก็มีอนุตั้งหลายคน ท่านยังมีแก่ใจคิดถึงข้าเช่นนี้ ข้าก็ดีใจแล้วเจ้าคะ”
คนทั้งสองประคองกันลงไปนั่ง หญิงงามรีบรินสุราให้กับชายหนุ่ม ใบหน้าของคนทั้งสองขึ้นเลือดฝาดเพราะต่างก็ดื่มไปพอสมควร
“เจ้าอย่าเสียเวลาเลย...ข้าอยากจะเล่นสนุกกับเจ้าแล้ว”
กังซือเฉินมองผ่านรูเล็กๆ เข้าไปในห้องนั้น ครั้นเห็นใบหน้าของชายหนุ่มได้ถนัดเขาก็ผงะ....คุณชายสุยที่เคยเป็นอดีตชู้รักของคุณหนูรองตระกูลเผย มิน่าเล่า! ผู้คนจึงเล่าลือกันว่าคนผู้นี้มักมากยิ่งนัก แม้ภรรยากำลังตั้งครรภ์และเขาก็ยังมีอนุภรรยาอีกตั้งสามคนก็ยังแอบหนีมาเที่ยวหญิงคณิกา
คุณชายสุยถอดเสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ ส่วนแม่นางไห่หญิงงามอันดับต้นๆ ของหออิงราตรีก็ถอดเสื้อผ้าของตนเองแล้วดึงเอาชายหนุ่มล้มตัวลงบนเตียง คนทั้งสองจูบกันอย่างเร่าร้อน กังซือเฉินลอบมองอยู่นึกถึงสิ่งที่ตนเองทำเมื่อคืนก่อนก็พลันรู้ได้ว่านั่นมิใช่การจูบเป็นเพียงการใช้ลิ้นแตะกันเฉยๆ ลีลาของชายหนุ่มในห้องนับได้ว่าใช้ได้ในสายตาของกังเฉิน การกอดจูบลูบไล้หรือซุกไซ้ตามร่างกายของหญิงสาวดูแล้วชำนาญนัก แม่นางไห่ทั้งยิ้มทั้งครางเบาๆ ในยามที่แขกคนพิเศษดูดเม้มตามส่วนที่ไวต่อความรู้สึก กังซือเฉินพยายามจดจำว่าคุณชายสุยแตะต้องร่างกายของหญิงสาวที่ใดบ้าง?
*******************************