เร่งรัก : EP2

1698 Words
ผมไล่อ่านจนจบทุกบรรทัดก็ส่งคืนไอ้ภีมด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมา ไอ้ภีมมันเหล่ตามองผมแล้วหันไปพยักหน้ากับไอ้มาร์ช “กูบอกแล้วว่าไอ้ไฟมันไม่ตกใจ” ไอ้มาร์ชพูดกับไอ้ภีม ผมหันไปมองหน้าพวกมันสองคนอย่างไม่เข้าใจ ทำไมผมต้องตกใจด้วย ก็แค่แข่งรถ ก็เห็นจัดแข่งอยู่เรื่อย ๆ แล้วมันมีอะไรที่ผมต้องตกใจ “กูถามจริงนะไอ้ไฟ มึงคิดจะรู้สึกอะไรบ้างปะวะ” ไอ้กราฟหันมาถามผมก่อนที่มันจะเคาะซองบุหรี่ และเอามาคาบที่ปากก่อนจะจุดไฟ “อะไร” ผมถามสั้น ๆ ด้วยความงง ไม่เข้าใจกับสิ่งที่มันพูด ผมก็เป็นคนก็ต้องมีความรู้สึกอยู่แล้วนี่หว่า แต่พวกมันยังไม่ทันได้ตอบอะไรก็มีเสียงทุ้มดังขึ้นมาขัดซะก่อน “ไง พวกมึง กูว่าแล้วว่าต้องมาสุมหัวกัน” พี่ดิน พี่ชายแท้ ๆ ของผมเดินเข้ามา “ปกตินิ” ผมหันไปตอบ ก็ในเมื่อที่นี่คือบ้านที่สร้างอยู่ในรั้วเดียวกันกับบ้านของพี่ชายผม เอ… จะอธิบายอย่างไรดี เอาเป็นว่าที่นี่เป็นอาณาจักรของผมและพี่ชายทั้งสอง ผมมีพี่ชาย 2 คน ซึ่งนั่นก็คือ พี่ดิน และพี่ชายคนโตคือพี่ลม พ่อแม่ผมขายที่ดินมรดกได้เยอะ จากฐานะปานกลาง ก็รวยเฉย รวยแบบไม่ทันตั้งตัว รวยแบบงง ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้รวยแล้วครับ ด้วยความที่พี่ชายผมอยากเอาเงินต่อเงินและได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก พี่ลมหันไปเปิดปั๊มน้ำมัน เลยบ้านผมไป 5 กิโลเมตร ส่วนพี่ดินก็เปิดเต็นท์รถนำเข้า ซื้อขายรถมือสองทั้งสปอร์ตคาร์และซูเปอร์คาร์ เมื่อก่อนก็เปิดแค่เต็นท์รถยนต์มือสองทั่วไป ซื้อมาขายไป ไม่รู้พี่ชายผมพกของดีอะไรถึงขายดีเหลือเกินจนมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นและขอพ่อเพิ่มมาขยับเป็นเต็นท์รถนำเข้า ขายได้เดือนละคัน หรือสองเดือนคัน ก็มีกินมีใช้ได้สบาย ๆ แล้ว ส่วนน้องชายคนเล็กอย่างผม… นั่ง ๆ นอน ๆ แบมือขอเงินพ่อแม่และพี่ ๆ กินไป เหตุผลง่าย ๆ คือยังเรียนไม่จบ ถ้าเรียนจบผมก็ไม่ทำงานอยู่ดีนั่นแหละ คงจะเดินตามรอยพี่ชายไป หรือถ้าจะเรียกให้ถูกคือ เกาะพี่ชายกิน… และอาณาจักรที่ผมพูดถึง ด้านหน้าเป็นเต็นท์รถนำเข้า เต็นท์ที่ว่านี่คือเป็นห้องกระจกขนาดใหญ่ ภายในห้องกระจกนั้นตกแต่งโทนสีดำแบบที่พี่ดินเขาชอบ รถคันสวย ๆ หรู ๆ ก็จะได้จอดด้านในเอาไว้เรียกแขก ส่วนที่เบาลงมาหน่อยก็จะอยู่โรงจอดรถขนาดใหญ่ด้านหลัง ซึ่งก็อยู่ต่อจากห้องกระจกนั่นแหละครับ ถัดเข้ามาด้านในหน่อยก็เป็นบ้านที่พวกพี่ชายและเพื่อน ๆ มาสุมหัวกัน และเลยเข้ามาอีกนิดก็เป็นบ้านของพวกผม ปกติผมและเพื่อนก็จะมาอยู่รวมกันที่นี่นั่นแหละ ส่วนบ้านพ่อแม่ผมก็อยู่หมู่บ้านใกล้ ๆ กันนี่เอง ไปมาหาสู่กันง่ายมาก ๆ แต่ก็ไม่ค่อยไป พ่อแม่และย่าเป็นฝ่ายมาหาเอง มาได้ไม่นานก็กลับเพราะท่านรำคาญความวุ่นวาย ผมมีคอนโดที่กรุงเทพฯ ใกล้ ๆ กับมหา’ลัยที่ผมเรียน ผมกลัวเงินบูดน่ะครับเลยช่วยพ่อแม่ใช้เงิน ซื้อคอนโดไว้แต่ไม่ค่อยได้ไปอยู่ เพื่อน ๆ ผมก็มีนะคอนโดน่ะ แต่ก็น้อยครั้งที่จะไปอยู่ อยู่รวมตัวกันแบบนี้สนุกกว่าเยอะ “เออ แล้วมึงรู้หรือยังว่าเดือนหน้ามีแข่ง” พี่ดินถามต่อ “รู้แล้ว” ผมตอบกลับและยกมือไหว้พวกเพื่อนของพี่ชายผมที่กำลังเดินเข้ามา “แล้วมึงรู้สึกยังไง” ผมหยุดเงียบไปแป๊บหนึ่งเพื่อใช้ความคิด คำถามของพี่ชายก็ดูแปลก ๆ ก่อนหน้านี้เพื่อนผมก็พูดที่ผมอ่านกระดาษแผ่นนั้นแล้วไม่แสดงอาการอะไรออกมา “ตื่นเต้น” ผมโกหกไปงั้น ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ แต่ก็ไม่รู้จะตอบอะไรก็ตอบไปแบบนี้ก็แล้วกันเผื่อว่าแต่ละคนจะเลิกถามกันสักที “สาบานนะว่ามึงกำลังตื่นเต้น” พี่ภูมิพี่ชายของไอ้ภีม ชี้หน้าผมแล้วเอ่ยถาม สีหน้าของพี่ภูมิก็ดูเหวอ ๆ ดูตกใจกับสีหน้าท่าทางของผม ผมพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่เข้าใจว่าแต่ละคนต้องการอะไร พอบอกว่ารู้สึกก็ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ พอไม่ตอบก็ทำหน้าแปลก ๆ “กูไม่เคยชินกับหน้าไอ้ไฟเลยสักครั้งอะ” พี่เกมส์พูดแบบติดตลก “ไอ้ไฟมันก็หน้าเดียวตลอดทุกความรู้สึก พวกพี่ควรชิน” ไอ้กราฟพูดต่อพี่ชายมัน ไอ้กราฟมันเป็นน้องชายของพี่เกมส์น่ะครับ ผมนั่งเงียบ ทุกคนก็เงียบ และในขณะที่เงียบทุกคนก็มองหน้าผมไปด้วย ผมย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความงง มันต้องมีอะไรสิวะ ไม่งั้นทำไมทุกคนถึงได้สื่อว่าในการแข่งขันครั้งนี้มันมีอะไร ผมดึงแผ่นกระดาษแผ่นนั้นออกจากมือไอ้ภีม เอากลับมาอ่านอีกครั้ง “เงินรางวัลสองล้านบาท” ผมอ่านข้อความที่อยู่กึ่งกลางที่ดูเน้นซะจนเด่น ก็คงจะส่วนนี้แหละมั้งที่ทำให้ทุกคนดูตื่นตาตื่นใจ เพราะจำได้ว่าพวกเราจะวางเงินไปเป็นเดิมพันและเงินเดิมพันถูกวางเป็นกองกลางซึ่งรวมกับทีมคู่แข่งเพื่อนำมาเรียกใหม่ว่า ‘เงินรางวัล’ เราจะวางเงินเดิมพันไม่เกินสามแสนต่อการแข่งหนึ่งครั้ง แต่นี่แข่งกันแค่สองทีม แต่กลับมีเงินรางวัลถึงสองล้านบาท อืม… จะว่าไปพวกเราก็ยังไม่เคยลงแข่งแบบแค่สองทีม ส่วนมากจะหลายทีม วางเงินเดิมพันน้อย แต่กวาดกลับมาได้เยอะ “โอ๊ย ไอ้ไฟ มึงอ่านข้ามคู่แข่งไปได้ไงวะ” พี่เอ็กซ์เพื่อนพี่ชายผมเอ่ยขึ้นมา WIN ZONE TEAM vs SUCCESS TEAM “วินโซน ซัคเซส” ผมอ่านตามข้อความบนแผ่นกระดาษ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วเลิกคิ้วขึ้น “แล้วไง?” “มึงไม่รู้สึกอะไรจริง ๆ เหรอวะ ที่เราต้องไปแข่งกับซัคเซส” ไอ้ปืนเอ่ยถาม ผมส่ายหน้าเล็กน้อยให้เป็นคำตอบ มาถึงตรงนี้ผมก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของทุกคน วินโซน คือชื่อกลุ่มของพวกพี่ผมที่ตั้งกันขึ้นมา และพวกผมก็มาเข้าร่วมด้วย แต่สมาชิกกลุ่มเราก็มีเยอะกว่านี้อะนะ ปัจจุบันก็มีสมาชิกร่วมกลุ่มกันเจ็ดสิบคนได้มั้ง ส่วนมากก็ผลัดเปลี่ยนกันมาสุมหัวที่บ้านพี่ชายผม ส่วนบ้านผมนี่ก็อยู่กันแต่กับเพื่อน ไม่มีใครมายุ่งด้วย ‘วินโซน’ พี่ ๆ ผมตั้งชื่อนี้เพราะว่าจะสื่อว่านี่คือพื้นที่ของผู้ชนะ พวกเราไม่เคยเป็นรองใคร แข่งกี่ครั้งก็ไม่เคยแพ้ งานต่าง ๆ ที่ได้เอารถไปโชว์ก็ไม่เคยน้อยหน้าใคร มักจะเป็นที่ฮือฮาซะด้วยซ้ำ ส่วนซัคเซสก็เป็นทีมที่ไม่เคยแพ้เช่นเดียวกัน ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าเราทั้งสองทีมไม่เคยลงแข่งสนามเดียวกัน การที่มาลงด้วยกันแบบนี้ แถมยังแข่งกันแค่สองทีมแบบนี้ ต้องมีสักทีมที่เป็นฝ่ายแพ้ ก็ย่อมฮือฮาสร้างความตื่นเต้นให้กับบรรดาคนรักความเร็วที่จะเข้ามาดูการแข่งขันในครั้งนี้ “มีแพ้มีชนะ คิดไรมาก” ผมโยนแผ่นกระดาษลงที่โต๊ะกระจกตรงกลาง ไม่ได้สนใจอะไรนัก และไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนักหนาด้วย “ไม่ได้ดิวะไอ้ไฟ เราจะแพ้ไม่ได้ มึงก็รู้ว่าแข่งครั้งนี้อะมันโคตรจะเรียกเงินเลยนะเว้ย” “มันก็เรียกเงินทุกครั้งนี่หว่าพี่ ผมเห็นแข่งชนะทีไร อู่พี่รถจอดกันแน่น” ผมย้อนพี่เกมส์กลับไป การแข่งขันแบบนี้ทีมไหนที่เป็นฝ่ายชนะ ก็จะได้รับความสนใจกันอย่างมาก ยิ่งโดยเฉพาะอู่ของพี่เกมส์ รถจอดรอคิวให้พี่เกมส์แต่งแรง ๆ ให้เพียบ บางครั้งต้องเอามาจอดที่นี่ก็มี ผลต่าง ๆ ที่ตามมา ทำให้เงินรางวัลดูธรรมดาไปเลย “ไอ้ไฟ กูขอร้อง มึงช่วยทำให้มันชนะหน่อยเหอะ กูต้องการให้พวกเรามีชื่อเสียงในแวดวงมากกว่านี้” พี่ดินเอ่ยขึ้นมา “เออ คราวนี้กูว่าพวกเราน่าจะยิ่งดัง สมาชิกกลุ่มวินโซนจะได้ถึงร้อยสักที” พี่ภูมิพูดจบก็กระตุกยิ้ม ที่จริงถ้าพวกพี่เขาไม่เรื่องเยอะ รับคนเข้าตลอดสมาชิกคงเกินร้อยมานานละ นี่รับแค่ปีละครั้ง แถมยังเรื่องมากเรื่องเยอะคัดคนอย่างกับจะเอาไปประกวด ทั้งที่แค่มาอยู่ร่วมกลุ่มกัน “ให้ไอ้ภีมลงแข่งแทนผมดิ” ผมโบ้ยไปให้ไอ้ภีม ผมขี้เกียจต้องมาแบกความหวังของหมู่บ้านเอาไว้แบบนี้ ในทุก ๆ ครั้ง ผมก็ขับเร็วเต็มที่อยู่แล้ว แต่ถ้าจะมากดดันว่าต้องชนะเท่านั้นแบบนี้ ผมก็ไม่อยากจะขับ “ตีน!” ไอ้ภีมมันถลึงตาใส่ผม “เอาเป็นว่าจะทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน” ผมหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และคว้าซองบุหรี่ของใครไม่รู้ที่วางอยู่ตรงโต๊ะเล็กหน้าประตูบ้าน มาเคาะเอาออกมาหนึ่งมวลแล้วจุดสูบระบายอารมณ์ของตัวเอง ให้ได้พอผ่อนคลายไม่ต้องคิดอะไรเยอะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD