บทที่4.กาลเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง.....

1646 Words
“ไม่ต้องขอบคุณอิงหรอก แล้วเรียกอิง ว่าอิงก็พอ คุณนายมันเยอะไป” “ค่ะ” “ที่นี่อยู่กันแค่สองคน อิง กับสามีอิง ชื่อคุณไท ส่วนบ้านข้างๆ น่ะ บ้านพ่อ-แม่ อิง หลังใหญ่นั่นบ้านคุณตา ส่วนหลังที่อยู่ถัดไปบ้านคุณป้าสมร ค่อยๆ ทำความรู้จัก จะได้วางตัวถูก...วันนี้อิงให้พักก่อน ยังไม่ต้องทำอะไร พรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานแล้วกัน...” น้ำอิงชี้แจง ภายในรั้วบ้านเธอ ประกอบไปด้วยบ้าน4หลัง เป็นของญาติสนิทชิดเชื้อ เป็นครอบครัวใหญ่ที่ค่อนข้างเรื่องเยอะ แต่เธอชินเสียแล้ว “ค่ะ” อลิชา ติ๋ม ฟักทองกระถดตัวออกมาด้านนอก มุมที่พูดคุยกันได้คือครัว “ฝากหนูอลิสด้วยนะอีฟัก ว่างๆ กูจะแวะมาเยี่ยม วันนี้คงต้องกลับก่อน เดี๋ยวอีคุณนายมันเรียกใช้หากูไม่เจอจะได้โวย... ไม่ต้องห่วงติ๋มค่ะ ทำใจให้สบายนะหนูอลิส” ติ๋มสั่งความกับฟักทอง ก่อนจะปลอบใจอลิชา เมื่อแต่ละคนต่างมีภาระ เธอโอ้เอ้ไม่ได้ “เจ้านายบ้านนี้ใจดี...คุณอิงน่ะไม่ค่อยพูด คุณไทยิ่งแล้ว...งานบ้านมีไม่มากหรอก แต่คุณไทแกไม่อยากให้เมียเหนื่อย เลยหาคนมาเพิ่ม...” ฟักทองส่งยิ้มเป็นมิตรให้เพื่อนร่วมงานคนใหม่ อลิชายิ้มเซียวๆ ตอบกลับ เธอกอดกระเป๋าใบเดียวแนบอก “ไปพักก่อนเถอะ หน้าซีดๆ คงไม่คุ้นกับอากาศสินะ อย่างว่า... ในเมืองมันวุ่นวาย อยู่บ้านนอกสบายกว่าเยอะ” คนที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุงส่วนใหญ่ เป็นคนต่างจังหวัดเกือบครึ่ง เพราะว่าต้องหาเลี้ยงปากท้อง พวกเขาเหล่านั้นจึงต้องบ่ายหน้ามาแออัดอยู่ในเมืองกรุง แม้จะคิดถึงสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยตั้งแต่เด็ก ความจำเป็นบีบบังคับให้พวกเขาต้องทน...เพื่ออนาคตกับความสบายในบั้นปลายชีวิต อลิชาไม่ได้ปริปากเล่าภูมิหลัง เธอปล่อยให้ฟักทองเข้าใจผิด เพราะหากแพร่งพรายความลับออกไป คงไม่มีใครยินดีรับเธอไว้ เมื่อเธอหนีออกจากบ้าน ห้องพักแคบๆ แต่สะอาดเอี่ยม หญิงสาวทิ้งตัวนั่งบนที่นอนเก่าๆ กลิ่นสะอาดของเครื่องนอนทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้น ร่างบอบบางนอนราบไปตามความยาวของที่นอนยัดนุ่น หัวเข่างอขึ้นมาจนจรดแผ่นอก เป็นความอ้างว้างที่ต่อไปนี้เธอต้องผจญ เสียงสะอื้นดังแผ่วๆ กับหยาดน้ำตาที่ไหลริน จากนี้ไป... เธอจะต้องกลับมายืนได้อีกครั้ง แบบคนเข้มแข็ง อดีตมีไว้เตือนใจ ให้ระแวดระวังคนใกล้ตัว มันคือสิ่งย้ำเตือนให้อลิชาจดจำจนตาย...ไม่มีใครหวังดีกับเธอ แม้แต่คนที่เป็น ญาติ...โลกใบนี้โหดร้ายกับเธอนัก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด มีเพื่อนร่วมโลกบางคนที่น่าคบหา มากกว่าคนที่มีสายเลือดเดียวกัน... แมทธิวตื่นขึ้นมาตอนบ่ายแก่ๆ เขาขยี้เปลือกตาแรงๆ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มเหลียวมองไปรอบๆ ไม่มีคู่นอนที่ฟัดกันนัวเนียเมื่อค่ำคืน หล่อนอาจจะกลับไปแล้ว หรือกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำ สายตาคมดุลดลงมองความยับเยินของเตียงกว้าง “ฮ่าๆ” เขาเงยหน้าหัวเราะลั่น ไม่ใช่แค่ที่นอน ร่างกายของเขาก็ยับเยินไม่ต่างกันเลย แม่เสือสาวนั่น ฝากรอยรักไว้เต็มแผ่นอกกว้าง เป็นรอยเล็บขูดเป็นริ้ว ที่แผ่นหลังคงไม่แตกต่างกัน เมื่อชายหนุ่มรู้สึกแสบๆ คันๆ แมทธิววาดปลายเท้าลงจากเตียงนอน เขาใช้ปลายนิ้วเท้าคีบกางเกงสีเข้มตนเองเข้ามาใกล้ๆ หลังสวมกางเกงเสร็จชายหนุ่มกระโจนลงจากเตียง เขาเดินย่องๆ ตรงไปยังห้องน้ำกว้าง อยากเห็นหน้าแม่จอมพยศ ว่าหล่อนจะยับเยินเพียงใด... ...ว่างเปล่า ภายในห้องน้ำปราศจากสิ่งมีชีวิต เรียวคิ้วเข้มขมวดแน่น...ชายหนุ่มหมุนซ้าย หมุนขวา พยายามมองหา ‘ใครบางคน’ แต่ดูเหมือนว่า เขาจะอยู่เพียงลำพังในห้องกว้างแห่งนี้ ชายหนุ่มไหวไหล่ เขาเดินเข้าไปด้านใน และลงมืออาบน้ำ เพื่อชำระคราบไคล่ต่างๆ บนร่างกาย “อูยยย!” แมทธิวเผลอตัวอุทานออกมาเสียงหลง เมื่อสายน้ำเย็นรินรดร่างกาย ผิวหนังที่แผ่นหลังก็ประท้วง มันเจ็บแปลบเนื่องจากแผลสด เขาเอี้ยวตัวตะแคงร่างกายมองผ่านกระจกเงา ริ้วรอยนูนเด่น ฝีมือแม่ม้าพยศเมื่อคืนนี้ หล่อนฝากรอยรักไว้บนแผ่นหลังเขา เสียงเป็นทางยาว มุมปากสีเข้มกระตุกยิ้ม บทรักสุดโลดโผนเมื่อค่ำคืน ทำให้แมทธิวคิดถึงหล่อนขึ้นมาติดหมัด ไอ้ที่เคยปฏิบัติมา คงถูกแหก เมื่อในสมองของแมทธิวตอนนี้ เขาติดใจจนอยากพบหล่อนอีกสักครั้ง... หลังแต่งตัวเรียบร้อย ชายหนุ่มซ่อนรอยแผลเล็กๆ บนร่างกายไว้ด้วยเสื้อผ้าชุดเดิม เขาเดินผิวปากออกจากห้องสวีทแบบคนอารมณ์ดี ความเครียดที่สะสมในร่างกาย ถูกระบายไปกับบทรักร้อนแรงจนหมด โทรศัพท์เครื่องบางเฉียบถูกล้วงออกมาจากซอกกระเป๋าเสื้อ แมทธิวกดโทร. ออก ต่อสายหาคนจัดหาผู้หญิงเพื่อเจรจา เขาต้องการเจอหล่อนอีกครั้ง...แต่คงไม่ใช่วันนี้ “มีอะไรคะ? ทำไมแม่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว” อลินดาที่เพิ่งจะตื่นนอน หล่อนย่างกรายลงมาชั้นล่างของบ้าน เอาเมื่อตะวันขึ้นตรงศีรษะพอดี “ไม่ดีใจได้ยังไงลูก อีคุณนายนั่นโทร. หาแม่เมื่อสักครู่ เสี่ยเขาติดใจนั่งอลิส เลยอยากจะใช้บริการอีกครั้ง” ฉลวยเล่าไปยิ้มไป...หนทางได้เงินแบบง่ายๆ ลอยมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว... “แล้วแม่นั่นจะยอมเหรอคะคุณแม่!” หญิงสาวท้วง อลิชาไม่มีวันยอมแน่...หล่อนหยิ่งและถือดีจะตายไป “มันไม่ยอม เราก็ใช้วิธีเดิมสิ” ฉลวยคิดง่ายๆ เมื่อหล่อนยังไม่รู้ เวลานี้อลิชาไม่ได้อยู่ใต้หลังคาบ้านฉัตรสุวรรณเสียแล้ว “มันกลับมาหรือยังคะแม่ หรือว่านอนให้ไอ้เสี่ยบ้ากามนั่นกกอยู่?” อลินดาเอ่ยถาม เธออยากเห็นหน้าคู่ปรับตอนนี้เหลือเกิน “กลับมาตั้งแต่ตะวันขึ้น มันมาโวยกับแม่ โดนแม่ด่ากลับไป... นอนเงียบอยู่ในห้องนั่นล่ะมั้ง” ฉลวยกล่าวแบบไม่ใส่ใจ แค่เสียตัว...มันไม่ถึงตายหรอก... “เหรอคะ...เป็นยังไงบ้างล่ะ เสียดายจังอลินไม่ได้เห็นเอง” ฤทธิ์ยานั่นแรงพอดู คงเปลี่ยนให้อลิชากลายเป็นแม่สาวร้อนรัก และคงทำให้แม่คนนั้นยับเยินพอแรง “หมดแรงกลับมาเชียวล่ะ สภาพดูไม่จืด ไอ้เสี่ยนั่นคงถลุงจนยับ” สาวใหญ่ใจจืด ป้องปากหัวเราะคิกคัก ไม่มีความสงสารในน้ำเสียง...เหมือนกับว่าอลิชาไม่ใช่ญาติพี่น้อง “หิวจัง...ติ๋มๆ หาอะไรให้ฉันกินหน่อย” สาวรุ่นเดินไปตะโกนบอกคนรับใช้ ติ๋มโผล่หน้ามามอง รีบพยักหน้ารับ พำพึมด่าสองแม่-ลูก เมื่ออลินดาผลุบกลับไปที่เดิม “อีคนใจร้าย ร้ายทั้งแม่ทั้งลูก สาธุ! ขอให้เวรกรรมตามทัน...แม่จะหัวเราะให้ฟันโยก” ติ๋มยกมือท่วมศีรษะ บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้สองแม่-ลูก มีชะตากรรมเดียวกันกับคนน่าสงสารอย่าอลิชา อาหารจานเดียวง่ายๆ ใช้เวลาปรุงไม่ถึง15 นาที ติ๋มยกมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะอาหาร “นังอลิสมันอยู่ที่ห้องมั้ยนังติ๋ม!!” ฉลวยกล่าวถามเสียงเข้ม ติ๋มก้มหน้าลงแอบเบ้ปากให้ ก่อนจะปรับสีหน้า เอ่ยตอบเสียงเรียบ “ไม่ทราบค่ะ เห็นหิ้วกระเป๋าออกไปตั้งแต่เช้า ติ๋มไม่ทันได้ถาม นึกว่าไปทำงาน” “หะ อะไรนะ แกบอกฉันใหม่สินังติ๋ม!” ติ๋มยิ้มเย็นชา แอบสะใจ เมื่อสองแม่-ลูก ตกใจจนตาเหลือก “หนูอลิสออกไปตั้งแต่ตอนเช้าแล้วค่ะ ติ๋มไม่ได้ถามเธอด้วยว่าไปไหน” ติ๋มตอบหน้าตาย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แม้จะรู้เต็มอก แต่ไม่มีวันคายให้คนใจดำรู้ที่อยู่ของอลิชาแน่ๆ “ไปดูที่ห้องมันดีกว่าค่ะคุณแม่...” สองแม่-ลูก ใจดำชักชวนกันไปดูให้เห็นกับตา...ฉลวยเอะใจ คนไร้ญาติอย่างหลานสาวจะไปที่ไหนได้ เมื่อหล่อนมีแค่บ้านของตนเองคุ้มหัว ห้องนอนว่างเปล่า ไร้ร่างของคนที่สองคนแม่-ลูกตามหา ที่นอนถูกพับเก็บอย่างดีวางแอบไว้มุมห้อง ของใช้ส่วนตัวของอลิชาหายไปจนหมดเกลี้ยง มีแต่เสื้อผ้าเก่าๆ กองอยู่ก้นตู้ นอกนั้นไม่เหลืออะไรเลย “มันจะไปไหนได้...เดี๋ยวมันก็ซมซานกลับมา” ฉลวยกำมือแน่น เปรยเสียงเคร่ง เมื่อสวรรค์ล่ม สิ่งที่หวังไว้หายวับไปต่อหน้า...เมื่อไม่มีอลิชา เงินรายได้แบบง่ายๆ ก็คงชวด... “แกแน่ใจนะนังติ๋มว่าแกไม่รู้ไม่เห็น?” ฉลวยหันมาไล่เลียงกับติ๋ม ซึ่งติ๋มก็เตรียมพร้อม สาวใช้รุ่นเก๋ายืนยันหน้าตาย หล่อนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา...แถมยังแอบเหน็บให้เจ้านายทั้งสองเจ็บใจเล่นๆ “ติ๋มจะไปรู้ได้ยังไงคะ...ถ้าเป็นติ๋มเหรอคะคุณนาย ติ๋มหอบผ้าไปนานแล้ว... ไม่อยู่ให้เอาเปรียบนานขนาดนี้หรอกค่ะ” “นังติ๋ม!!” ฉลวยตวาดเสียงก้อง ติ๋มลอยหน้ายิ้ม สองแม่-ลูก นี่ไม่กล้าไล่เธอออกหรอก เมื่อค่าแรงแสนถูก แถมใช้งานไม่หยุดไม่หย่อน คนใหม่เข้ามา ไม่นอนก็ชิงลาออก ที่ติ๋มทนอยู่เพราะอยู่ใกล้บ้าน แถมรู้ทันความคิดนายจ้าง เจ้าของบ้านเลยไม่ค่อยโขกสับเท่าไหร่ “ติ๋มไปทำงานดีกว่า...หนูอลิสไม่อยู่แบบนี้ งานได้สุมหัวกันพอดี” สาวใช้เดินลอยชายจากไป ปล่อยให้สองแม่-ลูก ยืนคับแค้นใจ “จะทำไงดีคะคุณแม่...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD