บท8เพื่อนมาเฟีย

1639 Words
ทิวานั่งหน้าเคร่งเครียดอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนข้างตึกเรียนเพื่อรอมือขวาคนสนิทของมาเฟียหนุ่มมารับอย่างทุกวัน “มึงจะเครียดอะไรหนักหนาทิวา” “มึงกล้าถามกูเหรอชบา ป่านนี้อีตามาเฟียเตรียมลูกกระสุนไว้กรอกปากกูแล้วหลังได้ยินมึงพูดแบบนั้น” “ก็กูลืมตัว ว่าแต่เขาหล่อมากเลยนะมึง” “หล่อแล้วไง ถ้าแกได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาจะพูดไม่ออก” หญิงสาวทำหน้าตาเสียวไส้หลังนึกถึงเหตุการณ์ในห้องเชือดวันนั้น ภาพเลือดและเสียงโหยหวนของความเจ็บปวดยังปรากฏฉายชัดขึ้นมาทำเอาขนลุกซู่ “มึงโอเคไหม กูอยากจะช่วยมึงนะทิวา” ชบาเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง เห็นใบหน้าอ่อนใสของเพื่อนแล้วอดที่จะสงสารไม่ได้ เมื่อต้องมาเจออันตรายรอบตัวเต็มไปหมด “ไม่เป็นไรมึง เขาบอกว่าอีกไม่นานก็เบื่อกู” “มึงทำตัวดีๆ กับเขาหน่อย มีชีวิตรอดเรียนจบไปพร้อมกับกูนะ” “อืม กูไม่ทิ้งมึงหรอกชบา ถ้าไม่โดนยิงตายไปเสียก่อน” “อีบ้า! มึงอย่าพูดเป็นลางสิกูกลัวนะ” ทิวาหันมองคนที่ดึงร่างบอบบางของเธอมาสวมกอดไว้แน่น ยกมือขึ้นลูบศีรษะคนที่เอาแต่ร้องไห้สะอื้นด้วยความขบขำในใจ “คนที่ร้องต้องเป็นกูชบา” “ก็กูสงสารมึง” เสียงรถขับเข้ามาจอดตรงตำแหน่งที่สองสาวนั่งกอดกันกลมบนม้านั่งหินอ่อน พันแสงหันใบหน้าหล่อลอบมองด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ปรากฏขึ้นในใจ “คุณทิวาครับ” หญิงสาวเช็ดน้ำตาให้เพื่อน รั้งร่างท้วมออกจากอ้อมแขนหลังได้เห็นมือขวาคนสนิทเดิมเข้ามาหา ทันทีที่ประตูเปิดก็ปรากฏร่างสูงกำยำนั่งรออยู่ด้านใน “อย่าช้า” เอ่ยเสียงดุพร้อมปรายตามองร่างบอบบาง เห็นคนตัวเล็กลุกขึ้นอย่างอ้อยอิ่งร่ำลาเพื่อนสาวอยู่นานก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก “กูไปก่อนนะมึง” “อืม มึงดูแลตัวเองด้วยนะ” ทิวาเดินขึ้นมานั่งบนรถหรูเว้นระยะระหว่างตัวเธอและมาเฟียหนุ่มเอาไว้ ก่อนจะเห็นเขาตวัดตามองด้วยความไม่สบอารมณ์ มือหนารีบรั้งร่างบางให้ขยับเข้ามาใกล้จนแนบสนิท “คุยอะไรกัน” “เปล่า ไม่ได้คุยอะไรกัน” “นั่งกอดกันเฉยๆ อย่างนั้นเหรอ” “เรื่องของฉัน โอ๊ย!” พันแสงยกมือขึ้นบีบแก้มนุ่มนิ่มจนคนตัวเล็กร้องครางออกมาด้วยความเจ็บ กดจูบแนบลงริมฝีปากอวบอิ่มที่พูดจาไม่เข้าหูอย่างดุดัน ขบเม้มริมฝีปากล่างจนเลือดไหลซิบออกมา จนหญิงสาวนิ่วหน้าผลักเขาให้ถอยออกห่าง “อย่าให้ใครเข้าใกล้แบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ” “นั่นเพื่อนฉันนะ แล้วที่สำคัญชบาก็เป็นผู้หญิง” “จะผู้หญิงหรือผู้ชายฉันก็ไม่ชอบ” “เผด็จการที่สุด!” มาเฟียหนุ่มควันออกหูโดยในทันทีหลังได้ยินคำด่าทอแบบนั้นจากปากผู้หญิงของตัวเอง รีบผลักร่างบอบบางนอนลงบนเบาะรถแล้วขึ้นคร่อมบนตัวเธอ “คนบ้าปล่อยนะ จะทำอะไร!” “สั่งสอนเธอไง ทำไมไม่รู้จักจำว่าควรจะทำตัวยังไง!” ซุกใบหน้าโน้มลงบนลำคอขาวใช้ฟันขบเม้มด้วยความรุนแรงจนทิวาครางออกมาด้วยเจ็บปนเสียวซ่าน เธอทั้งกลัวและอายที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ในรถทั้งๆ ที่มีคนอื่นอยู่ด้วย “อย่านะ!” พันแสงกระชากเสื้อนักศึกษาตัวบางจนกระดุมหลุดออกไปคนละทิศละทาง ผิวเนื้อขาวเนียนปรากฏขึ้นสู่สายตาพร้อมสองเต้าอวบอิ่มที่บราเซียร์ไม่อาจจะปกปิดได้มิด ก้มหน้าลงจูบสัมผัสด้วยอารมณ์ความต้องการ เขารู้ว่าไม่ควรทำอะไรแบบนี้ในขณะที่มีลูกน้องอยู่ แต่ทราบดีว่าเอดีสมันรู้ว่าตัวเองควรจะทำตัวยังไง “ฉันยอมแล้ว อย่าทำแบบนี้เลยนะ” ทิวารีบรั้งมือหนาที่กำลังจะปลดบราเซียร์สีหวานออกจากเรือนร่างเอาไว้ ส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเขาให้เลิกรังแกเธอ มาเฟียหนุ่มเห็นหยาดน้ำที่เอ่อคลอในดวงตากลมโตก็ดันตัวขึ้นมา ลอบมองคนที่กอดร่างกายตัวเองแน่นเพราะเสื้อผ้าหลุดลุ่ยจนเห็นผิวเนื้อขาว ถอดเสื้อสูทสีดำด้านนอกคลุมกายให้หญิงสาว ติดกระดุมทุกเม็ดไม่มีขาดเหลือพร้อมสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นในใจเธอ “อย่าคิดขัดคำสั่งฉันอีกเข้าใจไหม” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆ ทันทีที่ได้ยินคำสั่งเด็ดขาดแบบนั้น เงยหน้ามองคุณเอดีสขณะเดินลงมาเปิดประตูให้ กระชับเสื้อสูทตัวหรูที่คลุมกายแน่นแล้วรีบเดินไปหาคนที่ยืนอ้าแขนรออยู่ พันแสงโอบเอวเล็กเข้ามาประชิดตัว พาหญิงสาวขึ้นไปห้องพักบนคอนโดก่อนจะชะงักเมื่อเห็นสองมาเฟียนั่งรออยู่ด้านล่าง “เอดีสมึงรีบพาทิวาขึ้นไปบนห้อง” “ครับนาย” “พวกกูอุตส่าห์มาดักรอเพื่อเจอผู้หญิงของมึงเลยนะโว้ย” ลูคัสพูดขึ้นด้วยความอารมณ์ดีรีบก้าวเท้ามาดักหน้าร่างบอบบางที่เอาแต่ก้มหน้าเดินหนี แววตาคมกริบจ้องลำคอขาวเนียนเป็นรอยจ้ำแดงเต็มไปหมด “อยู่คุยกันหน่อยไหมสาวน้อย” “ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากคุยกับคุณ” ทิวารีบขยับถอยห่างหลังเห็นชายหนุ่มร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ กระชับเสื้อตัวใหญ่แน่นขึ้น เธอขยับซ้ายเขาก็ขยับตาม พอไปขวาก็ไม่วายถูกต้อนไม่ให้เดินหนี ใบหน้าสวยเลยเงยหน้าถลึงตาดุใส่ไปทันที “หึ พยศอย่างนี้โคตรชอบเลยว่ะ” “เลิกเล่นได้แล้วไอ้ลูคัส” “กูขอได้ไหม คนนี้ถูกใจจริงๆ” ลูคัสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งให้ร่างเล็กตรงหน้า ลูบไล้แก้มขาวเนียนแผ่วเบาได้ไม่นานก็ถูกมือหนาของเพื่อนสนิทปัดออกอย่างรุนแรง “ขึ้นไปบนห้อง” กระซิบบอกผู้หญิงของตัวเองอีกครั้ง ปรายสายตาดุใส่ไอ้เอดีสที่ยืนนิ่งทำหน้าเกรงใจเพื่อนมาเฟียเจ้าของบ่อน้ำมันของเขาอยู่ข้างๆ “คำสั่งกูถือว่าเด็ดขาด ถ้าใครมาขวางมึงก็ชักปืนยิงได้ทุกเมื่อ อย่าให้เห็นว่าทำแบบนี้อีก” “ครับนาย” “ยังไม่ได้ตอบกูเลยว่าให้ไหม” “เลิกเล่นได้แล้วกูรำคาญ” “กูจริงจัง” “มันอยากได้มึงจะใจร้ายกับเพื่อนรักได้ลงคอเหรอ” เหนือฟ้าที่นั่งมองการฟาดฟันของสองเพื่อนสนิทเอ่ยขึ้นด้วยความสบายอารมณ์ ก่อนจะเห็นมาเฟียเจ้าของสนามแข่งรถตวัดตามองมาอย่างเอาเรื่อง “ลองมันมาขอมีนาบ้างมึงจะให้ไหม” “เหมือนกันที่ไหน นั่นมันเมียกูแต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับมึงไม่ใช่เหรอ” “พวกเวร!” ด่ากราดเสียงดังลั่นเสร็จก็เดินกระแทกเท้าขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงสองมาเฟียหนุ่มที่หัวเราะตามหลังมาตลอดทาง พันแสงเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนส่วนตัว มองเห็นคนที่นั่งปลดกระดุมเสื้อสูทตัวเองอยู่บนเตียงทีละเม็ด “วันนี้มีคุยงาน ถ้าไม่มีอะไรก็อยู่แต่ในห้องนี้” ทิวาตอบกลับด้วยการพยักหน้ารับเบาๆ ก้มมองเสื้อนักศึกษาที่สวมอยู่ขาดวิ่นจนไม่สามารถจะนำมาใส่ได้อีกด้วยความโกรธเคืองคนตรงหน้าไม่ใช่น้อย “นายทำเสื้อฉันขาด” “เดี๋ยวซื้อใหม่ให้สักร้อยตัว พอใจไหม” “ถ้าบอกว่าไม่พอใจ” “งั้นอยากได้อะไร” เดินมาประชิดร่างบอบบางที่นั่งทอดขาอยู่บนปลายเตียง ก้มมองสองอกอวบที่โผล่พ้นออกมาไม่วางตาจนหญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดเอาไว้มิด “แนะนำว่าให้รีบขอและปอกลอกฉันในตอนที่กำลังหลงเธออยู่” “ถึงขอไปก็ไม่ให้หรอก เพราะนายไม่ได้หลงฉันเลยสักนิด” “รู้ตัวก็ดี เพราะฉะนั้นหัดใช้มารยาหญิงออดอ้อนฉันบ้าง” โน้มใบหน้าปัดป่ายจมูกแนบชิดแก้มใสที่เริ่มจะแดงระเรื่อ มองคนที่ขยับถอยหนีเมื่อไม่เห็นทางรอดก็ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดจนแทบจะชนกัน “ถอยไปได้แล้ว” “ทำให้ฉันพอใจก่อนสิ” แกล้งเย้าแหย่เธอเล่นไม่จริงจังนัก กางวงแขนกำยำคร่อมลำตัวหญิงสาวเอาไว้พร้อมโน้มใบหน้าขยับเข้ามาใกล้เพื่อลอบมองเธอที่นั่งหน้างอตวัดตาดุใส่ “ปล่อยได้แล้ว” “งั้นก็อยู่แบบนี้ไปทั้งวันนั่นแหละ” “เฮียคะ ทิวาจะไปอาบน้ำ” ทิวากัดฟันพูดสุดฤทธิ์แม้จะรู้สึกกระดากปากตัวเองไม่ใช่น้อย เธอจำได้ว่าคนตรงหน้าอยากให้เรียกเขาว่าเฮีย เมื่อได้ยินแบบนั้นมาเฟียหนุ่มก็กระตุกรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา “ถือว่าเธอฉลาดไม่เบา” ดันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมองคนที่เอาตัวรอดเก่ง เสียงเคาะประตูห้องดังถี่ตั้งแต่เขาเข้ามา ใบหน้าหล่อหงุดหงิดเมื่อคาดเดาว่าคนที่กล้ามาเคาะประตูไม่วายเป็นไอ้เพื่อนเลวมาเฟียที่รอคุยงานอยู่ “ต่อไปเรียกฉันแบบนี้ เข้าใจไหม” “จะพยายามเรียกนะ มันไม่ชิน” “งั้นเรียกอีกครั้ง” “เฮียคะ เฮียขา พอใจไหม” “หึ ก่อนนอนจะให้เธอมานั่งหัดเรียกแบบนี้ใหม่” “คนบ้า” ทิวาบ่นอุบอิบออกมาหลังได้เห็นมาเฟียหนุ่มเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกไปจากห้อง ไม่ลืมล็อกประตูห้องนอนห้ามคนนอกวิสาสะเข้ามารบกวนอีกต่างหาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD