คืนแรกที่ได้นอนที่บ้านเกิด อินถวาตื่นแต่เช้า วันนี้เธอตั้งใจมาหาปู่กับย่า บ้านไม้หลังเล็กๆน่ารัก ตั้งอยู่บนเนิน หน้าบ้านมีรั้วไม้ไผ่สานเรียงกันเป็นระเบียบ ประตูใช้ไม้ไผ่ถักเป็นลายไทย ฝีมือของปู่กริช ประตูแบบนี้ต้องคนที่ชำนาญแข็งแรงและใจเย็นจริงๆ ถึงจะทำได้ สมัยนี้ไม่ค่อยมีคนทำแล้ว บ้านปู่ทุกอย่างแทบจะเป็นของเก่าแทบทั้งหมด หน้าบ้านมีป้ายขนาดย่อมเขียนด้วยลายมือสวยงามว่า บ้านสิริสุขกำจร
ปู่กริชเป็นคนที่มีวิชาอาคม แต่มุ่งไปในทางสายขาว ใช้พระพุทธคุณเท่านั้น ปู่กริชเป็นคนถ่ายทอดสิ่งที่ดี และสามารถป้องกันตัวได้ให้กับอินถวา จริงๆแล้วน่าจะถ่ายทอดให้กับอินทร์นที หลายชายคนโตมากกว่า แต่ท่านคิดแล้วว่าอินถวา เหมาะสมที่สุด สิ่งที่ติดตัวอินถวามาตั้งแต่แรกเกิด ทำให้ปู่ต้องมอบสิ่งพิเศษที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองหลานสาว ปู่เพียงแนะนำ และสอนให้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะอินถวา มีของดีติดตัวมาอยู่แล้ว
“ปู่ขา ย่าขา อยู่ไหมคะ ยี่หวามาแล้วค่ะ”
อินถวาขับรถตุ๊กตุ๊กคู่ใจจากบ้านมาหาปู่ บ้านปู่กับบ้านเธอห่างกันประมาณห้ากิโลเมตร ยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำที่บ้าน เมื่อคืนเธอนอนหลับสนิทมาก ไม่มีสิ่งใดมารบกวนเธอเลย บ้านเธอและบ้านปู่ปลอดภัยที่สุด
“เสียงใครมาเหรอปู่ เสียงเหมือนยี่หวาเลยนะ” ย่าพลอยส่งเสียงมาจากหลังบ้าน
“ยี่หวามา เขาบอกแล้ว ว่าจะมา”ปู่กริชร้องบอกภรรยา
ปู่กริชเดินออกมาเปิดประตูรั้วบ้านให้หลายสาวคนโปรด ปู่เป็นคนตัวใหญ่ สมัยเป็นหนุ่มปู่กริชสูง 180 เซนติเมตร ร่างใหญ่ สักยันต์เต็มตัว ถึงจะอายุเจ็ดสิบแล้ว ก็ยังแข็งแรงมาก เดิมปู่เป็นคนจังหวัดสงขลา มาพบรักกับย่าซึ่งเป็นคนเพชรบูรณ์ ท่านตั้งรกรากที่นี่ แต่งงานอยู่ด้วยกันจนมีลูกหลาน กิจการไร่กุหลาบ คนที่เริ่มต้นทำคนแรกคือปู่กริช และย่าพลอย พอแก่ตัวลง พ่อก้านแม่กลอยกลับมาอยู่บ้าน ปู่ก็แบ่งให้ลูกชายและลูกสะไภ้ทำ ปู่กับย่าอยู่กันสองคน ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ที่สำคัญยังแข็งแรงมาก ไม่เป็นภาระของใคร ย่ายังคงปลูกผักสวนครัว ส่วนปู่ถึงจะแบ่งสวนกุหลาบให้พ่อของเธอแล้ว ปู่ก็ยังมีทำของปู่ต่างหากอีกหลายสิบไร่
ช่วงที่พ่อกับแม่เธอยังเปิดร้านขายอาหาร ปู่จะเป็นคนดูแลสวนกุหลาบให้ คอยดูคนงาน ทำงาน ย่าพลอยก็ยังคงแข็งแรง ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา พ่อเธอเป็นลูกชายคนเดียว ที่ปู่รักมาก แต่พ่อเธอไม่สนใจสิ่งที่ปู่คอยบอกคอยสอน พ่อเป็นคนสมัยใหม่ ไม่ค่อยเชื่อเรื่องลึกลับสักเท่าไหร่
“ปู่ขา สวัสดีค่ะ ยี่หวามาแล้วค่ะปู่ คิดถึงที่สุดเลย” อินถวาโผเข้ากอดปู่กริชทันที ที่ประตูรั้วไม้ไผ่เปิดออก
“เบาๆลูก ปู่แก่แล้ว ไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะยี่หวา”
“ใครบอกว่าปู่แก่ ยังแข็งแรงอยู่เลยค่ะ ดูท่าที่เดินหลังตรงมาก พ่อก้านซิคะ ดูจะแก่จะเท่าปู่แล้ว”ท้ายเสียงหญิงสาวเศร้านิดหน่อย
“เอาน่า เดี๋ยวก็ดีขึ้น ไม่นานหรอก”
“จริงนะคะปู่ ยี่หวานี่ไม่แน่ใจเลย เมื่อวานกลับมาเห็นพ่อกับแม่แล้วใจแป้วเลยค่ะ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ปู่จะไปจัดหิ้งพระให้ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
“จริงนะคะปู่ โอ้ย....ดีใจมากเลย เมื่อวานยี่หวาทำความสะอาดรอแล้วค่ะ”
“ปู่รู้แล้ว เห็นแล้ว ปู่กับย่าดีใจนะ ที่ยี่หวาตัดสินใจกลับมาอยู่่บ้าน”
“ค่ะปู่ ยี่หวาคิดไว้นานแล้วค่ะ ว่ายังไงก็ต้องกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ที่กรุงเทพฯ เลยค่ะ เหนื่อยมาก”
“ที่กรุงเทพฯ วิญญาณเยอะมากค่ะปู่ ดีก็มี ไม่ดีก็มาก บางทียี่หวาไม่เป็นตัวของตัวเองเลย”
“เราช่วยได้ เราก็ช่วยเขาลูก ช่วยไม่ได้ก็ไม่เป็นไร กลับมาอยู่บ้านเราก็จะได้สบายขึ้นบ้างนะ”
“ใช่ค่ะยี่หวาอยากกลับมาอยู่ใกล้ๆปู่ จะได้ไม่ต้องระวังและระแวงอะไรมาก”
“ไปลูกเข้าบ้าน ย่าเขารอเราอยู่ “ยี่หวาเกาะแขนปู่กริชเดินเข้าไปยังตัวบ้าน
“ย่าขา สวัสดีค่ะ ยี่หวามาแล้ว” ปูกริชเข้าไปนั่งคู่กับย่าพลอย อินทวานั่งลงกับพื้นบ้าน แล้วกราบที่เท้าของปู่และย่า ปู่กริชและย่าพลอย เอื้อมมือมาวางบนหัวของหลานสาว แค่นั้นก็ทำให้หัวใจของอินทวาอบอุ่น เธอตัดสินใจถูกแล้วที่กลับมาอยู่บ้านในครั้งนี้ ที่ๆปลอดภัยที่สุด และมีความสุขที่สุด
“ยี่หวาเข้าไปกราบในห้องพระด้วยนะลูก”
ห้องพระบ้านปู่สะอาดและดูขลังมาก เพราะย่าทำความสะอาดทุกวัน ปู่สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน วันพระก็ไปวัดกับย่า เวลาที่ไปวัดก็ขับรถไฟฟ้าไป ปู่ซื้อมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ใช้ สำหรับเดินทางไปโน้นนี่ ส่วนมากก็ไปวัด และสวนกุหลาบ และยังมีรถตุ๊กตุ๊กคู่ใจ เอาไว้ไปส่งกุหลาบบริเวณใกล้ๆอีกหนึ่งคัน
