EP.9 CRAZY LOVE คลั่งรัก ♥ ตอน คลิปหลุด

2845 Words
EP.9 CRAZY LOVE คลั่งรัก ♥ ตอน คลิปหลุด "มึงจะมาถามถึงไอ้ผู้ชายเหี้ย ๆ แบบนั้นทำไม" ฉันพูดเสริมไปอย่างพยายามกลบเกลื่อนพิรุธของตัวเอง "ก็กูเป็นห่วงมึงไง ไม่รู้ว่าคืนนั้นมันทำอะไรมึงรึเปล่า" ไอรีนถอนหายใจออกมาเบา ๆ "ฟาเรนมันยิ่งเป็นคนประสาทแดกอยู่ด้วย "มันอาจจะมาระรานมึง เพราะมึงเป็นเพื่อนกูก็ได้นี่นา" ไอรีนบ่น ๆ ด้วยความที่เธอเป็นห่วงฉันมาก ๆ ซึ่งฉันก็เข้าใจดี เพราะถ้าคิดย้อนกลับไปแล้ว ฉันคงไม่มีเรื่องกับฟาเรนแน่ ถ้าคนชั่วนั่นไม่เข้ามาหาเรื่องไอรีนเพื่อนรักของฉันก่อน เอาจริง ๆ ไอรีนก็คือชนวนความแค้นนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ "ตอนนี้มึงเลิกกับวินด์เซอร์ไปแล้ว" "ไอ้ชั่วนั่นก็คงเลิกยุ่งกับพวกเราแล้วล่ะ" ฉันโกหกไอรีนไป ไม่อยากให้เธอมานั่งกังวลถึงเรื่องของฉัน เพราะแค่เรื่องวินด์เซอร์คนเดียว ไอรีนก็เสียศูนย์มากพอแล้ว มันพยายามทำตัวเหมือนเข้มแข็งและไม่เป็นไรมากนัก แต่จริง ๆ แค่มองตาก็รู้แล้วว่ายัยไอรีนคิดถึงแต่วินด์มากแค่ไหน "อืม กูเลิกกับเพื่อนรักของมันแล้ว เลิกกันแล้ว!" ไอรีนพูดถึงวินด์เซอร์ด้วยแววตาที่เศร้า ๆ แต่พยายามใช้เสียงแข็ง ๆ ข่มสู้เอาไว้ "แต่ยังไงถ้ามึงมีปัญหาอะไร มึงก็ต้องบอกกูนะเว้ยขิง" ไอรีนหันมาย้ำกับฉันอีกครั้งและพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยกันแทน เพราะถ้าวกกลับไปเรื่องของวินด์เซอร์ ไอรีนคงนั่งร้องไห้ไม่หยุดแน่ "อืม" ฉันตอบไปอย่างไม่พูดอะไรต่อ เพราะไม่อยากพูดถึงทั้งเรื่องของวินด์เซอร์และเรื่องของฟาเรนด้วย @ลานจอดรถ "มึงจะไม่ยอมโดดเรียนคาบบ่ายกับกูจริง ๆ เหรอ?" ไอรีนหันมาถามฉันขณะที่เราสองคนเดินออกมาที่ลานจอดรถหน้าตึกเรียน "กูโดดเรียนครบแล้ว ถ้าโดดอีกคงหมดสิทธิ์สอบแน่ ๆ" "กลัวเทอมหน้าจะหลุดทุนเอาน่ะสิ" ฉันตอบไอรีนไปตามตรง เพราะผลการเรียนที่แย่ลงของฉันในเทอมก่อน ๆ ก็ทำให้ฉันถูกตัดทุนไปครึ่งหนึ่งเลยเหมือนกัน เพราะว่าฉันต้องวิ่งวุ่นทำงานพาร์ตไทม์หนักมากจนทำให้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเลย ความจริงแล้ว ฉันไม่ใช่คนเก่งหรือฉลาดอะไรเลย เพียงแต่ฉันขยันมาก ๆ เพราะว่าถ้าสอบชิงทุนเรียนไม่ได้ ฉันก็คงไม่มีปัญญาจะเรียนที่มหาลัยแห่งนี้แน่ ๆ ที่เลือกมหาลัยนี้ก็เพราะว่าได้ทั้งทุนเรียน ทุนหอพัก และยังค่าใช้จ่ายอุปกรณ์การเรียนรายเดือนด้วย "งั้นเลิกเรียนแล้ว มาหากูที่คอนโดด้วยนะ" ไอรีนกดรีโมตเปิดรถของเธอก่อนจะหันมากำชับกับฉันอีกครั้ง "คืนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียว อยากให้มึงมานอนด้วย" ไอรีนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ "ได้สิ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้ว กูไปทำอะไรให้กิน" ฉันก็ตอบรับกลับไปทันที "มึงก็ไม่ต้องเศร้านะเว้ย" "ถึงมึงจะไม่มีแฟน แต่มึงยังมีเพื่อนอยู่ตรงนี้นะ" ฉันบีบไหล่ไอรีนไปเบา ๆ "เลิกเรียนแล้วรีบมาเลยนะ" ไอรีนโบกมือลาและเดินกลับไปยังลานจอดรถทันที "คืนนี้ฉันเอง ก็ไม่อยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน" ฉันมองตามรถของไอรีนนิ่ง ๆ เพราะฉันเองก็เจอเรื่องแย่ ๆ มาหนักหน่วงไม่แพ้กันเลย และฉันก็ไม่อยากกลับไปนอนหอตัวเองเลย ฉันคงนอนห้องตัวเองไม่หลับไปอีกหลายคืนเลย เพราะมันหวาดระแวงไปหมด "เฮ้อ ~ ~" ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา ถ้าพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับไอรีน คนอื่นมองอาจจะไม่เข้าใจว่าฉันกับไอรีนเป็นเพื่อนรักกันได้ยังไง ในเมื่อยัยไอรีนมันเป็นลูกคุณหนูเกิดจากวงศ์ตระกูลที่ร่ำรวยระดับประเทศ เธอทั้งสวย รวย เก่ง ส่วนฉันนั้นเป็นเพียงเด็กทุนธรรมดา ฐานะทางบ้านก็กลาง ๆ แต่ตอนนี้จะเรียกว่าฐานะระดับล่างก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่แม่แท้ ๆ ของฉันเสียไปครอบครัวของเราก็จนขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ฉันคบไอรีนมา ฉันไม่เคยเอ่ยปากขอยืมเงินไอรีนเลยสักครั้งเดียว แม้จะรู้ว่าเธอรวยมาก และไอรีนเองก็พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยฉันเสมอ แต่ที่ฉันไม่กล้าขอและไม่คิดจะขอยืม หรือถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เลยนั้นเป็นเพราะว่าฉันไม่อยากให้คนอื่น ๆ มองว่าฉันคบกับไอรีน เพราะเธอฐานะดี และฉันเองก็เคยถูกคนในคณะนินทาลับหลังมาไม่น้อยเลยเรื่องความสัมพันธ์เพื่อนรักของเราสองคน เริ่มตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มสนิทกันใหม่ ๆ จากค่ายรับน้องตอนปีหนึ่ง ทุกคนมองว่าฉันทนคบไอรีนเพราะเธอเป็นคนรวยเพียงแค่นั้น เพราะด้วยลักษณะนิสัยของยัยไอรีนที่ดูแรง ๆ ขี้เหวี่ยง จอมวีนและแสนจะเอาแต่ใจของเธอ ทำให้หลายคนคิดว่าฉันอดทนคบกับเธอเพราะผลประโยชน์ เพราะเธอรวย แต่ไม่มีใครรู้ดีเท่าไอรีนกับฉัน ว่าแท้จริงแล้วเราสองคนสนิทกันเพราะอะไร ในมุมของฉันนั้นไอรีนดูเหมาะสมจะเป็นเพื่อนมาก ๆ เพราะเธอชอบระบาย ส่วนฉันก็ชอบรับฟัง เธอเอาแต่ใจ และฉันก็ตามใจเก่ง เราชอบอะไรคล้าย ๆ กัน เราเข้ากันได้ทุกอย่าง และฉันยืนยันตรงนี้เลยว่า ฉันคบเพื่อนคนนี้ด้วยใจจริง ไม่ได้สนใจว่าเธอรวย หรือเป็นลูกหลานของใคร และฉันก็สัญญากับตัวเองเอาไว้เลยว่า จะเป็นจะตายยังไงฉันก็จะไม่ยืมเงินเพื่อนคนนี้เด็ดขาด เพราะฉันยังฝังใจกับสิ่งที่คนอื่น ๆ มองว่าฉัน และฉันไม่ต้องการทำให้ไอรีนรู้สึกแย่แบบนั้น @ตึก B ในอาณาเขตคณะนิเทศศาสตร์ "น้ำขิง ๆ" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกฉันมาแต่ไกล ซึ่งพอหันไปตามเสียงนั้น ฉันก็เจอกับเตยหอม นักศึกษาทุนเหมือนกันกับฉัน หรือจะเรียกว่าเป็นคู่แข่งตัวฉกาจเลยก็ว่าได้ "ว่าไง เตยหอม?" ฉันถามกลับไปทันทีอย่างเสแสร้งยิ้มเบา ๆ แม้จะเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วก็ตาม โดยปกติฉันกับเตยหอมแทบไม่เคยคุยกันเลยสักคำเดียว เจอหน้ากันก็เฉพาะตอนที่ทำกิจกรรมของมหาลัย และก็ตอนเป็นตัวแทนของมหาลัยไปแข่งกับมหาลัยอื่น ๆ "อาจารย์วารีให้ฉันมาเรียกเธอไปพบตอนนี้เลย" เตยหอมพูดขึ้นด้วยใบหน้านิ่ง ๆ "อาจารย์วารี?" ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะอาจารย์วารีคืออาจารย์ใหญ่ของคณะเรา "อาจารย์มีธุระอะไรกับฉันงั้นเหรอ?" ฉันถามไปอย่างข้องใจ "ก็เรื่อง...คลิปหลุดของเธอไง!" ทันทีที่เตยหอมพูดจบประโยค "คลิปหลุด?" ฉันทวนคำนั้นอีกครั้งด้วยเสียงที่สั่น ๆ และแทบจะล้มทั้งยืนจริง ๆ "ใช่ คลิปที่อัพลงเว็บบอร์ดของมหาลัยไง" เตยหอมพยักหน้ากลับมา ความรู้สึกของฉันตอนนี้คือ ชาวาบไปทั้งหน้า และไม่กล้าจะเงยหน้าสบตาใครเลยจริง ๆ ฉันเอาแต่ยืนนิ่งไปอย่างทำอะไรไม่ถูกเลย เมื่อถึงนึกเรื่องเมื่อคืนนั้น "คลิปที่เธอสาดน้ำใส่หน้าฟาเรนหน้าตึกคณะวิศวะไง" "รีบไปหาอาจารย์ได้แล้ว อาจารย์รอเธออยู่" เตยหอมอธิบายต่อ ฉันเงยหน้าขึ้นมองเตยหอม ซึ่งเธอก็แอบลอบยิ้มเบา ๆ แต่พอฉันเงยหน้าขึ้นเธอก็รีบหุบยิ้มทันที "ยังไงเราก็เป็นเด็กทุนเหมือนกัน ฉันขอแนะนำเธอเลยนะ" "ว่าเธอไม่ควรไปมีเรื่องมีราวกับคนอื่นโดยที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของเขา" "เธอก็น่าจะรู้ว่ามหาลัยนี้ลูกคนรวย คนมีอำนาจเดินอยู่เต็มไปหมด" เตยหอมเพื่อนร่วมคณะพูดขึ้น พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ ตอนที่ทำไปก็ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาจริง ๆ นั่นแหละ ฉันจึงทำได้แค่ยืนนิ่งอย่างไม่ตอบโต้อะไร "ฉันไม่ได้พูดให้เธอเครียดเกินไปใช่ไหม?" เตยหอมเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ "ไม่...ยังไงก็ขอบใจที่มาบอกนะ" ฉันเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท "ยังไงก็สู้ ๆ นะน้ำขิง" เตยหอมแตะไหล่ของฉันเบา ๆ "กล้องไอโฟนเนี่ยมันถ่ายหน้าเธอชัดแจ๋วเลยจริง ๆ" เธอตีหน้าเศร้าก่อนจะเดินผ่านฉันไปทันที ฉันหันมองตามเธอไปเล็กน้อย ในมือของเตยหอมถือโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอยู่ด้วย "หรือว่าจะเป็นเตยหอมที่ถ่ายคลิปนั้น" ฉันมองตามแผ่นหลังของเธอไปจนสุดสายตา "ต้องทำกันขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?" ฉันถามอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรว่าเตยหอมเป็นคนถ่ายคลิปและเอาไปลงจริง ๆ มันเป็นเพียงการสันนิษฐานของฉันเพียงคนเดียว @ห้องอาจารย์วารี คณะนิเทศศาสตร์ "อาจารย์ได้ปรึกษากับอาจารย์หลาย ๆ คนแล้วถึงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวของนักศึกษาในรั้วมหาลัยของเรา" อาจารย์วารีพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่จริงจังกว่าทุกครั้ง "พวกเราลงความเห็นว่าควรมีบทลงโทษให้กับนักศึกษาที่มีความประพฤติแย่" "อาจารย์ทุกคนลงความเห็นแล้วว่า เราขอยกเลิกให้ทุนการศึกษากับนักศึกษาในเทอมหน้าที่จะถึงนี้" อาจารย์พูดก่อนจะยื่นกระดาษมาให้ฉันเซ็นยินยอม "แต่อาจารย์วารีคะ" ฉันยกมือขออนุญาตพูดทันที "เทอมที่แล้ว ที่ทางมหาลัยให้หนูกับเตยหอมต้องแบ่งทุนกันคนละครึ่ง หนูเองก็ต้องทำงานหนักมาก ๆ เพื่อหาเงินจ่ายค่าเทอมให้ทันเวลาที่กำหนด" "ถ้าเทอมหน้าหนูต้องจ่ายค่าเทอม ค่าหอพักเต็มจำนวน หนูอาจจะไม่ได้เรียนเลยก็ได้นะคะ" ฉันเอ่ยไปตามตรงพร้อมกับเลื่อนกระดาษคืนให้อาจารย์ไป "ทางคณะไม่เห็นใจนักศึกษาบ้างเลยเหรอคะ?" "อีกอย่างเรื่องทะเลาะวิวาทในมหาลัยของเราก็ใช่จะไม่มีเลย" "นักศึกษาผู้ชายมีเรื่องต่อยตีกันก็บ่อย ผู้หญิงตบตีกันก็เยอะ" "ทำไมหนูถึงโดนลงโทษเพียงคนเดียวล่ะคะ อาจารย์?" ฉันเอ่ยถามหาความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ "เธอลืมอะไรไปรึเปล่านักศึกษา?" อาจารย์เลื่อนกระดาษคืนมาให้ฉันอีกครั้งและมองฉันด้วยแววตาที่กดดัน "เธอต้องเข้าใจนะว่าเด็กทุนกับเด็กที่จ่ายค่าเทอมเต็มจำนวนมันต่างกัน" อาจารย์พูดเสียงดังฟังชัดใส่หน้าของฉัน "นี่อาจารย์กำลังจะบอกหนูว่า เด็กที่บ้านรวยกับเด็กที่บ้านจน" ฉันควบคุมความโกรธไม่อยู่จริง ๆ เลยขึ้นเสียงใส่อาจารย์กลับไปเพียงเล็กน้อย "มีค่าไม่เท่าเทียมกันใช่ไหมคะ?" ฉันมองแผ่นกระดาษนั้นอยู่พักใหญ่ มือยังคงกำปากกาเอาไว้แน่น "นี่เธอกำลังแสดงกิริยาก้าวร้าวใส่อาจารย์อยู่นะน้ำขิง!" อาจารย์ขึ้นเสียงกลับมาเช่นกัน "หนูก็แค่สงสัยค่ะ เลยถามไปตรง ๆ" ฉันเอ่ยตอบไปอย่างเสียงสั่น ๆ "เธอได้เรียนฟรี ที่พักฟรี แถมยังได้เงินรายเดือนอีกด้วย" เธอเอียงคอมองหน้าฉันเล็กน้อย "และคำว่าเด็กทุน คือเด็กที่มหาลัยส่งเสริมสนับสนุนทุกเรื่อง" "เธอก็รู้ว่ามันไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่อยากจะได้ทุนการศึกษาดี ๆ แบบนี้จากมหาลัยมีชื่อเสียงแห่งนี้ของเรา" "และที่เราตัดทุนเธอ นั่นก็เป็นเพราะเธอมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างรุนแรง!" "การเป็นเด็กทุนควรจะเป็นนักศึกษาต้นแบบที่ดีให้กับทางมหาลัย" "และเท่าที่อาจารย์และอาจารย์คนอื่น ๆ ได้ดูคลิปเมื่อวานแล้ว เราทุกคนต่างลงความเห็นว่าเธอบุกไปหาเรื่องนักศึกษาคณะวิศวะด้วยตัวเอง" "สาดน้ำใส่หน้าเขา ด่าทอเขา" "เธอรู้ไหมว่า อาจารย์ในคณะเราต้องอับอายแค่ไหนที่มีเด็กอย่างเธอเรียนอยู่ในคณะของเรา" "และยิ่งไปกว่านั้น เธอคือนักศึกษาที่เราคัดสรรและมอบทุนการศึกษาให้มาโดยตลอด" "การตัดเงินทุนเธอ ถือเป็นบทลงโทษที่เบามากแล้วนะน้ำขิง" "เธอจะเรียนดีอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะ พฤติกรรมและนิสัยส่วนตัวก็ต้องดีด้วย" อาจารย์อธิบายร่ายยาวเป็นชุดจนฉันทำได้แค่นั่งฟังอย่างเงียบ ๆ เพราะยิ่งพูดไปก็ยิ่งดูเหมือนก้าวร้าวอยู่ดี "อาจารย์พูดชัดเจนแบบนี้แล้ว" "เธอยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกงั้นเหรอ?" เธอถามย้ำอีกครั้ง ".....