เมมนอนกล่าวเสียงแข็งทั้งที่หัวใจของเขาเต้นเร็วแรงขณะสบดวงเนตรงามระยับของผู้ที่อยู่เบื้องหน้า มีบางอย่างรุมร้อนและเริ่มหลอมความรู้สึกของราชองครักษ์หนุ่ม ใช่เพียงพระศิริโฉมงดงามที่สั่นไหวเขาจนมโนนึกนั้นสะเทือน หากแต่ความดื้อรั้นในสายพระเนตรของเนเฟอร์ติตียังบั่นทอนความเข้มแข็งในหัวใจของเขาราวสายน้ำไนล์ไหลเซาะตลิ่งผา
“ท่านบังคับข้าได้ด้วยหรือ เสด็จพ่ออาจให้สิทธิ์ท่านดูแลพระธิดา แต่ข้าแน่ใจว่าสิทธิ์นั้นต้องไม่ใช่การบังคับข้าแน่”
“กระหม่อมทำตามหน้าที่ และตอนนี้พระองค์ทำให้พระนมคูอิตเป็นห่วงมาก หรือทรงลืมไปแล้วว่าการเอาแต่พระทัยทำให้ใครต้องลำบากใจบ้าง”
“ท่านกล้าตำหนิข้าซึ่งเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์ฟาโรห์!...ทหารเยี่ยงท่านจะเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นได้เช่นไรนอกจากทำไปเพื่อหน้าที่ ยังมีสิ่งใดอีกบ้างที่ท่านต้องทำนอกเหนือจากการใช้วาจาเหน็บแนมผู้อื่นเช่นนี้ ราชองรักษ์หลวง!”
เนเฟอร์ติตีติตีพลั้งเผลอตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงอัดอั้นออกไปทำให้แววตาอันดุดันคู่นั้นหม่นแสงลง มือหนาที่เกาะกุมดอกบัวในอ้อมพระพาหาค่อยเลื่อนออก ทว่าใบหน้าคล้ายสำนึกในการกระทำของเมมนอนทำให้เจ้าฟ้าหญิงเริ่มรู้สึกไม่สบายพระทัยยิ่งนัก
“ขอประทานอภัยพะย่ะค่ะ...กระหม่อมไม่เคยลืมว่าพระองค์คือใคร และกระหม่อมคือใคร”
“เมมนอน...ข้า...เอ้อ....ข้าหมายถึง...อ๊ะ!”
นางยังไม่ทันได้ตรัสสิ่งใดกลับต้องทิ้งพระวรกายลงในอ้อมแขนของราชองครักษ์เมื่อรู้สึกชาไปหมดตั้งแต่ปลายพระบาทขึ้นไปถึงพระอัสสุชลจนมิอาจทนยืนอยู่ได้แม้ในวังน้ำนิ่ง
“องค์หญิง!...เป็นอะไรพะย่ะค่ะ!”
“เมมนอนช่วยข้าด้วย!...ขาของข้าชาไปหมดแล้ว”
พระสุรเสียงนั้นสั่นเครืออยู่กับอกของราชองครักษ์หนุ่มซึ่งตระกองกอดพระองค์ไว้ก่อนจะช้อนพระวรกายขึ้นไว้ในอ้อมแขน
“พระองค์อาจเป็นตะคริวเพราะอยู่ในน้ำนาน หม่อมฉันจะพาองค์หญิงขึ้นบนฝั่งนะพะย่ะค่ะ”
เนเฟอร์ติตีเพียงก้มพระพักตร์รับคำบอกกล่าวนั้นและจำต้องปล่อยให้บุรุษร่างกำยำโอบอุ้มร่างที่ดูเล็กถนัดใจเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของผู้ที่พาพระองค์กลับไปประทับริมฝั่งน้ำซึ่งเป็นแก่งหินโอบล้อมด้วยกอปาปิรัสเตี้ย ๆ
“เมมนอน...เราจะเป็นอะไรหรือไม่...ทำไมเราไม่มีความรู้สึกอันใดเลยบนขาของเรา!”
บทที่ ๒ ความฝันบันดาลรัก
ราชองครักษ์หนุ่มค่อย ๆ ใช้มือสัมผัสลงบนข้อพระบาทอันซูบซีดของนาง เนเฟอร์ติตีอาจอยู่ในน้ำนานกินไปจนความชื้นจับพระฉวีทำให้เกิดอาการชาตามปลายเส้นประสาท เมมนอนก้มหน้าอยู่ใกล้เจ้าฟ้าหญิงแห่งธีบส์มากเสียจนนางเริ่มเกิดความหวั่นไหวด้วยมิเคยถูกชายใดสัมผัสเช่นนี้
เนเฟอร์ติตีจับจ้องใบหน้านั้นนิ่งนาย นางเพิ่งเห็นเขาชัดเจนก็วันนี้ ราชองครักษ์หลวงผู้ติดตามฟาโรห์รามเสสซึ่งมีอายุเพียงยี่สิบปี ใบหน้าคมคายและรูปร่างสูงใหญ่กว่าชายอียิปต์ทั่วไปช่างดึงดูดสายพระเนตรจนมิอาจละไปได้ง่าย รามเสสมักตรัสถึงเมมนอนเสมอว่าเขามีฝีมือด้านการทำศึกฉกาจยิ่งกว่าผู้ใดทั้งการใช้ดาบและยิงธนูในหมู่นายทหารด้วยกัน
หากทว่าผู้ทำการรบเก่งกาจอาจดูเคร่งขรึมเสมือนมิรับรู้อันใดเลยหากมิใช่พระบัญชาจากบิดาของนาง เนเฟอร์ติตีไม่เคยเห็นรอยยิ้มเยือนบนใบหน้าชาเฉยราวเขามิมีความรู้สึกอันใดเลยในความเย็นชานั่น แม้นางเป็นถึงเจ้าฟ้าหญิงสูงศักดิ์ก็ยังปรารถนาเห็นรอยยิ้มอันสุกสว่างจากราชองรักษ์ผู้เฝ้าติดตามแม้เพียงสักครั้ง
“เป็นอย่างไรบ้าง กระหม่อม?”
เมมนอนเงยหน้าขึ้นถามเจ้าของเรียวพระเพลางามและพระบาทซีดที่อยู่ในอุ้งมือของเขาจึงทันได้สบพระเนตรอันวาววับขององค์หญิงซึ่งไม่ทันหลบด้วยเผลอไผลมองชายหนุ่มอยู่นิ่งนาน เนเฟอร์ติตีทรงรีบหรุบเปลือกพระจักษุลงเบื้องต่ำและตรัสต่อเจ้าของคำถามด้วยความรู้สึกราวน้ำนิ่งที่เกิดแรงกระเพื่อมด้วยถูกกำลังสั่นไหวรุนแรง
“ดีขึ้นบ้างแล้ว...ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว”
“พระองค์ทรงอยู่ในสระนั้นนานเกินไป อาจต้องทรงประทับอยู่เช่นนี้สักพักแล้วจะทรงดีขึ้น”
“ข้าเป็นอะไรหรือ เมมนอน?...หากท่านไม่มาเมือครู่ ข้าอาจจมน้ำในบึงนี้ตายไปแล้วกระมัง”
พระสุรเสียงอันอ่อนเบาราวสำนึกในนความดีนั้นทำให้ใบหน้าอันเครียดขรึมของผู้ซึ่งทำหน้าที่คอยดูแลไม่ห่างอ่อนโยนขึ้นด้วยการแย้มริมฝีปากหนาออกจนเจ้าฟ้าหญิงมินึกฝันว่าจะเห็นร่องรอยแห่งความยินดีนั่นจากองครักษ์ผู้ยิ้มยาก
“พระองค์ทรงเป็นตะคริวพะย่ะค่ะ...มันเป็นอาการชาตามตัวหากอยู่ในน้ำนาน ๆ คราวหลังเจ้าหญิงควรต้องทรงระวัง หากจะมาเก็บดอกบัวในสระเช่นนี้ควรมีใครมาอยู่เป็นเพื่อน”
“ข้าจะระวัง...คราวหลังหากข้ามาที่นี่...ข้าจะให้ท่านตามมาดูแล”
สายพระเนตรอันวาววามและงามยิ่งบนเครื่องพระพักตร์อันเพริดพริ้งและผุดผาดสะกดความรู้สึกของชายหนุ่มจนมิอาจละสายตาจากความหมดจดนั้นได้ ทั้งสองราวอยู่ในห้วงเวลาที่มีเพียงกันนิ่งนานกระทั่งเสียงแหบแห้งของพระนมคูอิตดังขึ้น
“องค์หญิง!...องค์หญิงเพคะ!”
ร่างของหญิงวัยกลางคนรีบรุดเข้ามายังคนทั้งสองหากก็มิทันได้เห็นภาพที่เมมนอนใช้อุ้งมือรองรับพระบาทของเจ้าหญิงไว้ด้วยชายหนุ่มรีบผละออกไปยืนด้วยท่าทีสงบนิ่งดุจเดิม