“ถ้าฉันไม่มาทวง หล่อนก็คงนิ่งสินะ...อย่าลืมล่ะ ข้าวแดงแกงร้อนที่รดหัวแกทุกวันนี้น่ะเป็นของฉัน”
นางเปรยขณะล้วงธนบัตรใหม่เอี่ยมในซองออกมานับ
“เอะ!” เสียงแหวะดังไม่ใช่เล่น เมื่อมูลค่าสตางค์ในมือตนเองน้อยลงกว่าเดิม “ขาดไปพันนึงนะ แกคิดจะอมเหรอนังอลิส”
ฉลวยกระโชกเสียงขุ่น ยื่นธนบัตรในมือเกือบกระแทกหน้าอลิชา
“เดือนนี้อลิสต้องจ่ายค่าเรียนน่ะค่ะ เลยให้คุณป้าได้ไม่เท่าเดิม”
อลิชาเรียนมหาวิทยาลัยเปิด เธอลงเรียนเพื่ออนาคตตัวเอง หากวันหน้าเรียนจบ หน้าที่การงานเธอคงดีกว่านี้
“หล่อนจะเอาเงินไปทำอะไรฉันไม่สนหรอกนะแม่อลิส แต่ส่วนที่ต้องจ่ายให้ฉัน...ต้องเท่าเดิม ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวออกไป...ไม่มีที่ไหนสบายเท่าบ้านฉันหรอกนะยะ”
เสียงแหวดังลั่น จนติ๋มที่กำลังซักผ้ายังต้องชะโงกหน้ามอง สาวใช้สูงวัยเบ้ปาก หล่อนอยากยุส่งให้อลิชาหอบผ้าไปอยู่ที่อื่นเสียเหลือเกิน กับแค่ที่หลับที่นอน อาหารเหลือๆ ที่ฉลวยหยิบยื่นให้ แลกกับหยาดเหงื่อของหญิงสาวเกือบทั้งหมด มันไม่เห็นจะคุ้ม
ธนบัตรยับๆ มูลค่าตามจำนวนที่ฉลวยเรียกร้อง อลิชากัดฟันยื่นให้ ก่อนจะก้มหน้าลง หลบสายตาดุดันของญาติคนสุดท้าย
“ต้องให้ฉันลำเลิก หล่อนถึงจะยอมดีๆ ...อย่าให้บ่อยนักล่ะ หากฉันเบื่อขึ้นมา ฉันคงอับเปหิหล่อนออกไปอยู่ข้างนอกนั่น ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกสาวน้องชายฉัน ฉันไม่เก็บหล่อนมาเลี้ยงให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำหรอกนะ”
ฉลวยบ่นๆ นางเดินจากไปเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ
มือผอมบางยกขึ้นกรีดหยดน้ำตาทิ้ง เก็บกดความเจ็บช้ำไว้ในใจ เมื่อตนเอง...เป็นแค่คนอาศัย ไร้ญาติมิตรเหมือนคนอื่นๆ
“อดข้าวเอาแล้วกันอลิส ไม่ตายหรอก”
เงินก้อนสุดท้ายที่เธอเจียดไว้สำหรับอาหารมื้อกลางวัน...เมื่อหยิบยื่นให้ฉลวย เธอคงต้องอดไปก่อน...
หญิงสาวจัดแจงล็อกประตูห้อง เดินลากขาไปทำงานด้วยความรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งใจ
สายลมเย็นๆ พัดความสดชื่นปะทะใบหน้า เสียงนกตัวเล็กๆ ร้องกล่อมช่วยให้ความตึงเครียดผ่อนคลายลง รอยยิ้มอ่อนแต้มมุมปาก เมื่อสายตาทอดมองไปรอบๆ ตัว สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ ต่างไม่เคยหยุดนิ่ง แต่สิ่งต่อสู้เพื่อตัวเองแล้วเธอจะท้อไปทำไม...วันหนึ่งเมื่อสิ่งที่หวังสามารถคว้ามาอยู่ในกำมือได้ ความทุกข์ยาก เหนื่อยล้าก็คงจะหมดสิ้นไป...
“หนูอลิสๆ” แม่ค้าขนมครกหน้าปากซอยบ้านโบกมือเรียกอลิชาไหวๆ
“จ้าป้า...มีอะไรเหรอจ๊ะ อลิสสายแล้วเดี๋ยวคุณเพลินบ่น”
หญิงสาวขานรับ เดินไปหยุดหน้าร้านขายขนมครก ก่อนจะฉีกยิ้มแป้น
“เอาขนมนี่ไปกินลูก ผอมจนลมจะหอบขึ้นฟ้าไปอยู่แล้วเนี้ย...ไม่ต้องจ่ายป้า...ตอบแทนที่ช่วยสอนหนังสือไอ้แดงมัน”
แม่ค้าขนมครกยัดถุงพลาสติกใส่มืออลิชา นางตอบเสียงใส ยิ้มให้ทั้งที่กำลังยุ่ง เมื่อลูกค้ามายืนออเต็มหน้าเตาขนม
“ขอบคุณจ้ะป้า...กำลังอยากกินพอดี”
หญิงสาวรีบขอบคุณ เธอฉวยขนมครกร้อนๆ ใส่ปาก “ขนมครกป้าอร่อยที่สุดในโลก” ก่อนจะกล่าวชมเสียงร่าเริง
“กินเข้าไปเยอะๆ จะได้มีเนื้อมีหนังกับเขาบ้าง สตางค์น่ะ ไม่ต้องไปให้อีคุณนายนั่นนักหรอก แค่ที่ซุกหัวนอนเก็บเสียแพงเชียว”
ติ๋มชอบมาเม้าท์ให้คนนอกฟัง แต่ละคนที่รับรู้ล้วนเห็นใจอลิชา แต่ก็พูดไม่ได้มากเมื่อฉลวยเป็นคนอุ้มชูอลิชามาตั้งแต่ยังเด็ก คนอื่นๆ เป็นแค่คนนอก ได้แต่วิจารณ์แค่นั้นเอง
หญิงสาวยิ้มแหยๆ ให้ เธอรีบเอ่ยปากขอตัว “อลิสต้องไปแล้วป้า...สายโด่งแล้ว” หล่อนวิ่งฉิวไปทันทีที่พูดจบ
“เห้อ...คนดีมักโดนเอาเปรียบแบบนี้ล่ะ น่าสงสารจริงๆ”
แม่ค้าขนมครกยังบ่นตามหลัง
“หลานสาวบ้านหลังใหญ่สุดซอยใช่มั้ยป้า?” ลูกค้าหนึ่งในสองคนที่ยืนอยู่ร้องถาม
“อืม...ใช่ บ้านอีคุณนายฉลวยนั่นล่ะ”
“โตไวดีน่ะ ไม่ได้เรียนต่อหรือไง แต่งตัวเหมือนไปทำงานมากกว่าไปเรียน” หล่อนยังคงพูดต่อ
“ได้เรียนที่ไหนล่ะ อีคุณนายมันบอกไม่มีเงิน แต่...ส่งให้คนโง่เรียนแทน อย่างว่าแหละ ขี้จะดีกว่าไส้ได้ยังไงวะ” ป้าขายขนมบ่นพึม มือก็สาละวนแคะขนมครกร้อนๆ ในเตาไปด้วย
“น่าสงสารเนอะ...เสียดายมันสมอง”
ผู้คนในชุมชนรับรู้ความเก่งกาจของอลิชาแทบทั้งนั้น หล่อนหัวไว ฉลาดใฝ่รู้ และเป็นเด็กเรียนดีเสียดายที่ทางชีวิตของหล่อนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
“เห็นว่าเรียนมหาลัย’ เปิด เจ้เพลินเขาสนับสนุน...คนดีก็งี้แหละ ไปไหนมีแต่คนรัก”
ป้าขายขนมพูดไปยิ้มไป แม้จะไม่ใช่ญาติสนิท นางก็พลอยดีใจไปกับหญิงสาวด้วย
“ขอให้รุ่งเรืองเถอะ จะได้ออกมาจากขุมนรกนั่นเสียที” มือหยาบกร้านยกขึ้นบนบานเหนือหัว อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ตนเองก็อัตคัดสุดพรรณนา ได้แต่ปลอบใจกันไปตามประสาเพื่อนร่วมโลก
“อืมๆ เห็นด้วยเลยป้า...”
ชื่อเสียของฉลวยคนในย่านนี้รู้เกือบทั้งหมด...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเป็นแค่เพื่อนร่วมโลก...
อลิชาเลยต้องแบกรับความทุกข์ต่อไป...
“อีตอนมาเอาเงินนี่... กราบฉันเสียเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่เวลามาคืนนี่... ต้องให้จิกซ้ำถึงจะยอมโผล่หน้ามาให้เห็นนะยะ”
ปลายเล็บเคลือบยาทาเล็บสีแดงสดกรีดไปตามธนบัตรใหม่เอี่ยม ปากสีแดงแจ๊ดพร่ำบ่นเสียงไม่ต่างอะไรกับแม่ค้าหาบเร่ เมื่อทั้งดังและแหลมปรี๊ด
“เงินมันหายากนี่คุณนาย...ดอกก็แพงด้วย” หางเสียงแผ่วๆ ก่อนจะเสหลบตา เพราะสายตาคมดุตวัดมามองพอดี
“ฉันบอกหล่อนแล้วนี่ยะ ก่อนที่หล่อนจะมาหยิบยืม ตอนนั้นทำไมไม่ท้วงล่ะ พอตอนจะคืนมาโวย”
หญิงสาวผู้นั้นก้มหน้าลง เพราะขัดสนจึงต้องใช้บริการคุณนายสายหยุดหน้าเลือด ดอกเบี้ยแพงและโตไว้ยิ่งกว่าเมล็ดข้าวโพดโดนความร้อนเสียอีก
“นั่นใครล่ะ อ๋อ! แม่ฉลวยเข้ามาเลย ฉันกำลังรออยู่”
ฉลวยเดินหน้าม่อยเข้ามา นางทิ้งตัวลงนั่ง กระแทกลมหายใจแรงๆ ตอนที่ล้วงธนบัตรในกระเป๋าออกมาทั้งหมด
“เหลือเท่าไหร่แล้วคะคุณนาย ฉันส่งมาหลายงวดแล้วนะเมื่อไหร่จะหมดสักที” ฉลวยบ่นอุบ หาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อจะมาใช้หนี้สายหยุด โดยไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อไหร่
สมุดเล่มโตถูกเปิดออกด้วยนิ้วป้อมๆ ปลายเล็บเคลือบสีสันฉูดฉาดไล่เลียงหารายชื่อ ก่อนจะยิ้มมุมปากหยันๆ “หล่อนต้องหาอีกนานเลยล่ะแม่สายหยุด หล่อนผิดนัดฉัน3ครั้ง เลื่อนอีก1 ทบต้นทบดอกแล้วยุบลงไปไม่เท่าไรเลย” น้ำเสียงแบบคนเป็นต่อเปรยเบาๆ
“อะไรกัน!! ฉันเอาที่คุณนายมาแค่3แสน ฉันแน่ใจว่าที่ฉันหามาส่งคุณนายมันเกินแล้วนะ”
ฉลวยโวย! ตอนหน้ามืดไม่ทันคิด คว้าที่ไหนได้ก็เอาไว้ก่อน ตอนนี้เพิ่งมานึกเสียใจ ไม่น่าหยิบยืมจากคนใจอำมหิตแบบสายหยุดเลย
“ก็แค่เงินต้นเท่านั้นนะสามแสน ดอกเบี้ยของฉันอีกล่ะ แล้วที่หล่อนเลื่อนแล้วเลื่อนอีกล่ะยะ...ทำไมไม่คิด” สายหยุดแหวเสียงขุ่น
“ก็ไม่น่าแพงขนาดนี้นี่คะ” ฉลวยเถียงเสียงอ่อนลง
“ฉันมีสัญญาระบุไว้ชัดๆ หล่อนไม่ได้อ่านหรือไงล่ะยะ”
สายหยุดไหวไหล่ นางโยนเอกสารบางอย่างให้ฉลวยได้ดู
ฉลวยเหลือบมองโดยไม่คิดจะหยิบมาเปิดอ่าน นางกัดฟันกรอด รู้สึกเจ็บใจแทบกระอักเป็นเลือดที่ตนเองดันถลำมาเป็นหนี้คนหน้าเลือดอย่างสายหยุดเข้าให้
“ค่ะ ฉันจะรีบหาเงินมาคืนคุณนายไวไว” นางกัดฟันพูด อนาคตริบหรี่เสียจนไม่รู้ว่าวันเป็นไทจะมาถึงหรือเปล่า หากยังต้องผจญกับดอกเบี้ยมหาโหดเช่นเดิม
“ฉันมีข้อเสนอ หากแม่ฉลวยสนใจ”
แม่มดเจ้าเล่ห์เริ่มออกลวดลาย นางหรี่ตาลง มองประเมินคู่สนทนาอย่างพินิจพิเคราะห์
“อะไรคะ? หากปลดหนี้ได้ ฉันสนใจทั้งนั้นแหละ” ฉลวยรีบตอบ ยิ้มกระหยิ่มในใจ
“ก็ไม่มีอะไรมาก แม่หลวยก็รู้นี่ว่าอาชีพเสริมฉันทำอะไร” นางออกตัว คนวงในมักจะรู้ อาชีพทำเงินอีกอย่างของสายหยุด คือการเป็นนายหน้าหาเด็กเอาะๆ ให้เสี่ยกระเป๋าหนัก
ฉลวยเสก้มหน้า แอบเบ้ปาก นางสูดลมหายใจแรงๆ กำลังจะตอบปฏิเสธ
แต่... “เด็กในบ้านแม่หลวยคนนั้นน่ะ หน่วยก้านดี น่าจะยัง ‘สิง’ ส่งมาให้ฉันสิ ฉันจะจัดหาเสี่ยให้เอง รับรองเงินเป็นฟ่อนๆ ลอยเข้ากระเป๋าแม่หลวยแน่” นางแนะนำเหมือนหวังดี
ฉลวยนิ่งคิด คนที่สายหยุดสนใจไม่ใช่อลินดาบุตรสาว แม่เล้าอย่างสายหยุดไพร่ไปนึกถึงเด็กก้นครัว หน้าตามอมแมมอย่างอลิชา...ซึ่งนางเองก็ไม่ยี่หระ หากจะยกความสาวของอลิชาเพื่อแลกกับเงินก้อนโต
“หลานของฉันเหรอคุณนาย?” เสียงของนางคงแฝงด้วยความกังขาอย่างเห็นได้ชัด