ไม่มีค่ะ" ฉันจำใจพยักหน้ารับอย่างเสียงอ่อนลง เพราะอาจารย์คนนี้ท่านก็เคยช่วยฉันในหลาย ๆ เรื่องที่ผ่าน ๆ มา และเรื่องนี้มันก็คือความผิดพลาดของฉันเองที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์โกรธตัวเอง ไม่เจียมฐานะของตัวเอง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ฉันก็คงดูนิสัยแย่ในสายตาของอาจารย์ทุกคนจริง ๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ฉันเจอกับอะไรมาบ้าง และฟาเรนทำเลวอะไรกับฉันไว้ อาจารย์ส่งกระดาษให้ฉันพร้อมกับวางปากกากระแทกลงกับโต๊ะอย่างกดดันให้ฉันเซ็นยอมรับการตัดทุนการศึกษาในเทอมสุดท้ายนี้ ฉันจับปากกาเซ็นลงไปทั้งน้ำตาตกใน ค่าเทอมเดือนละแสนกว่าบาท ฉันจะไปหาได้จากที่ไหนกันล่ะ? "อาจารย์เห็นว่าเทอมหน้าเธอก็เรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ?" ฉันก็พยักหน้ารับเพราะตามกำหนดการ เด็กทุนจำต้องลงเรียนหนักกว่าคนอื่น และต้องจบให้ได้ภายในสามปีครึ่ง ห้ามดรอป ห้าม F เลยแม้แต่ครั้งเดียว "จ่ายเต็มแค่เทอมเดียว ยังไงก็ไปหากู้ยืมมาก่อนก็ได้นี่นาถ้าเธอไม่มีจริง ๆ" อาจารย์เก็บเอกสารไปด้วยใบหน้านิ่ง ๆ "จบจากมหาลัยเราไป เดี๋ยวเธอก็มีงานดี ๆ ทำ ก็ค่อยไปใช้หนี้เขาเอา" อาจารย์พูดเชิงให้กำลังใจฉัน ความรู้สึกเหมือน ถูกตบหัวและลูบหลังยังไงก็ไม่รู้สิ "หมดธุระแล้ว เธอกลับไปเรียนได้แล้วไป" อาจารย์พยักหน้าให้กับฉันและมองไปทางประตูทางออก "สวัสดีค่ะอาจารย์" ฉันยกมือไหว้เธอตามมารยาท ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หน้าโต๊ะของอาจารย์ทันที ฉันแอบเห็นว่าอาจารย์หยิบเอกสารขอทุนของเตยหอมขึ้นมาสอดต่อจากเอกสารของฉันทันที มันก็ชัดแล้ว เธอตัดทุนฉันเพื่อไปให้ยัยเตยหอมจริง ๆ "ตั้งใจเรียนแล้วก็อย่าไปก่อเรื่องก่อราวอะไรอีกแล้วกัน" อาจารย์พูดไล่หลังมาขณะที่ฉันเปิดประตูออกมาจากห้อง "ค่ะ" ฉันพยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติ ก่อนจะเดินออกจากห้องของอาจารย์พร้อมกับกำหมัดแน่น แต่เดินออกมาเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง เพราะมันทั้งเครียด ทั้งกดดัน และทุกอย่างมันก็ประเดประดังเข้ามาพร้อม ๆ กันจนฉันรับไม่ไหวแล้วจริง ๆ หมับ! จู่ ๆ ฉันก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงและดึงเข้าไปหลบในมุมตึกระหว่าง ตึก A กับ ตึก B ของคณะนิเทศศาสตร์ "อะโอ๊ย!" ฉันร้องขึ้นเพราะเขากระชากแขนที่มีบาดแผลอยู่พอดี "ไง ~" น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นตรงหน้าของฉัน แทบไม่ต้องหันไปมองหน้าฉันก็รู้ได้ทันที จากน้ำเสียง กลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ และกลิ่นบุหรี่ที่คละคลุ้งอบอวลไปหมด "เห็นหน้าผัว" ปากที่คาบบุหรี่ที่ติดไฟอยู่เอ่ยถามขึ้น พร้อมกับดึงฉันเข้าไปหา "ดีใจจนร้องไห้เลยเหรอ?" ปลายบุหรี่ร้อน ๆ ของเขาแทบจะชนเข้ากับแก้มของฉันอยู่แล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD