สูตรสำเร็จรัก 7
“รู้จักคุณดาราด้วยเหรอ?” พี่เหมียวกระซิบถามเสียงเบา เราทั้งสามคนแทบจะยื่นหน้ามาติดกันอยู่กลางโต๊ะ ก็พี่เหมียวอะยื่นหน้าเข้ามาก่อน ฉันและกล้วยเห็นแบบนั้นเลยยื่นหน้าเข้าไปด้วยเนี่ย เหมือนอุปทานหมู่เลย
“เพิ่งรู้จักเมื่อกี้เลยค่ะ หน้าร้านข้าวมันไก่”
“แปลก แปลกมาก ๆ” พี่เหมียวพึมพำ แต่ยังไม่ทันจะได้คุยกันต่อก็พี่ดาราก็เดินเข้ามาพร้อมกับจานข้าว
“ขอนั่งด้วยนะ”
“อ้อ เชิญค่ะ นั่งเลยค่ะ” พี่เหมียวเอ่ยชวนพี่ดาราอย่างเป็นกันเอง และทำราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องสงสัยอะไรกัน เรากินข้าวและคุยกันนิดหน่อยเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป
“คุณยินดีชอบข้าวมันไก่เหรอคะ?” พี่ดาราเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าฉันดูมีความสุขกับการกินข้าวมันไก่จานนี้เหลือเกิน
“คือ หนูชอบกินของอร่อยค่ะ อะไรอร่อยหนูชอบหมดเลยค่ะ”
“เลี้ยงง่ายเหลือเกินเด็กคนนี้” พี่เหมียวถึงกับหลุดขำยามได้ยินคำตอบจากฉัน พี่ดาราเองก็ยิ้มขำเช่นเดียวกัน ส่วนกล้วยรายนั้นก้มหน้ากินข้าวไม่สนใจอะไรแล้วค่ะ บอกว่าหิวจัด
“ถ้าอย่างนั้นว่าง ๆ เราไปกินข้าวด้วยกันนะคะ พี่มีร้านอร่อยเยอะเลย พี่เหมียวด้วยนะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเราค่อยนัดกันก็ได้ค่ะ” พี่เหมียวรับปากด้วยท่าทีเกรงใจ จะว่าไปฉันไม่รู้เลยว่าพี่ดาราทำงานที่แผนกไหน แต่ก็ไม่กล้าถาม กลัวว่าจะเสียมารยาทเอาได้ เป็นแค่เด็กที่เข้ามาฝึกงานแต่ดันไปถามรุ่นพี่พนักงานว่าทำงานแผนกไหนออกไปแบบนั้นคงจะดูไม่ดีแน่ ๆ เลยต้องเก็บความสงสัยไว้
“งั้นเราสร้างกลุ่มไลน์ดีไหมคะ เอาไว้แชร์ร้านอร่อย” กล้วยเสนอ
“ดีนะ พี่เองก็ชอบกินของอร่อย” พี่เหมียวเองก็เห็นด้วย
มื้อเที่ยงของเราสิ้นสุดลงพร้อมกับกลุ่มไลน์ของอร่อยหนึ่งหนึ่งกลุ่มที่เดิมทีประกอบด้วยสมาชิกสี่คน พอใกล้เวลาเลิกงานก็มีคนเข้ามาเพิ่มอีกหนึ่งพี่ดาราบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานกับพี่ดาราและชอบของอร่อยเหมือนกันกับเราเลยเชิญเข้ามา พี่เหมียวที่นั่งข้าง ๆ ฉันบ่นงึมงำก่อนจะเพิ่มพี่ ๆ ที่แผนกเข้าไปด้วยในกลุ่มบอกไว้ว่าเผื่อชวนไปเที่ยวแล้วก็กินของอร่อยด้วยกัน
จากกลุ่มเล็ก ๆ เพิ่มเป็นกลุ่มใหญ่มาก กล้วยเองก็ตกใจที่จู่ ๆ กลุ่มชวนกินข้าวมีพี่ ๆ เสียหลายคนทำให้เราไม่กล้าคุยกันในนั้นเลยต้องแยกออกมาคุยแชทส่วนตัวกันเอง หากจะคุยเล่นด้วยกันหรือฝากซื่อน้ำหวาน
“เด็ก ๆ เย็นนี้จะพาไปเลี้ยงต้อนรับนะลืมบอก” พี่ดารินทร์หัวหน้าแผนกที่ประชุมเพิ่งเสร็จเดินเข้ามาบอกกับเราสองคนที่กำลังเก็บโต๊ะเตรียมจะกลับบ้าน
“ค่ะพี่” ขานรับและหันไปมองเพื่อน
“ไปด้วยกันไหม” ถามกล้วยที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาแล้วตอนนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย เดี๋ยวฉันไปส่งแล้วพรุ่งนี้ไปรับมาด้วยกันก็ได้
“ไม่ ๆ เจอกันที่ร้านเลย” เพื่อนใหม่บอกแบบนั้นฉันเองก็จะไม่บังคับ
“แบบนั้นก็ได้”
“เด็ก ๆ ไปร้านxx นะรู้จักไหม?” พี่ดารินทร์แจ้งเพิ่มเติม
“รู้จักค่ะพี่” กล้วยตอบแทบจะทันที ส่วนฉันนั้นไม่เคยไปคงต้องเปิดแผนที่ไปนั่นแหละ
“ยินดีรู้จักไหม?” พี่ดารินทร์เอ่ยถาม ฉันส่งยิ้มเขิน ๆ ให้พี่หัวหน้าแผนกก่อนจะเอ่ยตอบไปตามจริง
“ไม่รู้จักค่ะพี่ แต่เดี๋ยวหนูเปิดจีพีเอสไปค่ะ”
“มีใครไม่ได้ขับรถมาบ้าง” พี่ดารินทร์หันไปมองพี่ ๆ พนักงานในปกครองตัวเองแทน
“หนูพี่” พี่เหมียวยกมือทันที ที่เดินกลับเข้ามาในแผนก
“งั้นเหมียวนั่งรถไปเป็นเพื่อนน้องนะ พี่กลัวน้องหลง”
“ยินดีเหรอ?”
“ใช่ ๆ ไปเป็นเพื่อนน้องหน่อย” พี่ดารินทร์เอ่ยย้ำ
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปกับน้องเอง”
พี่เหมียวรับปาก สักพักโทรศัพท์ของพี่ ๆ ก็มีเสียงแจ้งเตือนในเวลาใกล้ ๆ กัน ฉันและกล้วยก้มหน้าเก็บโต๊ะเสร็จก็รอเวลาพี่ ๆ เดินออกไปก่อน
“ทางนี้ค่ะพี่เหมียว” เอ่ยเรียกพี่เหมียวที่พ่วงตำแหน่งพี่เลี้ยงฉันให้เดินไปยังจุดที่จอดรถอยู่ ฉันปลดล็อกรถและเชิญพี่เหมียวขึ้นรถก่อนจะสตาร์ทรถรอพี่เหมียวบอกเส้นทางรวมถึงเปิดจีพีเอสไว้ด้วยกันพลาด
“โห รถสวยมาก”
“ขอบคุณค่ะพี่เหมียว” รถคันนี้ป๊าซื้อให้ตอนฉันเข้าเรียนปีหนึ่งบอกว่าเป็นของขวัญที่สอบติด ทีแรกท่านจะซื้อรุ่นที่ท่านชื่นชอบให้แต่ราคาสูงเกินไปฉันเลยต้องขอเลือกรุ่นที่ต่ำลงมาหน่อยแต่ยังคงเป็นแบรนด์เดียวกันกับป๊า ก็อยู่กับรถรุ่นนี้มาตั้งแต่จำความได้เลยชอบไปด้วยอย่างไร้เหตุผลเลยล่ะ
“พี่เองก็ชอบรุ่นนี้นะ แต่มีแต่ราคาสูง ๆ ทั้งนั้นเลย” พี่เหมียวมองรถอย่างหลงใหล ดวงตานั้นเปล่งประกายไม่น้อย
“มีมือสองสภาพดีนะคะ”
“หือ? ยังไงเหรอ?”
“น้องชายหนูจะเปลี่ยนรถค่ะรุ่นนี้แหละแต่น้องไม่ค่อยได้ขับ มีคันที่ขับประจำอยู่แล้ว เห็นว่าจะขายพี่สนใจไหม?”
“ฮื่อ สนใจสิ แต่ราคาสูงไหมอะ” พี่เหมียวถามต่อฉันก็ขับรถพร้อมกับดูท้องถนน
“หนูยังไม่มั่นใจราคา แต่ถ้าพี่อยากได้หนูจะให้น้องลดให้ อ้าว โทรมาพอดีขอรับสายแป๊บนะคะพี่เหมียว” บอกพี่ที่นั่งมาด้วยอย่างเกรงใจ
“ได้ ๆ คุยเลย”
“ขอบคุณค่ะพี่ ว่าไงตัว” เอ่ยทักทายปลายสายที่โทรเข้ามา และฉันเลือกที่จะรับสายและกดเปิดลำโพงก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่ตักตัวเอง
(เป็นยังไงบ้างฝึกงานวันแรก) พอใจเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“สบายใจ พี่ ๆ ที่แผนกสอนงานเค้าด้วยนะ”
(ก็ดีแล้ว เหนื่อยไหมวันนี้)
“ไม่เหนื่อย แต่ตื่นเต้นนิดหน่อย วันนี้พี่ ๆ ก็พามาเลี้ยงต้อนรับด้วย” รีบเล่าให้น้องชายฟังอย่างเป็นปกติ
(ห้ามดื่มนะรู้ไหม)
“รู้แล้วเค้าไม่ดื่มแน่นอน อ้อตัวเค้ามีเรื่องจะถาม”
(ครับ ถามอะไร)
“รถที่ตัวจะขายรุ่นไหนนะ”
(จะขายเอสองร้อย เพราะไม่ค่อยได้ใช้น่ะ ปกติจี้ก็ใช้รถตัวเองเค้าก็ใช้สามสองศูนย์ดี ทำไมเหรอ)
“พี่ที่ฝึกงานเค้าอยากได้รถใหม่ เลยถามตัวดูว่าขายแพงไหม”
(ถ้าพี่ที่ตัวรู้จักเค้าก็จะขายไม่แพง)
“ไม่แพงเท่าไหร่” ถามน้องต่อ มือก็หมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของร้านอาหาร ระหว่างนี้พี่เหมียวก็นั่งฟังฉันด้วยอาการลุ้นตัวโก่ง
(คันนี้เค้าซื้อล้านล้านเก้าอะ ขายต่อล้านสาม)
“สดหรือผ่อน”
(ได้หมดแล้วแต่คนที่ซื้อ)
“โอเคถ้ายังไงเดี๋ยวเค้าบอกตัวอีกที แต่เค้าต้องวางแล้วนะถึงร้านอาหารแล้ว”
(ได้ มีอะไรรีบโทรมา)
“จ้า รู้แล้วแค่นี้แหละ” วางสายจากน้องชายก็ชวนพี่เหมียวเดินเข้าร้านอาหารพร้อมกับพูดคุยเรื่องรถด้วยกัน พี่เหมียวดูตื่นเต้นมากสอบถามไม่หยุดและบอกว่าพรุ่งนี้จะมาให้คำตอบฉัน
“อะไรกัน รับงานเสริมขายรถเหรอยินดี” พี่เข้ม รุ่นพี่ที่แผนกเอ่ยแซวฉันหลังจากได้ยินเรื่องที่พี่เหมียวเล่าให้ฟัง
“ฮ่า ๆ ๆ ช่วยน้องขายค่ะน้องจะขายเฉย ๆ พี่สนใจไหม มีมอเตอร์ไซค์ด้วยนะคะ” แกล้งถามกลับไป แต่ไม่คิดว่าพี่เข้มจะดวงตาวาวโรจน์แบบนั้น รวมถึงคนที่นั่งข้าง ๆ ฉันอย่างกล้วยนี่อีก
“สนใจ มีรุ่นไหนขายพี่บ้างมือสองราคาดีอะ”
“พี่จริงจังไหมเนี่ย” ถามกลับพร้อมกับเสียงหัวเราะของพี่ ๆ คนอื่น
“มาลุ้นกันว่าน้องมันจะขายได้กี่คัน” พี่ดารินทร์ถึงกับหัวเราะเมื่อเห็นว่าพี่เข้มและกล้วยถามฉันเรื่องรถไม่หยุด พี่เหมียวก็กำลังคำนวณเงินเก็บตัวเองไปพลางด้วยความตื่นเต้น
“เอาละ ๆ ค่อยคุยกันต่อกินข้าวได้แล้วเย็นหมดแล้ว
“ครับ ๆ”
“ค่ะพี่รินทร์”
“ค่ะพี่”
ขอบคุณพี่ดารินทร์ที่เอ่ยเตือน ไม่อย่างนั้นมื้อเย็นเราคงเปลี่ยนเป็นการดิลซื้อขายรถไปแล้ว
พอใจ ถ้าเค้าขายได้ ขอเปอร์เซ็นต์ด้วยนะ อิอิ
=====
หลานสาวเราคืออายุน้อยร้อยอาชีพจริงๆ ล่าสุดจะเป็นนายหน้าขายรถให้น้องชายแล้วนะ