บทที่ 1 ชีวิตโลกนิยาย

2662 Words
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก หญิงสาวผมดำยาว ร่างบางยืนหอบบนดาดฟ้าตึกสูงระย้า แม้เสื้อผ้าจะฉีกขาดเผยผิวบางกระทบกับสายลมบนตึก แต่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหายร้อนขึ้นเลย เหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้า สายตาว่างเปล่ามองตึกระฟ้ามากมายตรงหน้า ร่างกายที่สั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว เธอพยายามกอดตัวเอง เพื่อปลอบประโลมจิตใจและร่างกายที่พ้นจากการลวมลามของหัวหน้างานจอมลามก แม้เล็บสีนู้ดจะจิกตามร่างกายที่ถูกชายคนนั้นโลมเลีย ก็ไม่ทำให้หายจากความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนนี้ เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามค่ำคืน ความมืดปกคลุมก้อนเมฆ มีเพียงดวงจันทร์กลมก้อนโตที่ส่องสว่างเรืองรองสาดหน้าเธอ ก่อนจะหลับตาเพื่อสงบจิตใจ ครืน ครืนนน แรงสั่นจากในกระเป๋ากางเกงสแลคสีน้ำตาลยาว ก่อนที่จะหยิบขึ้นมาดูหน้าจอขึ้นว่าปลายสายเป็นพ่อของเธอ “ฮัลโหล!! กว่าจะรับสาย แกรู้ไหมว่าตอนนี้มันเลยเวลามานานมากแล้ว แกอยู่ไหน!!” “ฮึก..พ่อคะ” เธอพยายามเค้นเสียงแหบพร่าออกมา เพื่อเรียกให้พ่อของเธอมาช่วย “อะไร? จะมามุกไหนอีก หนีไปกับผู้ชายอีกละสิท่า แกรู้ไหมว่าถ้าพี่ชายแกยังอยู่พวกฉันคงไม่ต้องมารอแกแบบนี้!!” ปลายสายไม่แม้จะฟังเสียงเธอ เสียงตะโกนลั่นทำให้รู้ได้ว่าพ่อของเธอคงเมาเหล้ามาอีกแน่ “ใช่ค่ะ ถ้าพี่อยู่ก็คงจะดีกว่านี้” เธอพูดแกล้มประชด “ว่าไงนะ!! จะมาไม้ไหนก็ช่าง ฉันรู้นะว่าเงินเดือนแกเข้าแล้ว รีบโอนมาได้แล้วแม่แกจะได้กินรอบวงแล้ว” “ใช่!! รีบๆโอนมา ไม่ใช่เอาไปให้ผู้ชายที่ไหนซะละ” เสียงแม่ที่แทรกเข้ามา ฟังดูแล้วคงไม่พ้นอยู่วงไพ่ตามเคย “ห๊ะ? นี้แกมีแฟนหรอ เฮอะ ถึงได้เสียดายไงที่พี่ชายแกตาย คนที่ตายไม่น่าเป็นลูกชายฉันเลย” ปลายสายตะคอกลั่น “ฮึก..ค่ะ ถ้าเป็นหนูคงจะดีกว่าสินะคะ งั้นพ่อกับแม่เองก็คงจะสมหวังแล้วละค่ะ” หญิงสาวกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอรีบพูดก่อนจะตัดสายทิ้ง เสียงสะอื้นดังลั่น ความเศร้าโศกพรั่งพรูออกมา นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้ร้องไห้เลย คงจะตั้งแต่พี่ชายของเธอเสียละมั้ง ขาอ่อนแรงจนทรุดลงที่พื้น เธอหวนคิดถึงวันที่ครอบครัวเคยเป็นพื้นที่อบอุ่นของเธอ จนกระทั่งพี่ชายมาจากไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด “โลกนี้มันอาจจะไม่มีที่ของฉันอยู่ก็ได้” เสียงพี่ชายที่เธอรักยังคงวนเวียนในหัวของเธอ ก่อนที่เธอเองจะยืนขึ้นและก้มลงมองพื้นด้านล่าง “ฟู่ววว 30 ชั้น กำลังดีเลยนะ หึ” เธอพึมพำกับตัวเอง ติ๊ง!! “หืมมม อ๊ะ!! นิยายอัพแล้ว เลิกคิดบ้าๆเถอะยัยริน อย่างน้อยวันนี้ก็มีเรื่องดีๆเข้ามาแล้ว” สาวน้อยคลี่ยิ้มบาง ก่อนจะกดเปิดอ่านนิยาย ไม่ทันที่ก้นจะแตะพื้น เธอก็แทบเควี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง “จะบ้าเหรอ!!! นี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!” หยิงสาวแทบทึ้งหัวตัวเอง หลังเห็นว่านิยายของเธอ ขึ้นประกาศจากนกเขียนว่า ขออภัย เนื่องจากนักเขียนหมดแพชชั่น ขอหยุดงานเขียนไว้เพียงเท่านี้อย่างไม่มีกำหนดจ้า.. “ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ซิลเวียจะหนีจากควินท์ได้มั้ย จะจบแบบนี้ก็ได้เหรอ!! ไอ้....” เธอโวยวายกัดฟันแน่นพร้อมเงยหน้ามองฟ้า ก่อนจะชูนิ้วกลางขึ้นด้านบนฃ “จะเอาแบบนี้ใช่มั้ยคะ ที่พึ่งทางใจสุดท้ายก็มาหายวับ ชีวิตคนเราจะบัดซบได้ขนาดนี้เลยเหรอ ได้เลย...หนูจะไปหาท่านแล้วซัดหน้าซักป๊าบ!!” รินเงยหน้าพร้อมตะโกนด่าพระเจ้าที่ตอนเด็กที่มักขอพรแลกกับการทำตัวเป็นเด็กดีเสมอมา แต่ชีวิตเธอกับแย่ลง เหมือนคำขอของเธอไม่เคยส่งไปถึง ร่างบางเดินไปที่ขอบตึก เธอนึกคึกที่จะไปต่อยหน้าพระเจ้าตัวการ หากเธอตายไปและเจอเขาจริงๆจะขอด่าสักชุด ต่อยสักที ให้สาสมกับความศรัทธาที่เสียไป ว่าแล้วเธอก็ก้าวลงบนอากาศจุดสิ้นสุดของขอบปูน ร่างของเธอร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วง น้ำตาไหลย้อนตามแรงลม ไม่เป็นไรนะริน เจ็บนิดเดียว... “ริน รินนนน” เสียงใสจากฟ้าเรียกชื่อสาวน้อยลั่น ก่อนที่เธอจะเบิกตาขึ้น แสงสว่างจ้าสีขาวโพลนก็แยงเข้าดวงตา วาบบบบ “เอ๊ะ...นี่ฉันมาอยู่ที่ไหน..” รินหันมองไปมา มีแต่ห้องสีขาวที่ว่างเปล่า “ฮึก..รินจัง ฉันขอโทษนะ ฉันผิดไปแล้ว” เสียงของเด็กน้อยดังขึ้นด้านหลัง ก่อนที่จะมีร่างเล็กกระโดดเข้ามากอดเธอไว้ “...” “แงงง ฉันขอโทษน้า” เด็กผู้หญิงตัวน้อย ผมหยิกสีทองยังคงร้องไห้ต่อในอ้อมกอดของริน แม้รินจะสับสนแต่เธอยังคงปลอบเด็กน้อยตรงหน้า “หนูเป็นใครเนี่ย” รินเอ่ยขึ้นเมื่อเธอนึกได้ว่า ทำไมเด็กไม่คุ้นหน้าคนนี้ถึงรู้จักเธอ “ฉันเป็นนางฟ้าประจำตัวเธอ แต่ว่าฉันเป็นนางฟ้าฝึกหัด...” เด็กน้อยเอ่ยขึ้นพลางเช็ดน้ำตา “นางฟ้า..นี้ฉันตายแล้วสินะ ว่าแต่...หนูรู้ทางไปหาพระเจ้าไหม” รินกำมือขึ้นด้วยความแค้น ไหนๆก็มาถึงแล้วต้องตามหาตัวการให้เจอ “เอ่อ..คือว่านะรินจัง ฉันหนะ มีเรื่องจะสารภาพ” นางฟ้าตัวน้อยเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ “ที่จริงเธอยังไม่เรียกว่าตายหรอกนะ คือว่า..” “โหวว ตกมา 30 ชั้นถ้าฉันไม่ตายก็น่าจะสาหัสเอาการ..ขอตายดีกว่าจะกลับไปได้มั้ย” รินทำท่าครุ่นคิดก่อนจะหันไปตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “มะ ไม่ใช่แบบนั้น ฉันพาเธอเข้ามาอยู่ในเส้นมิติก่อนที่เธอจะตกถึงพื้น..เธออยากฟังข่าวดีหรือข่าวร้ายก่อนหละ” นางฟ้าทำทำคิดออกก่อนจะทำหน้าตื่นเต้น “เอาข่าวร้ายก่อนแล้วกัน” รินพูดเสียงเรียบ เธอสัมผัสได้ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ “เอ่อ..ข่าวดก่อนดีกว่า อย่างแรกเธอยังไม่ตาย เพราะเข้ามาในมิติก่อนร่างจะตกสู่พื้น” “อ่าฮะ เรื่องนี้เธอบอกมาแล้ว..” รินเริ่มสีหน้านิ่งขึ้นอย่างรู้ทัน “ข่าวร้ายคือ...พระเจ้าที่เธอตามหาตอนนี้ยุ่งมากๆ เลยไปพบไม่ได้” นางฟ้าเสียงอ่อนลง “ไม่เป็นไร ฉันจะรอ ฉันมีเวลาอยู่แล้ว” รินพูดพลางกอดอก “คือว่า...” นางฟ้าอึกอักอีกครั้ง คราวนี้รินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินไปตรงหน้านางฟ้าน้อย แล้วจับยกขึ้นพลางเขย่าตัวไปมา “ถ้าไม่รีบพูดฉันจะโยนเธอออกไปตรงนั้น!” รินชี้นิ้วไปที่รูกว้างสีดำ ที่ฉายเห็นตึกระฟ้าที่เธอจากมา “อย่าน้า ถ้าฉันหลุดออกไป ฉันต้องหาทางกลับบ้านไม่ได้แน่ๆเลย แงงงง” นางฟ้าน้อยหวั่นกลัวจนร้องไห้ “เฮ้อออ งั้นรีบๆพูดมาได้แล้ว” รินวางเธอลงก่อนจะนั่งขัดสมาธิและเท้าคางมองเด็กน้อยตรงหน้าที่กำลังสะอึกสะอื้นอย่างหน่ายใจ “คือว่าที่คำขอของเธอไปไม่ถึงพระเจ้าเป็นความผิดฉันเอง ฉันทำแฟ้มคำขอของเธอหล่นหายตอนกำลังไปส่ง พอดีว่าฉันเพิ่งเข้ามาทำงาน ตอนนั้นเลยทำมันปลิวกระจายหายไป...ในมิติอื่น....” พูดเสร็จนางฟ้าแอบลอบมองรินเล็กน้อย “อ่อ..งั้นคนที่ฉันต้องซัดสักป้าบก็อยู่ตรงนี้เอง” รินเอ่ยพร้อมถกแขนเสื้อขึ้นพลางชูกำปั้น “เดี๋ยวก่อน!! นิยายเรื่องที่เธออ่าน ฉันสามารถให้เธอได้อ่านตอนจบมันได้นะ!!” นางฟ้าน้อยรีบโพล่งขึ้นและได้ผลรินที่กำลังเดินเข้ามาหยุดชะงักเมื่อได้ยินถึงนิยายเรื่องโปรดของเธอ “หยุดรักนายมาเฟียนะเหรอ?” รินพึมพำชื่อเรื่องอีกครั้ง “ใช่แล้ว เพราะฉันรู้ว่าใครเป็นคนเขียน ยังไงหล่ะ” นางฟ้าน้อยทำท่าทุบอกอย่างภูมิใจ “ใคร..” รินสงสัยหนักเพราะนักเขียนคนนี้ แม้กระทั่งวงการนิยายเองยังไม่สามารถตามหาตัวพบ จนได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนนิรนาม “พระเจ้ายังไงหล่ะ” นางฟ้าเอ่ยอีกครั้ง แม้คำตอบจะทำให้รินถึงกับอ้าปากค้างก็ตาม “เจ้านั่นว่างถึงขนาดนี้เลยเหรอ” “จะเรียกพระเจ้าแบบนั้นไม่ได้นะ!!” นางฟ้าน้อยรีบเอามือปิดปากของริน “ถ้าเธออยากจะอ่านตอนจบของนิยาเรื่องนี้ ฉันมีเรื่องให้เธอช่วย” “น่าไม่อายสุดๆไปเลย..” รินเอ่ยเสียงเรียบ “แหะๆ คือว่าที่จริงนิยายที่เธออ่านมันคือมิติคู่ขนานกับโลกของเธอ หรือกล่าวคือมันคือโลกที่พระเจ้ากำลังดูแล แต่ตอนนี้โลกนั้นมันเกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง ทำให้พระเจ้าควบคุมตัวละครไม่ได้ ...เลยทำให้เขาน้อยใจไปหนะ” “โลกคู่ขนาน?!” รินตกใจสุดขีด เพราะถ้าเป็นโลกคู่ขนานนั้นก็แปลว่า ตัวละครที่เธอโปรดปรานก็มีจริงนะสิ “ฉันถือโอกาสให้เธอได้ใช้ชีวิตอีกครั้ง ในเมื่อก่อนหน้านี้ทุกอย่างมันไม่เป็นดั่งใจเธอ รอบนี้ฉันเลยจะให้เธอเข้าไปกำหนดทางเลือกของตัวเอง” “หมายถึงอะไร” รินทำท่างุนงง “ในฐานะที่เธอเป็นแฟนคลับตัวยง ฉันจะให้เธอเข้าไปดำเนินเรื่องให้จบ..” “ใช้งานกันชัดๆ ไม่ใช่แค่ให้ฉันไปทำให้เรื่องมันจบเพราะพระเจ้าหมดแพชชั่นหรอกเหรอ” “เอาหน่า อย่างน้อยเธอจะได้เจอตัวละครที่เธอรักยังไงหละ” นางฟ้าพยายามเกลี้ยกล่อมรินอย่างสุดความสามารถ รินทำท่าครุ่นคิดสักพัก ก่อนที่เธอจะเอ่ยตกลง อย่างน้อยเธอก็ได้หลุดจากชีวิตบ้าๆไปเจอสิ่งที่เธอรักสักที “ตัดสินใจได้ดีเลยริน ถ้างั้นเราไปกันเลยย” “ห๊ะ!! เฮ้ยยยยย” สิ้นสุดเสียงนางฟ้าลากรินไปยังแสงสีม่วงที่ดูน่าสงสัย ก่อนจะผลักเธอลงไปในหลุม รินตะโกนร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พรึ่บ!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ปัง!! “เกิดอะไรขึ้นคะคุณหนู” เสียงสาวใช้เอ่ยขึ้นหลังจากเสียงเปิดประตูดัง คุณหนู..... รินคิดในใจ พลางก้มลงมองร่างตัวเองที่อยู่ในชุดนอนเดรสดำบางบนเตียงกว้างคิงส์ไซส์ สัมผัสนุ่มเหมือนนอนบนก้อนเมฆ เธอยังคงสับสน “เมื่อกี้..ฉัน..” “คุณหนูคะ ว่ายังไงนะคะ?” สาวใช้ที่รีบเข้าห้องมาด้วยความเป็นห่วง เธอรีบวางแก้วน้ำอุ่นในมือที่ต๊ะหัวเตียงก่อนจะรีบเข้ามาใกล้นายของตน “เหงื่อออกเต็มเลยค่ะ ให้จินเรียกหมอให้ไหมคะ” สาวใช้ถามอย่างเป็นห่วง “จิน...” สาวบนเตียงทวนชื่ออีกครั้ง เธอมองรอบห้องนอนกว้างที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินไปที่หน้ากระจก “คะ?” สาวใช้ขานตอบ แม้เธอจะสับสนกับการกระทำนายของตนที่เธอมึนงงไปส่องกระจก “นี้มัน...” รินมองตัวเองในกระ ผมตรงยาวสีดำ ดวงตาสีเทาคมกริบเหมือนแมว กรอบหน้าเล็กดูจิ้มลิ้ม ผิวขาวผ่องอมชมพู ริมฝีปากเล็กระเรื่อ หุ่นเพรียวบาง ที่อยู่ในชุดนอนเดรสสีดำสุดวาบหวิว “อย่าบอกนะว่า ยัยนางฟ้าพูดจริง..แต่ถ้าจำไม่ผิด..” รินยังคงบ่นพึมพำกับตัวเอง เธอตกตะลึงกับร่างกายใหม่ที่ดูสวยสะกดตา ไม่นานักมีกรอบหน้าต่างเด้งขึ้นตรงหน้าเธอ เหมือนแจ้งเตือนในเกม หากต้องการจะกลับโลกเดิมเพื่อไปเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเอง เธอจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จ. “ภารกิจ...” เธอเลื่อนสายตาลงมาเห็นว่า มีกระดาษเปล่าวางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จึงเดินไปหยิบขึ้นมาอ่าน “เอ๊ะ..จินว่าตรงนี้เก็บทำความสะอาดแล้วนะคะ ทำไมยังไม่กระดาษได้หล่ะ..” สาวใช้เห็นดังนั้นรีบวิ่งเข้ามาหวังจะรีบเก็บให้เรียบร้อย เธอรู้ว่านายของเธอเกลียดความไม่สมบูรณ์เป็นที่สุด เธออาจจะโดนลงโทษเอาได้หากช้าแม้นิดเดียว ไม่ทันที่สาวใช้จะเก็บกระดาษปริศนา นายของเธอก็ได้หยิบขึ้นมาอ่านเรียบร้อย เธอได้แต่ภาวนาด้วยความกลัว ว่านายของเธอจะไม่ลงโทษเธอด้วยการตบตีอีก เพราะแผลเดิมยังเจ็บอยู่ไม่น้อย “บ้าเอ๊ย!!!” รินสบถลั่นก่อนจะฉีกกระดาษด้วยความโมโห จินที่อยู่ข้างๆสะดุ้งตัวโหยง ก่อนจะล้มตัวลงนั่ง “ขอโทษด้วยนะคะคุณหนู จินจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก” จินก้มลงหมอบกับพื้น เอ่ยเสียงสั่น “เดี๋ยว..เธอเป็นอะไร” รินที่มองสาวใช้ด้วยความงุนงง ก่อนจะตั้งสติแล้วรีบเดินไปจับตัวเธอ เมื่อปลายนิ้วเรียวสัมผัสที่ร่างกายที่สั่นเทา สาวใช้รู้สึกเย็นวาบไปชั่วขณะ แต่เธอก็ต้องงุนงง เมื่อคุณหนูของเธอประคองให้เธอยืนขึ้น “จินใจเย็นๆนะ...ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” สาวตรงหน้าเอ่ยเสียงหวาน เธอค่อยๆลูบหลังสาวใช้ให้ทุเลาอาการกลัว และได้ผลสาวใช้ใจเย็นขึ้น เธอหายใจอย่างโล่งอก แม้จะแปลกใจเล็กน้อยที่คุณหนูที่ขึ้นชื่อเรื่องอามรณ์ร้ายนั้นไม่ทำร้ายเธอก็ตาม “ตอนนี้เธอช่วยอะไรฉันหน่อย...” “ได้เลยค่ะคุณหนู” จินกระตือรือร้นเมื่อได้ยินดังนั้น “ฉันหิวมากๆเลย เตรียมอาหารเช้าให้ที เดี๋ยวฉันจะลงไปทาน” คุณหนูคลี่ยิ้มหวานอย่างอ่อนโยน ทำให้สาวใช้ชื่นใจ ธอรีบโค้งคำนับก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป “เฮ้ออออ เอาหล่ะ มาจัดการเรื่องบ้าๆนี้กัน” รินเสยผมขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปตั้งสติที่ปลายเตียง “ตอนนี้ฉันเข้ามาในนิยายและได้รับภารกิจบ้าๆอย่างทำให้ควินท์เป็นคนดี...” รินหยุดชะงักไปก่อนจะถึ้งหัวตัวเองอย่างแรก “จะบ้าหรอ!! ควินท์มันตัวร้ายที่โคตรโรคจิต แม้ฉันจะชอบเขาก็เถอะ...แต่ถ้าเป็นชีวิตเจ้านั่นบ้ามากๆเลยนะ แถมร่างที่ฉันมาสวมยังเป็น มาเรีย..เพื่อนนางเองที่เป็นตัวการทำให้ควินท์เป็นคนร้ายอีกต่างหาก!” รินบ่นโอดครวญก่อนจะล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงกว้าง เธอเหม่อมองบนเพดานสูงที่มีโคมไฟระย้าห้อยอย่างหรูหรา “เอาหล่ะ อย่างแรกฉันต้องรู้ให้ได้ว่าตัวเองอยู่ในตอนไหนของเรื่อง” ไม่รอช้ารินลุกขึ้นพรวดจากเตียง และเดินตรงไปที่โต๊ะทำงาน เธอหยิบสมุดโน็ตเล่มหนาที่วางอยู่ขึ้นมา ก่อนจะเปิดมันและเริ่มไล่ไทม์ไลน์ “ไม่น่ารีบให้จินออกไปเลย...ฉันจะถามข้อมูลจากใครละเนี่ย” รินบ่นพึมพำ “งั้นฉันเองคงต้องสืบจากคนรอบข้างแล้วหล่ะ...เพราะถ้าถามวันที่ก็คงไม่รู้ เพราะในนิยายไม่ได้เขียนละเอียดขนาดนั้น..” รินเดินครุ่นคิดสักพักก่นจะตัดสินใจ รีบไปอาบน้ำและลงไปประจันหน้ากับสถานการณ์ด้านล่าง “เอาหว่ะ สู้เค้า ต่อไปนี้เธอคือ มาเรีย ทายาทจากตระกูลเศรษฐีที่ทรงอิทธิพลในประเทศนี้แล้วนะ!” สาวน้อยมองตัวเองหน้ากระจก ก่อนจะทรงยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่นานนักเธอสัมผัสได้ว่าได้รู้สึกถึงร่างกาย และจิตวิญาณ... ทุกอย่างคือความจริงสินะ.. “มาเรีย...ฉันคือมาเรีย” สาวน้อยผมดำยาวเอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องออกไป.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD