“แหงสิ...ลูกสาวของแม่หลวยน่ะ อย่าหาว่าฉันว่าเลยนะ... ไม่เหลือแล้วมั้งป่านนี้ ก้นไวยังกับนกปลอด...” นางไม่ได้ดูถูกอลินดา แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น... บอกนางอย่างนั้น เด็กสาวคนนั้นไม่น่าจะเหลือความภาคภูมิใจของผู้หญิงดีๆ หน้าฉากหล่อนอาจจะดูเรียบร้อย อ่อนหวาน แต่แววตาของหล่อนนั้นจัดจ้าเสียจนสายหยุดเชื่อไม่ลง
ฉลวยตวัดตาค้อนขวับ แม้ไม่พอใจแต่ก็เถียงไม่ออก นางไม่รู้ว่า อลินดาเป็นอย่างที่สายหยุดพูดหรือเปล่า เพราะไม่ติดตามเป็นเงาตามตัวบุตรสาว นางหวังแค่ให้บุตรสาวเอาตัวรอดได้เป็นพอ...
“เด็กนั่นน่ะ ผิวพรรณดี จับขัดสีฉวีวรรณเสียหน่อย ขี้คร้านจะขายได้ราคาดี”
นางประเมินอลิชาให้ฉลวยฟัง หากเป็นคนอื่นคงได้ลุกเต้น เมื่อลูกหลานถูกดูแคลนซึ่งๆ หน้า แต่ที่นั่งอยู่นี่ มีแต่มารร้ายที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรก...ฉลวยจึงนิ่งฟังโดยไม่ได้แย้งอะไร
“ถ้าโปะหนี้ของฉันได้หมด ฉันจะลองคิดดูอีกที”
ฉลวยแสร้งไว้ท่า...ในหัวสมองคำนวณตัวเลขแบบถี่ถ้วน
“ยิ่งกว่าโปะหนี้หมดเลยแม่หลวย...หล่อนจะมีเงินติดกระเป๋ากลับไปเสียด้วยสิ” สายหยุดเอ่ยเสียงกระหึ่ม
“ใครที่ไหนเหรอ...คนแถวนี้หรือเปล่า ฉันกลัวผัวฉันมีปัญหา” นางถอนใจ หากกระเป๋าหนักปานนั้น ต้องเป็นเศรษฐีมีสตางค์ และอาจจะเผลอพูดจนเข้าหูสมภพ ถึงสามีจะรักใคร่ไยดีอลิชาไม่เท่าไหร่...แต่หากทำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์สกุลของเขา...สมภพคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ลูกค้าของฉันไม่มีใครปากโป้ง” สายหยุดคุยโอ่ ลูกค้าแต่ละคนของนางล้วนแล้วแต่เป็นคนมีหน้ามีตา ไม่มีใครปูดเรื่องอย่างว่าให้ตนเองเสื่อมเสีย
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีค่ะ”
“แล้วฉันจะติดต่อกลับไป แม่หลวยน่ะมีหน้าที่แค่พาเด็กนั่นมาส่ง กับรับเงินกลับไปแค่นั้นเอง”
สายหยุดอธิบาย นางยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะหากเป็นอย่างที่หวัง กำไรเนาะๆ ลอยเข้ากระเป๋านางเห็นๆ
“ได้ค่ะ” ฉลวยลากลับ พร้อมกับความคิดชั่วร้ายในหัว
ฉลวยกลับมาทันก่อนที่อลินดาจะออกจากบ้าน หล่อนใส่ชุดนักศึกษาที่ค่อนข้างเล็กไปสักนิด หากเทียบกับรูปร่างที่อวบอัด รังดุมปริ ทำท่าเหมือนจะขาดผึ่งหากเจ้าตัวหายใจเข้าแรงๆ
“อลิน...แม่ว่าเสื้อมันคับไปมั้ย?” เมื่อมารดาท้วง นักศึกษาสาวแสร้งโวย
“มันเป็นเทรนค่ะคุณแม่...ไม่คับหรอก อลินว่ากำลังดี” หญิงสาวก้มมองเสื้อนักศึกษา หล่อนเงยหน้ายิ้มหวานให้มารดา
“ตามใจ เทรนก็เทรน” นางตัดบท โบกมือให้ เมื่อกำลังมีเรื่องให้คิด
“งั้นอลินไปเรียนก่อนนะคะ” อลินดารีบหาทางชิ่ง...วันนี้เธอไม่คิดจะไปคร่ำเคร่งในห้องเรียน เมื่อมีสตางค์เต็มกระเป๋า
“อืม...เดี๋ยว...แม่วานหน่อยสิอลิน...” ฉลวยเอ่ยปากอนุญาต เธอนึกขึ้นมาได้ ในบรรดาเพื่อนฝูงของบุตรสาว นางเห็นว่าแต่ละคนนั้น น่าจะช่วยหล่อนได้ เพราะภาพลักษณ์ที่เห็น เป็นเด็กเกเรเสียเป็นส่วนใหญ่
“อะไรคะแม่?”
อลินดาเอียงคอมอง
ฉลวยยิ้มเครียด “หายานอนหลับกับยาปลุกอารมณ์ให้แม่หน่อย” นางตอบบุตรสาวก่อนจะเสหลบตา
“คุณแม่จะเอาไปทำอะไรคะ!” เสียงแข็งๆ ย้อนถาม
“หามาเถอะน่า...แล้วแม่จะอธิบายให้ฟัง...” ฉลวยบอกปัด เริ่มละอายใจเล็กน้อย
“อลินอยากรู้ค่ะ” อลินดากังขา เธออยากรู้วัตถุประสงค์ของคนเป็นแม่
ฉลวยมองสบนัยน์ตาบุตรสาว นางถอนใจเฮือก ก่อนจะเปิดปากเล่าความคิดในใจให้อลินดาฟัง
สาวรุ่นยิ้มกริ่ม “ได้ค่ะ อลินจะหาให้...ให้อลินช่วยนะคะแม่...” หล่อนออกตัว อยากช่วยมารดาจนเนื้อเต้น เมื่อได้กำจัดศัตรูทางอ้อม อยากเห็นวันที่อลิชาถูกย่ำยี...วันนั้นอลินดาคงมีความสุข เมื่อถีบส่งคนที่ตนเองเกลียดลงไปในขุมนรก
หญิงสาวผู้นั้นเป็นหนามแหลมๆ ตำใจตนเองมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็ตามที่อลิชาทำ คนรอบตัวมักจะชื่นชม และนำมาเปรียบเทียบกับตนเองบ่อยครั้ง ผลการเรียนของอลิชานำโด่ง จนไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางตามทัน ทั้งที่เจ้าหล่อนอัตคัดเหลือทน การเป็นอยู่อดๆ อยากๆ แต่มันสมองนั่นก้าวล้ำกว่าคนที่เพียบพร้อมอย่างเธอหลายขุม
อะไรก็ตามที่ทำให้หนามตำใจของตนเองตกต่ำลงได้
อลินดาไม่รอช้าที่จะทำ เธอไม่เคยคิดสักนิดว่าอลิชาเป็นพี่ น้อง...เธอเกลียดหญิงสาวผู้นั้น และพร้อมที่จะเหยียบซ้ำ หากอลิชาก้าวพลาด
“อย่าให้คุณพ่อแกรู้เชียวนะอลิน...เพราะพ่อแก เขาไม่ชอบเรื่องพรรค์นี้”
ฉลวยกำชับบุตรสาว
“ค่ะ อลินจะรูดสิป ปิดปากให้สนิทเลยค่ะ”
อลินดารับคำเสียงใส หล่อนออกจากบ้านไปพร้อมกับความปรีดิ์เปรม...เมื่อมีหนทางทำลายคนที่ตนเองเกลียดจับจิต
“วันนี้อารมณ์ดีจังคนสวย” เพื่อนหนุ่มขี้ยาร้องทัก เมื่ออลินดาโทร. นัดให้เขาออกมาหา
หล่อนนั่งละเลียดกาแฟแก้วโปรดในร้านกาแฟชื่อดังบนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ แทนที่จะหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่ในห้องเรียน
“นั่งเลยๆ อลินมีเรื่องขอให้โจช่วยหน่อยน่ะจ้ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงหวาน
“จะใช้ไหว้วานอะไรโจ เต็มใจทำให้อลินทุกอย่างเลยจ้า” ไอ้หนุ่มขี้ยาตอบกลับเสียงหวานไม่แพ้กัน ดวงตากลิ้งกลอก มองสำรวจร่างกลมกลึงตาเป็นมัน
“เรื่องนี้ไม่เกินความสามารถโจหรอก อลินรู้” หล่อนรีบยกยอปอปั้น เพื่อให้เพื่อนหนุ่มเกิดความลำพอง เขาจะได้จัดหาสิ่งที่ตนเองต้องการให้
“ให้บุกน้ำ ลุยไฟโจก็เต็มใจนะ หากอลินต้องการ” มือผอมบางเอื้อมมือกุมมือนุ่มนิ่มของอลินดาไว้ พลางส่งสายตามีความนัยให้หญิงสาว
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เรื่องขี้ปะติ๋วเอง” เธอชักมือกลับแบบนุ่มนวล ก่อนจะใช้มือข้างเดียวกันแตะแก้มตอบของเพื่อนหนุ่ม “อลินอยากได้ ‘ยา’ หาให้หน่อยสิ”
“ยาอะไร เดี๋ยวนี้อลินใช้ยาเหรอ?” โจถามกลับเสียงแข็ง ถึงตนเองจะตกเป็นทาสยานรกนั่น เขาก็ไม่ต้องการให้เพื่อนคนไหน เห็นดีเห็นงามไปด้วย
“ไม่ใช่ยาแบบนั้น ยาเลิฟน่ะ” อลินดารีบแก้ความเข้าใจผิด หล่อนลดเสียงลงอีกนิดเมื่อเอ่ยปากบอกความต้องการ
“โธ่! แล้วไป...อลินจะเอาเมื่อไหร่ล่ะ โจมี ‘ของ’ ตลอดแหละ” ในเมื่อต้องใช้จ่ายจำนวนมาก เมื่อ ‘ยา’ ที่ชายหนุ่มจำเป็นต้องใช้มีราคาแพง โจเลยจำต้องมีอาชีพเสริม เขาเข็ดขยาดกับความทรมาน ตอนที่ขาดยานรกนั่น
“ตอนนี้มีมั้ย ขออลินสักเม็ด มียานอนหลับด้วยหรือเปล่า?”
หญิงสาวตอบเสียงกระตือรือร้น ดวงตาวาวโลด เมื่อสิ่งที่ปรารถนา จวนเจียนจะสมหวัง
“เอาไปทำอะไรหรืออลิน...”
หญิงสาวโบกมือ “โจอย่ารู้เลย ไม่ได้ทำร้ายใครหรอก เล่นอะไรสนุกๆ แค่นั้นเอง”
“ตามใจ...โจคิดราคากันเองเลย...เอานี่จ้ะ สีชมพูคือ ‘ยาเลิฟ’ ส่วนสีขาวนี่ยานอนหลับธรรมดา” ชายหนุ่มหยิบเม็ดยาในกล่องพับขนาดเล็กเขายัดยาเม็ดเล็กๆ ใส่ซองใส ก่อนจะอธิบายวิธีใช้ให้อลินดาเข้าใจอย่างละเอียด
หญิงสาวจดจำความแตกต่าง ล้วงกระเป๋าสตางค์ หยิบเงินสดส่งให้เพื่อนหนุ่ม ก่อนจะยิ้มหวานให้
อันตรายใกล้ตัว มีอยู่ทั่วหัวระแหง...ใครจะคิดว่าท่ามกลางปัญญาชน...ผู้คนพลุกพล่าน มีคนร้ายแอบซ่อนตัว และปะปนอยู่ด้วย ดังนั้นไม่ว่าคน คนนั้นจะสนิทชิดเชื้อเพียงใด ขอให้หวาดระแวงไว้ก่อน ไม่อย่างนั้น อนาคตที่ฝันหวานไว้ อาจจะพังทลายลงง่ายๆ
เหตุการณ์ปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ฉลวยเฝ้ารอ... รอให้แม่เล้าอย่างสายหยุดติดต่อมา เธอมี ‘ของ’ อยู่ในมือแล้ว ที่เหลือก็แค่เวลาลงมือ การแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าที่สุด เมื่อเธอไม่ได้สูญเสียอะไรเลย มีแต่ได้กับได้
“ค่ำๆ นะแม่หลวย พา ‘เด็ก’ ของหล่อนมาที่...” เสียงกริ๊งกร๊างก่อนพระอาทิตย์ตก การส่งสัญญาณจากสายหยุดก็มาถึง
“จ้า ตามนั้น” ฉลวยรับคำ เดินไปชะโงกหน้ามองด้านหลังบ้าน ไฟฟ้าในห้องพักของหลานสาวยังมืดสนิท
“คุณแม่มองอะไรคะ?” อลินดาวางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะ หล่อนเดินไปรินน้ำเย็นใส่แก้วเพื่อดื่มแก้กระหาย
“มองห้องนังอลิส มันยังไม่กลับใช่มั้ย?” นางตอบเสียงแข็ง
“ยังหรอกค่ะ มืดๆ นู้น อลินเห็นแม่นั่นกลับเวลานี้ทุกวัน ว่าแต่... ทำไมบ้านเงียบจัง คุณพ่อไม่อยู่เหรอคะ?” หลังดื่มน้ำเย็นจนชื่นใจ อลินดาตอบมารดาเสียงใส ก่อนจะทิ้งตัวนั่ง มือควานหารีโหมตทีวี
“พ่อเรา เขาไปสัมมนาต่างจังหวัด”
“ค่ะ”