วันต่อมา...
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูห้องตรวจของหมอวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมกับพยาบาลสาวที่เอ่ยบอก
"คุณซัมมายด์มาแล้วค่ะ คุณหมอ" พูดจบ พยาบาลสาวก็หันไปส่งยิ้มให้กับร่างเล็กที่ยืนอยู่เป็นเชิงบอกให้สามารถเข้าไปด้านในได้ ซัมมายด์ก็ยกยิ้มบาง ๆ ตอบกลับด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนจะเดินตรงเข้าไปภายในห้องตรวจหมอประจำตัวพ่อของตัวเอง
"สวัสดีค่ะคุณหมอ"
"อื้ม เชิญนั่งก่อนสิ"
"..." คนตัวเล็กก็ยิ้มรับเดินเข้าไปนั่งลงยังเก้าอี้ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับหมอวัยกลางคน
"หมอไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกันนะ เราก็พอรู้เกี่ยวกับอาการของพ่อเราบ้างแล้วใช่ไหม"
"ค่ะ มันเกิดจากอะไรเหรอคะ"
"เป็นเรื่องปกติที่เวลาร่างกายเราอ่อนแอ ก็จะมีภาวะแทรกซ้อนขึ้นมาได้ ซึ่งในเคสของพ่อเรา..."
"...บอกตรง ๆ หมอค่อนข้างกังวล"
"ทะ...ทำไมล่ะคะ"
"เพราะพ่อเราเป็นไตวายระยะสุดท้าย ร่างกายมันหนักอยู่แล้ว แล้วพอมาเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นมาอีก หมอว่ามันอันตรายเกินไป"
"ละ...แล้วแบบนี้ จะต้องทำยังไงเหรอคะ" เรียวปากเล็กถามน้ำเสียงเริ่มสั่นคลอน หมอวัยกลางคนที่เห็นก็รู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย ทว่าก็พยายามแนะนำหนทางที่ดีที่สุด
"หมอคิดว่า เราควรที่จะย้ายพ่อไปรักษากับโรงพยาบาลที่พร้อมกว่าที่นี่"
"ยะ...ย้ายโรงพยาบาลเหรอคะ"
"อืม อย่างที่เรารู้ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาลที่อยู่นอกเขตตัวเมือง ทำให้ค่อนข้างที่จะมีอุปกรณ์ไม่มากพอที่จะรักษาอาการป่วยแทรกซ้อน และภาวะเสี่ยงของพ่อเราได้"
"ฮึก..." ร่างเล็กอดไม่ไหวที่จะร่ำไห้ออกมา
"ย้ายไปโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือแพทย์พร้อมกว่านี้เถอะนะ ถ้าอยากให้พ่อของเรามีอาการที่ดีขึ้น"
"แล้วแบบนี้...ควรจะเป็นโรงพยาบาลอะไรคะ"
"ถ้าจะให้น่าไว้ใจมากที่สุด หมอแนะนำบางกอกแพทย์นะ ที่นั่นเครื่องมือพร้อมทุกอย่าง แม้กระทั่งหมอก็เก่งทุกคน"
"บางกอกแพทย์เหรอคะ"
"อืม เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด แต่..."
"...ก็อย่างที่รู้ ที่นั่นเป็นโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นเช่นกัน"
"..." ซัมมายด์ก็นิ่งเม้มปากแน่นด้วยความเครียดกับสิ่งที่ได้ยิน เธออยากย้ายโรงพยาบาลให้พ่อตามที่หมอแนะนำ แต่...เธอไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น
"เราลองเก็บไปคิดและตัดสินใจดูก็แล้วกัน แล้วถ้าอาการแทรกซ้อนดีขึ้น ค่อยกลับมารักษาที่นี่"
"สามารถทำได้ใช่ไหมคะ"
"อืม ก็ให้หมอที่นั่นส่งตัวกลับมา"
"ค่าใช้จ่ายที่นั่น...สูงมากไหมคะ"
"เอ่อ...ก็..." หมอวัยกลางคนไม่อยากเอ่ย เพราะเกรงว่าจะทำให้อีกคนเสียกำลังใจไป ทว่าจะให้เขาพูดไม่จริง ก็ไม่สามารถทำได้
"ซัมเข้าใจแล้วค่ะ" เรียวปากเล็กบอกอย่างเข้าใจได้ทันทีกับท่าทีของหมอตรงหน้า
"ยังไงก็ไปลองตัดสินใจดูนะ แต่หมอคิดว่า ถ้าจะย้าย ควรย้ายให้เร็วที่สุด"
"ค่ะ" ใบหน้าใสพยักหน้าตอบ ก่อนจะค่อย ๆ เดินออกจากห้องตรวจไปด้วยความเหม่อลอย ภายในหัวเอาแต่นึกหาหนทางที่จะสามารถพาพ่อตัวเองไปรักษายังโรงพยาบาลเอกชนที่หมอประจำตัวพ่อแนะนำ
"..." ริมฝีปากบางอมชมพูเม้มเข้าหากันแน่นอีกครั้ง เมื่อยิ่งคิดเท่าไรก็คิดไม่ตก แต่แล้วในตอนนั้นเอง
"อาอ้อ" เสียงหวานพึมพำเอ่ยออกมาหลังจากที่นึกถึงอาผู้เป็นน้องชายของพ่อ คนเดียวที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ในตอนนี้ โดยซัมมายด์ก็ไม่รอช้าที่จะรีบเดินออกไปจากโรงพยาบาลเพื่อตรงไปยังบ้านของอาแท้ ๆ ของตัวเองในทันที
ใช้เวลาไม่นานร่างบางก็มาถึงบริเวณหน้าบ้านขนาดกลางที่มีอาสะใภ้ยืนอยู่
"มาทำไม" เสียงของเล็กเอ่ยถามหลานสาวของสามีด้วยสีหน้าไม่ต้อนรับ
"พอดีซัมมีเรื่องอยากคุยกับอาอ้อหน่อยน่ะค่ะ"
"ทำไม จะมายืมเงินอีกเหรอ" หญิงวัยกลางคนถามด้วยความไม่พอใจ นึกไม่ชอบหน้าหลานสามีคนนี้ที่เคยมายืมเงินจำนวนหนึ่งแล้วสุดท้ายก็ไม่ได้คืน เพราะสามีเธอที่เอ็นดูหลาน ออกปากยกหนี้ให้
"..." ซัมมายด์ก็นิ่งหน้าชา
"คราวก่อนก็ยกหนี้ไปให้แล้ว ยังจะกล้ามาขอใหม่อีกเหรอ!?"
"พอดีคุณพ่ออาการไม่ดี..."
"ก็ปล่อยให้ตาย ๆ ไปเลยสิ จะปล่อยไว้ให้เป็นภาระคนอื่นทำไม!"
"คะ...คุณอา..." เรียวปากเล็กเอ่ยด้วยความอึ้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดพวกนั้นออกมา
"ตั้งแต่พ่อเธอป่วย ก็มาเป็นภาระให้อาเธอไม่หยุด ทำไม คิดว่าบุญคุณตอนที่พ่อเธอมี จะสามารถมาเบียดเบียนคนอื่นเขาได้ตลอดเหรอ!?"
"ซัมไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ"
"ก็เลิกมาขอความช่วยเหลือสักทีสิ!!"
"มีเรื่องอะไรกัน" เสียงอ้อที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเดินออกมา ก่อนจะเห็นหลานสาวตัวเล็กยืนอยู่
"อ้าว ซัมมายด์ มาหาอาเหรอลูก"
"..." คนตัวเล็กก็ยืนนิ่งเม้มปากแน่นด้วยความกดดันไปกับสายตาเหยียดของอาสะใภ้ที่ยังส่งมาถึงเธอ รวมถึงคำพูดที่เหมือนต้องการให้พ่อเธอหายไปจากโลกนี้เมื่อกี้
"ทำไมเงียบไปล่ะลูก เข้ามาในบ้านก่อนสิ"
"มะ...ไม่เป็นไรค่ะ"
"หือ?"
"ซัมก็แค่แวะมาทักทายอาอ้อกับอาเล็กน่ะค่ะ ยังไง ซัมขอตัวก่อนนะคะ" พูดจบ คนตัวเล็กก็พยายามฝืนยิ้มให้กับผู้ใหญ่ทั้งสอง ก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปในทันทีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเครียดปนนึกเสียใจ ทว่าซัมมายด์ก็ไม่ได้คิดโกรธเคืองอะไรภรรยาของคนเป็นอาแม้แต่น้อย เธอเองก็ขอความช่วยเหลือจากพวกเขามาบ่อยจริง ๆ จนกลายเป็นเงินก้อนโตที่ไม่สามารถหามาคืนได้ จนอาเธอเห็นใจยอมยกหนี้ให้ ส่วนที่อาสะใภ้เธอพูดถึงเรื่องที่พ่อเธอเคยมี นั่นหมายถึงเมื่อก่อน ก่อนที่พ่อเธอจะล้มป่วย พ่อเธอเคยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างมาก่อน ทำให้พ่อเธอมีฐานะในระดับหนึ่งและเป็นเหมือนเสาหลักของครอบครัว พ่อเธอทำหน้าที่ของท่านเป็นอย่างดีมาโดยตลอด กระทั่งวันที่ท่านล้มป่วยจากโรคไตวาย...
ที่ซัมมายด์ต้องดร็อปเรียนสองปีก็เพื่อที่จะทำงานหาเงินสลับกับคอยดูแลพ่อของเธออยู่คนเดียว เพราะแม่ของเธอได้ทิ้งเธอกับพ่อเธอไปตั้งแต่ที่พ่อเธอเริ่มทำงานไม่ได้ ทำให้ทั้งสองเหลือกันเพียงแค่สองคนพ่อลูก
"ซัมจะต้องหาวิธีให้ได้ ฮึก พ่อจะต้องไม่เป็นอะไรนะคะ พ่อต้องอยู่กับซัมไปนาน ๆ นะคะ..."