สมัยอินถวาเป็นเด็ก ประมาณ ห้าหกขวบ เธอเริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆมากมาย แรกๆไม่รู้ว่าเป็นอะไร เธอก็พูดคุยปกติ ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง จนกระทั่งเห็นแบบที่น่ากลัว ตั้งแต่นั้นมาเธอก็เล่าให้ให้พี่ชายฟัง จำได้ว่าพี่อินทร์บอกว่าเธอบ้า เล่าให้พ่อกับแม่ฟังท่านก็ไม่ค่อยสนใจ บอกให้เธอตั้งใจเรียนให้มาก อย่าอ่านการ์ตูนและดูหนังผีเยอะ จนเธอไปเล่าให้ปู่กับย่าฟัง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ปู่สอนให้เธอสวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา สิ่งต่างๆที่เธอเห็นก็ยิ่งเห็นชัดขึ้น ชัดขึ้น มีคาถาหลายบท ที่ปู่สอนเธอ และมันก็ใช้ได้ผลมาก มีหลายเหตุการณ์ที่เธอเคยเจอมาสมัยที่เป็นเด็ก มีหนึ่งเหตุการณ์ที่เธอไม่เคยลืมเลย ยังจำได้ตลอดเวลา
อินถวาจำได้เมื่อสมัยเด็กๆ ปู่กับย่าพาเธอไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่สงขลา เพื่อนปู่อาศัยอยู่ในสวนยาง จำได้ว่าบ้านของเพื่อนปู่น่ากลัวมาก สมัยเด็กดูเหมือนว่าสวนยาง มันกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน บ้านหลังใหญ่หลังเดียวปลูกอยู่ในสวนยาง คืนนั้นหลังจากที่ทุกคนกินข้าวเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปู่กับเพื่อน ก็นั่งคุยกันต่อ ไม่มีการดื่มของมึนเมาทั้งสิ้น ตรงที่นั่งคุยกัน แยกออกมาจากตัวบ้าน เป็นเรือนไม้แบบมิดชิด เอาไว้นั่งเล่นพูดคุยกัน และเอาไว้เก็บขี้ยาง จุคนได้ประมาณสิบคน
พื้นที่นั่งทำจากไม้กระดาน ยกสูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งนิ้วไม้บรรทัดได้ แมวหรือหมาก็คลานเข้าไปไม่ได้ หลังจากกินข้าวเย็นกันแล้ว เกือบสองทุ่ม บรรยากาศภายในสวนยาง มืดเร็วมาก เสียงแมลงกลางคืนร้องกันระงม แยกไม่ออกว่าเสียงของสัตว์ชนิดใดบ้าง ดังเซ็งแซ่ผสมกันไปหมด ไม่รู้จะรำคาญหรือเพลินดี ยี่หวาไม่ค่อยชินนัก
ยี่หวานั่งพิงต้นเสาอ่านการ์ตูนอยู่คนเดียว ข้างในเรือนนี้มีแสงไฟจากหลอดไฟหลอดใหญ่ที่แขวนอยู่บนขื่อสำหรับกลุ่มผู้ใหญ่ที่คุยกัน แต่สำหรับเธอมีโคมไฟเล็กๆ ตั้งใกล้ๆ ได้แสงสว่างพอได้อ่านการ์ตูน
คราวนั้นยี่หวาน่าจะอายุประมาณเจ็ดขวบได้ เด็กหญิงยี่หวา อยู่ตรงไหนก็ได้ขอให้มีการ์ตูน เธอนั่งพิงเสากลางบ้าน โคมไฟวางอยู่บนโต๊ะที่ทำขึ้นง่ายๆ จากไม้ยางพารา ยี่หวาอ่านการ์ตูนจบเล่มที่สอง
อยู่ๆไฟก็กระตุกทั้งหลอดไฟที่แขวนอยู่ข้างบนขื่อ และโคมไฟที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเธอ ด้านนอกมีเสียงลมพัดแรง แรงลมปะทะกับต้นและใบของยางพารา เกิดเสียงดังขึ้น บางคนที่ไม่ชินก็อาจจะมีอาการกลัวบ้าง แต่สำหรับยี่หวา เธอเฉยๆ ฝนกำลังจะตก ธรรมดาของภาคใต้ อยู่ๆ ประตูกับหน้าต่างที่ปิดไว้ ก็เหมือนมีคนมากระชาก ยี่หวาเงยหน้าขึ้นไปมอง เธอเข้าใจว่าเป็นแรงลม แต่อีกใจ ก็คิดว่าลมอะไรจะแรงถึงขนาด มาปะทะหน้าต่างและประตู ให้ขยับเหมือนมีคนมาเขย่ามากกว่า
ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนที่กำลังนั่งคุยกันนิ่งเงียบ สักพักเสียงลมข้างนอกก็เงียบ อยู่ๆก็มีเสียงเคาะดังขึ้นมาจากพื้นที่ยี่หวานั่ง เสียงเหมือนเวลามีคนเคาะประตูห้อง ก๊อก ก๊อก ก๊อก ดังอยู่ใต้ก้นเธอเลยล่ะ ไม่แน่ใจว่าดังมากจากที่ไหนกันแน่ มองไปรอบๆห้อง ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนยังนิ่ง ยี่หวาก้มหน้าอ่านหนังสือการ์ตูนต่อ มีเสียงเคาะขึ้นมาอีก ดังมาจากใต้ถุนที่เธอนั่งอยู่ เป็นไปไม่ได้เมื่อกลางวันเธอก็เห็นว่าพื้นกระดานมันห่างจากพื้นดินแค่หนึ่งนิ้วไม้บรรทัด แล้วใครจะคลานเข้าไปเคาะไม้กระดาน แมวเข้าไปยังออกยากเลย ยี่หวาขยับตัว เริ่มรู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ และดูว่าผู้ใหญ่ทุกคนก็ได้ยินเช่นกัน
ยีหวาใช้มือลูบไปที่พื้นกระดาน เสียงเคาะดังขึ้นมาอีกสามครั้ง ทุกสรรพสิ่งรอบเรื่อนหลังนี้นิ่งสนิท ไม่มีเสียงลม ไม่มีเสียงแมลงกลางคืน นั่นยิ่งทำให้เสียงเคาะกระดาน ดังชัดมาก ยี่หวาหันหน้าไปมองปู่กริช เห็นท่านส่งยิ้มน้อยๆมาให้ เธอรู้สึกอุ่นใจ ไม่ได้นึกกลัวอะไร เพราะสิ่งที่เธอเคยพบมา น่ากลัวกว่าเจ้าเสียงนี้มากนัก ยี่หวาไม่ได้สนใจ เธอนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนต่อ ดูเหมือนว่าเจ้าสิ่งที่ซ้อนอยู่ด้านล่างพื้นไม้กระดาน จะตื้อเธอซะจริง มีเสียงเคาะขึ้นมาอีกสามครั้ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก ยี่หวารู้สึกสนุก เธอหลับตานิ่งลูบมือลงไปที่พื้นกระดาน และเคาะตอบไปสามครั้งเหมือนกัน
ทันใดนั้นภายใต้พื้นกระดาน ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เสียงโครมครามวิ่งพล่านไปทั่วใต้พื้น ยี่หวาหันไปมองหน้าปู่ ท่านยังคงทำหน้านิ่ง มีเพียงเพื่อนปู่เท่านั้นที่ยิ้มยิงฟันขาวให้เธอ ย่าพลอยของเธอก็นั่งนิ่ง ภรรยาของเพื่อนปู่ก็นั่งนิ่งเช่นกัน เหมือนทุกคนกำลังรอดูเหตุการณ์ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก ยี่หวาหันหลังให้ทุกคน เธอนั่งหลับตา ตั้งสติและตั้งใจสวดคาถาที่ปู่เคยสอน เธอรู้ว่ากระท่อมแห่งนี้ ไม่ได้มีการสะกดอะไรไว้เลย มีบางสิ่งบางอย่าง อยากทักทายเธอ ในขณะที่ยี่หวาสวดคาถา เธอรู้สึกเหมือนกับว่า กระท่อมทั้งหลังเหมือนจะพัง เสียงพายุ เสียงฝน เสียงฟ้าผ่า ดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด แค่นี้ไม่ทำให้ยี่หวารู้สึกกลัวหรอก ตราบใดที่ปู่ยังนั่งอยู่ที่นี่ เธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบ เสียงเหมือนฟ้าผ่าดังขึ้น ได้ยินกันแทบทุกคน
จากนั้นไม่ถึงสิบนาที ทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ในความสงบ กลับมาเหมือนเดิม มีลมเบาบาง มีเสียงแมลงกลางคืน เหมือนเมื่อตอนหัวค่ำ ยี่หวาลืมตานั่งนิ่งๆ ก้มหน้าอ่านหนังสือการ์ตูนต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเสียงถอนหายใจของย่าพลอยดังขึ้น ยี่หวาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ตกลงว่าคืนนั้น ผู้ใหญ่นั่งคุยกันเกือบห้าทุ่ม ยี่หวาเผลอหลับไป จนปู่ต้องอุ้มเธอขึ้นไปนอนบนบ้าน ตื่นเช้ามาเธอยังคิดว่าเหตุการณ์เมื่อคืน เธอฝันไปหรือเปล่านะ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ยี่หวาเดินลงมาที่กระท่อมที่เธอและผู้ใหญ่นั่งคุยกันเมื่อคืนนี้ เด็กยี่หวาเดินวนรอบกระท่อม ก้มหน้ามองลอดใต้พื้นกระดาน หมาแมวยังเข้าไปไม่ได้เลย แน่นอน คนก็ไม่สามารถเข้าไปได้ พวกเขาคงมาทักทายเธอ ยังเช้าอยู่มาก หกโมงเช้า ยี่หวาเดินจงกลม สวดมนต์และแผ่เมตตา ทำเหมือนที่ทำที่บ้าน ที่บ้านเธอจะเดินจงกลมกับปู่ช่วงเย็น
แปลกจริงๆ ในสวนยางก็มีพระมาบิณฑบาต ย่าเรียกให้ยี่หวารับข้าว และกับข้าวไปใส่บาตรพระ ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนใส่บาตรพร้อมกัน พระมาจากทิศไหนไม่รู้สามองค์ เหมือนกับว่า มาบิณฑบาตบ้านเพื่อนปู่แล้วก็กลับวัดเลย ยี่หวากรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสิ่งทั้งหลาย ค่อยสบายใจ ปู่กับย่าอยู่ที่บ้านเพื่อนต่ออีกสองคืน สองคืนนั้นไม่มีเหตุการณ์อะไรปกติทุกอย่าง เพื่อนปู่บอกว่า เขามาทักทายยี่หวา เด็กหญิงคิดว่า ถ้ามาทักทายกันแบบนี้ อย่ามาเลยดีกว่า มันระทึกใจเกินไป
“คิดถึงเรื่องที่สงขลารึไงลูกยี่หวา”ปู่กริชทักหลานสาว เมื่อเห็นว่านิ่งไป
“ใช่ค่ะปู่ คิดย้อนหลังแล้วก็น่ากลัวเหมือนกันนะคะ “
“เบื่อไหมลูก”ย่าพลอยถามหลานสาว
“เบื่อเหมือนกันค่ะย่า บางทีไม่อยากเห็นเลย แต่ก็ต้องเห็น บางทียี่หวาอยากกลับไปเรียนปีหนึ่งถึงปีสี่ใหม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะลูก “ปู่กริชหันหน้ามาถามยี่หวา
“ก็ช่วงที่ยี่หวางานยุ่ง ท่องตำรา จิตไม่ว่าง ไม่ค่อยพบเจออะไรค่ะปู่ น้อยครั้งที่จะเจอ”
“ทำยังไงได้ล่ะลูก เขากำหนดมาแล้ว ยี่หวาก็สวดมนต์แผ่เมตตาให้พวกเขาเยอะๆ เขาก็เหมือนคนล่ะลูก ใครทำดีกับเขา เขาก็ตอบแทน เราช่วยเขา เขาก็ช่วยเรา”
“ค่ะปู่ ยี่หวาเข้าใจแล้ว มาอยู่บ้านก็อุ่นใจแล้วค่ะ ยังไงก็ได้”
“พ่อหนุ่มคนนั้นเขาเป็นยังไงบ้างลูก เล่าให้ปู่ฟังหน่อย ไปเจอเขาได้ยังไง”
ยี่หวาทำตาเหล่มองปู่ ส่วนย่าก็นั่งยิ้ม หญิงสาวชอบที่ย่ากับปู่ยิ้ม ไม่มีสิ่งใดที่ปู่เธอจะไม่รู้
“พลังเขาเยอะมากค่ะปู่ นี่ไงคะเขาผูกด้ายให้ยี่หวาด้วย “
อินถวาเล่าเรื่องราวที่เธอไปเจอที่ห้างสรรพสินค้า และภาสกรช่วยเธอไว้ได้ ไม่งั้นเธอต้องแย่แน่ๆ นอกจากปู่กริชแล้ว เธอยังไม่เคยเจอใครที่มีพลังเหมือนเขาเลย อ้อมีอีกหลวงพ่อที่วัด ที่ปู่เคารพมาก ก็ถือว่าภาสกรเป็นอันดับสาม
“คนบ้านนั้นทุกคน เป็นคนดีหมดเลยนะลูก มีอะไรก็ต้องช่วยเขา”
“มีอะไรเหรอคะปู่ จริงๆพี่ภาษเขาก็ช่วยได้นี่คะ มีอะไรที่ยี่หวาต้องช่วยเหรอคะ”
“คนเล็ก ลูกสาวคนเล็ก อย่าให้เขามาที่นี่คนเดียว ถ้าเขาจะมาหลานต้องไปรับ และมาพร้อมกัน ห้ามปล่อยให้เขามาคนเดียวเด็ดขาด จำไว้”
อินทวาหน้าตื่น เมื่อได้ยินปู่กริชพูดขึ้นมา”
“ ก่อนวันพระ ยี่หวาไปกรุงเทพฯ แล้วมาพร้อมกัน เอารถปู่ไป ปู่จะรออยู่ที่นี่”
“ค่ะปู่ ก่อนวันพระหน้า งั้นวันนี้ปู่ไปช่วยไปย้ายห้องพระให้ยี่หวาได้ไหมคะ ยี่หวาอยากทำให้เสร็จก่อนไป”
“อื่อ ปู่รอเสียงจากคนบ้านหลานมานานแล้ว ถ้าไม่มีคนพูดปู่ก็ช่วยไม่ได้ รอพ่อกับแม่เราก็ไม่รู้เมื่อไหร่ เดี๋ยวกินข้าวกลางวันเสร็จเราก็ไปกันเลยนะย่า”
"ย่าเตรียมของไว้แล้ว ตกลงว่าเราจะไปนอนที่บ้านหลานกันนะ จะได้ส่งหลานขึ้นรถวันมะรืน แล้วค่อยกลับมารอหลานที่บ้านเรา"
ย่าพลอยของเธอช่างรอบคอบเหลือเกิน ย่ารู้ทุกอย่าง แต่ย่าไม่พูด ย่าให้เกียรติปู่ คู่ของปู่เป็นคู่ที่น่ารักมาก พ่อเธอเคยเล่าให้ฟังว่า ปู่กับย่าไม่เคยทะเลาะกันเลย
อินถวารู้สึกนิ่ง เหตุการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เธอรู้ว่าจะต้องกำหนดจิตใจอย่างไร ต้องนิ่งให้มากที่สุด แล้วทุกอย่างจะนิ่ง เธอไม่สงสัยว่าปู่รู้ได้ยังไง ว่าสร้อยสนจะมาเพชรบูรณ์ ทั้งที่เธอเพิ่งคุยกับสร้อยเมื่อคืน ปู่กริชผู้รู้ทุกอย่าง เป็นผู้วิเศษของเธอจริงๆ