“โอ!...เทพอมุน-รา ทรงประทานพร...หม่อมฉันตามหาพระองค์ทั่วตำหนัก มาประทับอยู่ที่นี่เองหรือเพคะ”
คูอิตคุกเข่าลงข้าง ๆ บนกอหญ้ากกหากต้องยิ่งตกใจเมื่อเห็นพระวรกายและฉลองพระองค์ของพระธิดาชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ
“นี่องค์หญิงทรงเล่นน้ำในบึงนี่หรือเพคะ? ใยเปียกปอนไปหมดเช่นนี้”
“ข้าก็แค่มาเก็บดอกบัวเท่านั้น คูอิต เจ้าตามหาข้าด้วยเหตุใด?”
“หม่อมฉันจะมาทูลเชิญองค์หญิงเสด็จไปตำหนักของพระนางเนเฟอร์ตารีเพคะ”
“เสด็จแม่รับสั่งหาข้าหรือ?”
“วันนี้มีผู้แทนการค้าเดินทางกลับมาจากต่างแดนแถบทางใต้ของอียิปต์และเหมืองแถบไซนาย นำของมีค่ามากมายกลับมาเป็นเครื่องบรรณาการแก่ฟาโรห์ พระมเหสีจึงมีรับสั่งให้เจ้าหญิงเข้าเฝ้าเพคะ”
“หากมิใช่เรื่องเร่งด่วนอาจเข้าเฝ้าเสด็จแม่หลังจากนี้จะได้หรือไม่...คูอิต”
เนเฟอร์ติตีแสร้งมีปุจฉาทั้งที่รู้ว่าขัดรับสั่งมิได้ นางได้ยินพระนมถอนหายใจก่อนตอบเสียงหนัก
“หม่อมฉันเกรงว่าอาจมีพระประสงค์อย่างอื่นมากกว่าเรื่องของเครื่องบรรณาการนะเพคะ องค์หญิงควรเสด็จไปเข้าเฝ้า อาจมีข่าวดีที่เจ้าหญิงทรงคาดไม่ถึงก็เป็นได้”
คูอิตมัวแต่สนใจพระภูษาชื้นน้ำของพระธิดาโดยไม่ทันได้สังเกตสายพระนัยนาที่จับจ้องไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ห่างออกไปอย่างสงบนิ่ง
*******************
“เนเฟอร์ติตี...ใยจึงมาช้านัก พี่ ๆ ของเจ้ากลับกันไปหมดแล้ว”
พระนางเนเฟอร์ตารีรับสั่งทันทีที่เห็นพระธิดาเสด็จมาถึงตำหนักในยามพระอาทิตย์เริ่มราแสง
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ...หม่อมฉันมัวเก็บดอกไม้เพื่อถวายเทพที่คาร์นัค”
เนเฟอร์ติตีตรัสตอบเสียงเรียบขณะที่พระชนนีซึ่งประทับอยู่บนพระอาสน์ไม้อันงดงามเบื้องหน้าเครื่องบรรณาการมากมายในหีบนับสิบใบทรงโบกพระหัตถ์ให้เหล่านางกำนัลถอยออกไปเหลือเพียงพระนางและพระธิดาเท่านั้น
พระมเหสีเอกทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดซึ่งทอจากลินินเนื้อบางส่องประกายเป็นมันเงายาวกรอมพระบาทในฉลองพระบาทสานจากทองคำ บนพระอุระประดับไว้ด้วยแผงพระศอร้อยจากหินล้ำค่า หากความงามนั้นหาได้เทียมพระพักตร์อันผ่องใสภายใต้วิกพระเกศาร้อยด้วยหินสีเทอควอยซ์ประดับงูเห่าศักดิ์สิทธิ์บ่งบอกสถานะอันสูงส่งยิ่งของผู้อยู่เคียงข้างองค์ฟาโรห์
“ธิดาแห่งเรา...เคยมีคำกล่าวในยุคของฟาโรห์ตุตันคามุนว่า...ขอให้เจ้าผู้สมัครรักใคร่ในธีบส์ ได้มีชีวิตยืนยงคู่ฟ้าดิน เยี่ยมหน้ารับลมเหนือ และได้ทัศนาแต่สิ่งรื่นรมย์ เราผู้อยู่ในดินแดนเคเมต (อียิปต์) อันอุดมสมบูรณ์นี้จึงได้รับความเมตตาจากเทพ อมุน-รา มิเคยหมดสิ้น”
“ของสวยงามเหล่านี้เป็นเครื่องบรรณาการจากที่ใดหรือเพคะ เสด็จแม่?”
เนเฟอร์ติตีทรงหยิบห่วงทองคำในถาดเงินบนโต๊ะซึ่งอยู่ใกล้กันกับที่ประทับของพระมารดาขึ้นมาทอดพระเนตรด้วยความสนพระทัยยิ่ง
“นูบ (ทองคำ) เหล่านี้ผู้แทนการค้าของเราดั้นด้นไปถึงแถบทะเลแดงยังดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งเราเรียกที่แห่งนั้นว่า ปุนต์”
“ดินแดนปุนต์ หรือเพคะ?”
“เสด็จพ่อส่งเรือสินค้าไปยังดินแดนนี้ดังรัชสมัยของพระราชินีฮัตเซปซุต มีของส่วนหนึ่งนักบวชจากวิหารคาร์นัคนำมาถถวายองค์ฟาโรห์และพระองค์ได้อุทิศถวายสินค้าเหล่านั้นแด่เทพ อมุน-รา เทพอุปถัมภ์ของพระองค์เช่นไรเล่า”
เนเฟอร์ติตีทรงนึกไปถึงสิ่งของประดามีทั้งเครื่องเทศ งาช้าง ไม้มะเกลือ ต้นมดยอบ หนังเสือดำ ไม่เว้นแม้แต่ลิงบาบูนเป็น ๆ ที่จะกลายเป็นของถวายทวยเทพแห่งวิหารคาร์นัค หากทว่าดินแดนในฝันอันเป็นแหล่งที่มาของเครื่องบรรณาการทั้งหมดกลับอยู่ในพระหทัยซึ่งคิดคำนึงถึงทุกเวลา
“หม่อมฉันเคยได้ยินเรื่องเล่าของดินแดนแห่งนั้นมานานเหลือเกินเพคะ ทำให้นึกว่า หากได้ไปสักหนจะเป็นเช่นไร”
“วันหนึ่งเจ้าอาจได้เดินทางไกลดังที่เจ้านึกฝัน”
“เสด็จแม่กำลังจะตรัสสิ่งใดแก่หม่อมฉันหรือเพคะ?”
เนเฟอร์ตารีทอดพระเนตรมายังพระธิดาด้วยประกายแห่งพระนัยนาอันชื่นชมรักใคร่ เจ้าฟ้าหญิงแห่งธีบส์ซึ่งบัดนี้เจริญพระชนมายุจวบจนสิบเจ็ดชันษาดูสวยสะพรั่งงดงามยิ่งกว่าดอกบัวบานกลางสายน้ำไนล์และช่างเป็นวัยแห่งความสาวที่เพริดพราวราวดวงดาวอันสุกสกาวเหนือพระนครแห่งอียิปต์
“เทพ อมุน-รา เท่านั้นจึงรู้ล่วงหน้าเหตุการณ์และความเป็นไปทุกอย่างได้ และหากแม้มีพระราชประสงค์อันใดมีหรือที่เราจะมิอาจสนองตอบกลับไปเพื่อเป็นคุณูปการ เนเฟอร์ติตี...แม่ก็เพียงอยากให้ธิดาแสนงามแห่งฟาโรห์รามเสสได้เข้าใจ ว่าหากวันหนึ่งวันใดเจ้าต้องจากบ้านเมืองเพื่อหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ก็ล้วนเป็นไปด้วยพระประสงค์อันเห็นควรแล้วของทวยเทพ”
เจ้าฟ้าหญิงไล้ปลายพระหัตถ์ลงบนห่วงทองคำกลมกลึงอันเป็นเครื่องบรรณาการจากดินแดนอันแสนไกลที่พระองค์ใฝ่ฝันถึงโดยมินึกสนพระทัยถ้อยวาจาของพระมารดาที่กำลังเผยความนัย
“หน้าที่อันยิ่งใหญ่ก็ควรเป็นของผู้มีความเหมาะสม อาจมิใช่หม่อมฉันซึ่งยังเยาว์นักในแผ่นดินเพคะ เสด็จแม่”
เนเฟอร์ติตีแสร้งว่ามิทรงได้ยินสิ่งใดก่อนวางห่วงทองคำไว้และให้ความสนพระทัยอย่างอื่นในหีบไม้ซึ่งวางเรียงรายอยู่บนพื้น
เนเฟอร์ตารีทอดพระเนตรอากัปกิริยาของพระธิดาและทรงแย้มสรวลจาง ๆ นางรู้ดีว่าเนเฟอร์ติตีเป็นคนเช่นไร พระธิดาผู้งดงามของพระองค์มีอุปนิสัยหาได้ต่างจากพระบิดาไม่ แน่วแน่จริงจังทั้งเด็ดเดี่ยว มเหสีเอกแห่งฟาโรห์จำต้องเก็บงำเรื่องราวในพระทัยซึ่งเจ้าฟ้าหญิงนั้นอาจระแคะระคายบ้างแล้วเรื่องการสานสัมพันธไมตรีระหว่างอาณาจักรที่กำลังขยายขุมกำลังมาจากเอเชียอย่างฮิตไทต์กับเจ้าของดินแดนอันรุ่มรวยแห่งลุ่มน้ำไนล์อย่างไอยคุปต์
อาจมิใช่เรื่องง่ายเลยที่สองอาณาจักรอันยิ่งใหญ่จะครอบครองโลกได้โดยไม่จับมือกัน หลังพระสวามีของนางลงพระนามในสนธิสัญญาเพื่อผูกไมตรีและยินดีเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิซึ่งเทียบเคียงแสนยานุภาพได้สมน้ำสมเนื้อเมื่อล่วงพ้นจากสภาวะสงครามมาแล้วนั้น การส่ง ใคร สักคนเสมือนเครื่องราชบรรณาการอาจเป็นการสร้างความพึงใจต่อกันเป็นที่ยิ่ง
“มิมีผู้ใดคงความเยาว์วัยได้เสมอ...เนเฟอร์ติตี วันหนึ่งเทพ อมุน-รา จะนำพาหัวใจของเจ้าสู่ชั่วยามของความเป็นผู้ใหญ่เพื่อที่จะเข้าใจว่า หน้าที่สำคัญกว่าชีวิต”