สูตรสำเร็จรัก 9

1279 Words
สูตรสำเร็จรัก 9 “เรียกคนที่มีปัญหาเข้าห้องประชุมทั้งหมด” “ค่ะเจ้านาย” พี่ดารินทร์ขานรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนเดินออกไปคนที่พี่ดารินทร์เรียกว่าเจ้านายนั้นปรายตามองฉันนิ่ง ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่างจากที่เคยเจอครั้งล่าสุดที่ออกจะกวนประสาทอยู่มาก แต่ครั้งนี้เขานิ่งและเหมือนเป็นใครอีกคน เขาคงจำฉันไม่ได้หรอก อีกอย่างก็ไม่ควรทำเหมือนรู้จักกันเพราะฉันอยู่ในฐานะนักศึกษาฝึกงานของที่นี่ เดี๋ยวเขาจะเสียหายเอาได้ “เดินไหวไหม?” เอ่อ จะตอบยังไงดี เพราะตอนนี้ฉันปวดร้าวไปทั้งขาแล้ว “ไหวค่ะพี่” แต่ก็ไม่อยากทำตัวมีปัญหา “อ้อ ลืมไปมีคนเจ็บงั้นก็เรียกคนพวกนั้นมาที่นี่แล้วกัน” จู่ ๆ เจ้านายก็ออกคำสั่งใหม่ และเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่ว่างเยื้องจากฉัน โดยที่ด้านหลังนั้นมีพี่ดาราและพี่ผู้ชายคนนั้นยืนประกบซ้ายขวาอยู่ พี่ดารินทร์สั่งให้พี่เข้มไปตามคนที่เกี่ยวข้องมา ระหว่างนั่งรอเราก็ต่างฝ่ายต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไร ฉันจึงค่อย ๆ ขยับเก้าอี้ไปชิดกับกล้วยเพื่อแอบกินยา เพราะตอนนี้รู้สึกเจ็บข้อเท้าและเข่าเกินไป ถ้าพอใจเห็นนะโดนบ่นอีกแน่ ๆ เลย “เจ้านายมีอะไรหรือเปล่าคะถึงได้ให้คนไปตามดิฉันมา” คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในแผนกฉันจำได้ว่าเป็นพี่ที่รับเอกสารฝึกงานของฉัน พี่เขาเอ่ยถามเจ้านายด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ เจ้านายปรายตามองพี่คนนั้นและอีกคนคือคนที่ผลักฉันอยู่ในห้องน้ำ “คนของคุณทำร้ายร่างกายคนอื่น” “คะ? เด็กของพี่เป็นเด็กดีและเรียบร้อยมากนะคะไม่มีทางที่จะทำแบบนั้น ใช่ไหมลิน” พี่คนนั้นออกตัวปกป้องและเอ่ยถามคนในปกครองตัวเอง “ค่ะพี่ ลินไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกนะคะ” แหม ไม่ทำอะไรแบบนั้น ช่างกล้าพูด “พี่เกรงว่าน่าจะเป็นการใส่ร้ายนะคะ” “เหรอครับ? แต่หลักฐานที่เห็นมันบ่งบอกว่าคนของคุณทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บนะครับ” “หลักฐานอะไรคะ?” เจ้านายผายมือเชิญให้พี่ที่ช่วยฉันเปิดคลิปที่ถูกถ่ายจากพี่เขาให้คนมาใหม่ได้ดู ทั้งเสียงที่ผู้หญิงคนนั้นพูดดังชัดเจนไร้การตัดต่อ ต่างจากฉันที่ไม่มีสักประโยคที่หลุดออกจากริมฝีปาก “คุณจะจัดการคนของคุณยังไงครับ ยังไม่รวมที่ใช้เส้นสายตัวเองล็อกตำแหน่งฝึกงานแล้วยังทำงานผมพังไปหลายงานมูลค่าไม่ใช่น้อย ๆ พวกคุณจะรับผิดชอบยังไง” เจ้านายเอ่ยถาม ทั้งยังจ้องทั้งสองคนอย่างไม่ยอม แม้จะไม่ได้ตะคอกหรือเสียงดังแต่อำนาจที่แผ่มาพร้อมกับน้ำเสียงนั้นทำให้ทุกอย่างรอบตัวดูน่ากลัวและกดดันอยู่ไม่น้อย “เอ่อ พี่ขอโทษค่ะแต่เรื่องงานพี่ไม่มีส่วนรู้เห็นเลยนะคะ” คนเป็นหัวหน้ารีบปัดความรับผิดชอบทันที ไม่ได้ปกป้องเด็กของตัวเองอย่างที่ทำมา “พี่ไหนบอกจะช่วยหนูไง” “จะให้ช่วยยังไง มูลค่าที่เราทำงานบริษัทพังทั้งชีวิตฉันจะหามาชดใช้ได้ไหม แล้วยังจะทำตัวกร่างทำร้ายคนอื่นแบบนี้ฉันก็ไม่ไหวหรอกนะ” “แต่พี่รับเงินหนูไปแล้ว” “เออ เดี๋ยวคืนให้แล้วให้มันจบไม่น่ารับเข้าฝึกงานเลยให้ตายสิ” ทั้งสองคนทะเลาะกันเองหลุดปากพูดสิ่งที่ทำออกมาอย่างไม่คิดอาย ลอบมองเจ้านายก็เห็นว่าเขากำลังจ้องมาทางฉันอยู่ก่อนที่อีกฝ่ายจะถอนหายใจแล้วสั่งคนของเขาจัดการต่อ “ส่งตัวนักศึกษาฝึกงานคนนี้กลับไปและขึ้นแบล็กลิสบริษัทของเครือเราทั้งหมด ส่วนคุณเป็นถึงระดับหัวหน้างานคิดได้แค่นี้เหรอ?” “ขอโทษค่ะเจ้านาย พี่ขอโอกาสแก้ตัวนะคะ” คนมีความผิดรีบบอกเจ้านายทั้งยังยกมือไหว้อ้อนวอนอย่างไม่คิดอายพนักงานคนอื่นที่หยุดมองอยู่หน้าแผนก “ผมจะเห็นแก่สิ่งที่คุณเคยทำมาแล้วกัน แต่ผมจะขึ้นเตือนไว้หากยังมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกผมจะไล่ออก” “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะเจ้านาย” “เชิญพวกคุณกลับไปจัดการตัวเองได้แล้ว” เจ้านายเอ่ยสั่ง พี่หัวหน้าคนนั้นรีบเดินออกไปอย่ารวดเร็ว ส่วนผู้หญิงคนนั้นปรายตามองฉันอย่างไม่ชอบใจจนพี่ผู้ชายรีบขยับมายืนขวางกั้นสายตานั้นไว้ “ที่เหลือก็แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้วยังไม่ถึงเวลาเลิกงานนะ” พอได้ยินแบบนั้นก็รีบไถลเก้าอี้มานั่งที่คอมพิวเตอร์ตัวเองทำงานตัวเองที่ยังไม่เสร็จต่อ “เจ้านายครับ...” เสียงเจ้านายและลูกน้องของเขายังคุยกันอยู่ รวมถึงพี่ดารินทร์ที่เอ่ยรายงานความคืบหน้าของการทำงานให้เจ้านายฟัง แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่ต้องมองฉันทุกการเคลื่อนไหวก็ไม่รู้ จ้องจนรู้ตัวแบบนั้นเลย แต่ก็พยายามไม่สนใจทำงานตัวเองให้ได้เยอะที่สุดก่อนถึงเวลาเลิกงาน ฉันไม่รู้ว่าทีมเจ้านายออกจากแผนกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีก็พี่เหมียวก็ชวนเรากลับบ้านแล้ว ข้อเท้าที่ปวดหนึบถูกลดแรงกดน้ำหนักเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ฉันยืนรอพอใจมารับที่หน้าบริษัทอยู่ไม่นานก็มีรถคันหนึ่งขับมาจอดหน้าบริษัท กระจกด้านหน้าถูกลดลงพร้อมกับพี่จี้ที่โบกมือให้ สักพักพอใจก็เปิดประตูรถฝั่งคนขับและลงมาอุ้มฉันไปขึ้นรถ ก่อนออกจากหน้าบริษัทฉันโบกมือลาพี่ ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดียวกัน แต่รอยยิ้มนั้นก็ต้องหุบลงเมื่อเจอกับกลุ่มคนที่กำลังเดินออกมา สายตาคู่นั้นที่กำลังมองมาทำให้ฉันถึงกับทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว “เดี๋ยวกินข้าวที่ห้องนะ จะได้ไม่ต้องเดินบ่อย” พอใจที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่เอ่ยบอกฉัน ส่วนพี่จี้ก็ยื่นแก้วเครื่องดื่มเย็น ๆ มาให้หนึ่งแก้ว “ขอบคุณค่ะพี่จี้ เย็นนี้เรากินอะไรกันดี” “อยากกินอะไรพี่จะทำให้” พี่จี้อาสาอย่างน่ารัก “หนูกินได้หมดเลยถ้าพี่จี้ทำ” “หึ น่ารักจังเลยนะ งั้นเดี๋ยวดูของสดในตู้ก่อนนะ” “ได้เลยค่ะ” “วันนี้เจ็บข้อเท้าไหม?” พอใจเอ่ยถามฉันอีกครั้งเมื่อเรากลับมาถึงคอนโดและเจ้าตัวไม่ยอมให้เดิน บังคับให้ขึ้นหลังเพื่อที่จะพาฉันกลับขึ้นบนห้องพัก โดยมีพี่จี้ถือกระเป๋าฉันเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง “นิดหน่อย แต่กินยาแล้วก็ดีขึ้น” “ให้จริง ถ้าไม่ไหวให้รีบบอกเข้าใจไหม” พอใจย้ำอีกครั้ง “เข้าใจแล้วน่า” “นั่งรอก่อนนะเดี๋ยวพี่ทำอะไรให้กิน จะได้กินยา” “จ้าพี่จี้ หนูของีบสักนิดได้ไหม” เอ่ยคนด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวเค้าปลุกตัวเอง” “อื้อ นอนก่อน” ===== ยัยจี้กับพอใจโผล่มาแจมเรื่อยๆนะคะ ^_^ เรื่องนี้มี *****คแล้วนะคะทุกคน ติดตามต่อได้ที่ Meb และ ปิ่นโต นะคะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD