ทิวานั่งหน้าเคร่งเครียดอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนข้างตึกเรียนเพื่อรอมือขวาคนสนิทของมาเฟียหนุ่มมารับอย่างทุกวัน
“มึงจะเครียดอะไรหนักหนาทิวา”
“มึงกล้าถามกูเหรอชบา ป่านนี้อีตามาเฟียเตรียมลูกกระสุนไว้กรอกปากกูแล้วหลังได้ยินมึงพูดแบบนั้น”
“ก็กูลืมตัว ว่าแต่เขาหล่อมากเลยนะมึง”
“หล่อแล้วไง ถ้าแกได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขาจะพูดไม่ออก”
หญิงสาวทำหน้าตาเสียวไส้หลังนึกถึงเหตุการณ์ในห้องเชือดวันนั้น ภาพเลือดและเสียงโหยหวนของความเจ็บปวดยังปรากฏฉายชัดขึ้นมาทำเอาขนลุกซู่
“มึงโอเคไหม กูอยากจะช่วยมึงนะทิวา”
ชบาเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง เห็นใบหน้าอ่อนใสของเพื่อนแล้วอดที่จะสงสารไม่ได้ เมื่อต้องมาเจออันตรายรอบตัวเต็มไปหมด
“ไม่เป็นไรมึง เขาบอกว่าอีกไม่นานก็เบื่อกู”
“มึงทำตัวดีๆ กับเขาหน่อย มีชีวิตรอดเรียนจบไปพร้อมกับกูนะ”
“อืม กูไม่ทิ้งมึงหรอกชบา ถ้าไม่โดนยิงตายไปเสียก่อน”
“อีบ้า! มึงอย่าพูดเป็นลางสิกูกลัวนะ”
ทิวาหันมองคนที่ดึงร่างบอบบางของเธอมาสวมกอดไว้แน่น ยกมือขึ้นลูบศีรษะคนที่เอาแต่ร้องไห้สะอื้นด้วยความขบขำในใจ
“คนที่ร้องต้องเป็นกูชบา”
“ก็กูสงสารมึง”
เสียงรถขับเข้ามาจอดตรงตำแหน่งที่สองสาวนั่งกอดกันกลมบนม้านั่งหินอ่อน พันแสงหันใบหน้าหล่อลอบมองด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่ปรากฏขึ้นในใจ
“คุณทิวาครับ”
หญิงสาวเช็ดน้ำตาให้เพื่อน รั้งร่างท้วมออกจากอ้อมแขนหลังได้เห็นมือขวาคนสนิทเดิมเข้ามาหา ทันทีที่ประตูเปิดก็ปรากฏร่างสูงกำยำนั่งรออยู่ด้านใน
“อย่าช้า”
เอ่ยเสียงดุพร้อมปรายตามองร่างบอบบาง เห็นคนตัวเล็กลุกขึ้นอย่างอ้อยอิ่งร่ำลาเพื่อนสาวอยู่นานก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“กูไปก่อนนะมึง”
“อืม มึงดูแลตัวเองด้วยนะ”
ทิวาเดินขึ้นมานั่งบนรถหรูเว้นระยะระหว่างตัวเธอและมาเฟียหนุ่มเอาไว้ ก่อนจะเห็นเขาตวัดตามองด้วยความไม่สบอารมณ์ มือหนารีบรั้งร่างบางให้ขยับเข้ามาใกล้จนแนบสนิท
“คุยอะไรกัน”
“เปล่า ไม่ได้คุยอะไรกัน”
“นั่งกอดกันเฉยๆ อย่างนั้นเหรอ”
“เรื่องของฉัน โอ๊ย!”
พันแสงยกมือขึ้นบีบแก้มนุ่มนิ่มจนคนตัวเล็กร้องครางออกมาด้วยความเจ็บ กดจูบแนบลงริมฝีปากอวบอิ่มที่พูดจาไม่เข้าหูอย่างดุดัน ขบเม้มริมฝีปากล่างจนเลือดไหลซิบออกมา จนหญิงสาวนิ่วหน้าผลักเขาให้ถอยออกห่าง
“อย่าให้ใครเข้าใกล้แบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ”
“นั่นเพื่อนฉันนะ แล้วที่สำคัญชบาก็เป็นผู้หญิง”
“จะผู้หญิงหรือผู้ชายฉันก็ไม่ชอบ”
“เผด็จการที่สุด!”
มาเฟียหนุ่มควันออกหูโดยในทันทีหลังได้ยินคำด่าทอแบบนั้นจากปากผู้หญิงของตัวเอง รีบผลักร่างบอบบางนอนลงบนเบาะรถแล้วขึ้นคร่อมบนตัวเธอ
“คนบ้าปล่อยนะ จะทำอะไร!”
“สั่งสอนเธอไง ทำไมไม่รู้จักจำว่าควรจะทำตัวยังไง!”
ซุกใบหน้าโน้มลงบนลำคอขาวใช้ฟันขบเม้มด้วยความรุนแรงจนทิวาครางออกมาด้วยเจ็บปนเสียวซ่าน เธอทั้งกลัวและอายที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ในรถทั้งๆ ที่มีคนอื่นอยู่ด้วย
“อย่านะ!”
พันแสงกระชากเสื้อนักศึกษาตัวบางจนกระดุมหลุดออกไปคนละทิศละทาง ผิวเนื้อขาวเนียนปรากฏขึ้นสู่สายตาพร้อมสองเต้าอวบอิ่มที่บราเซียร์ไม่อาจจะปกปิดได้มิด ก้มหน้าลงจูบสัมผัสด้วยอารมณ์ความต้องการ
เขารู้ว่าไม่ควรทำอะไรแบบนี้ในขณะที่มีลูกน้องอยู่ แต่ทราบดีว่าเอดีสมันรู้ว่าตัวเองควรจะทำตัวยังไง
“ฉันยอมแล้ว อย่าทำแบบนี้เลยนะ”
ทิวารีบรั้งมือหนาที่กำลังจะปลดบราเซียร์สีหวานออกจากเรือนร่างเอาไว้ ส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเขาให้เลิกรังแกเธอ
มาเฟียหนุ่มเห็นหยาดน้ำที่เอ่อคลอในดวงตากลมโตก็ดันตัวขึ้นมา ลอบมองคนที่กอดร่างกายตัวเองแน่นเพราะเสื้อผ้าหลุดลุ่ยจนเห็นผิวเนื้อขาว
ถอดเสื้อสูทสีดำด้านนอกคลุมกายให้หญิงสาว ติดกระดุมทุกเม็ดไม่มีขาดเหลือพร้อมสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นในใจเธอ
“อย่าคิดขัดคำสั่งฉันอีกเข้าใจไหม”
คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆ ทันทีที่ได้ยินคำสั่งเด็ดขาดแบบนั้น เงยหน้ามองคุณเอดีสขณะเดินลงมาเปิดประตูให้ กระชับเสื้อสูทตัวหรูที่คลุมกายแน่นแล้วรีบเดินไปหาคนที่ยืนอ้าแขนรออยู่
พันแสงโอบเอวเล็กเข้ามาประชิดตัว พาหญิงสาวขึ้นไปห้องพักบนคอนโดก่อนจะชะงักเมื่อเห็นสองมาเฟียนั่งรออยู่ด้านล่าง
“เอดีสมึงรีบพาทิวาขึ้นไปบนห้อง”
“ครับนาย”
“พวกกูอุตส่าห์มาดักรอเพื่อเจอผู้หญิงของมึงเลยนะโว้ย”
ลูคัสพูดขึ้นด้วยความอารมณ์ดีรีบก้าวเท้ามาดักหน้าร่างบอบบางที่เอาแต่ก้มหน้าเดินหนี แววตาคมกริบจ้องลำคอขาวเนียนเป็นรอยจ้ำแดงเต็มไปหมด
“อยู่คุยกันหน่อยไหมสาวน้อย”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากคุยกับคุณ”
ทิวารีบขยับถอยห่างหลังเห็นชายหนุ่มร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ กระชับเสื้อตัวใหญ่แน่นขึ้น เธอขยับซ้ายเขาก็ขยับตาม พอไปขวาก็ไม่วายถูกต้อนไม่ให้เดินหนี ใบหน้าสวยเลยเงยหน้าถลึงตาดุใส่ไปทันที
“หึ พยศอย่างนี้โคตรชอบเลยว่ะ”
“เลิกเล่นได้แล้วไอ้ลูคัส”
“กูขอได้ไหม คนนี้ถูกใจจริงๆ”
ลูคัสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งให้ร่างเล็กตรงหน้า ลูบไล้แก้มขาวเนียนแผ่วเบาได้ไม่นานก็ถูกมือหนาของเพื่อนสนิทปัดออกอย่างรุนแรง
“ขึ้นไปบนห้อง”
กระซิบบอกผู้หญิงของตัวเองอีกครั้ง ปรายสายตาดุใส่ไอ้เอดีสที่ยืนนิ่งทำหน้าเกรงใจเพื่อนมาเฟียเจ้าของบ่อน้ำมันของเขาอยู่ข้างๆ
“คำสั่งกูถือว่าเด็ดขาด ถ้าใครมาขวางมึงก็ชักปืนยิงได้ทุกเมื่อ อย่าให้เห็นว่าทำแบบนี้อีก”
“ครับนาย”
“ยังไม่ได้ตอบกูเลยว่าให้ไหม”
“เลิกเล่นได้แล้วกูรำคาญ”
“กูจริงจัง”
“มันอยากได้มึงจะใจร้ายกับเพื่อนรักได้ลงคอเหรอ”
เหนือฟ้าที่นั่งมองการฟาดฟันของสองเพื่อนสนิทเอ่ยขึ้นด้วยความสบายอารมณ์ ก่อนจะเห็นมาเฟียเจ้าของสนามแข่งรถตวัดตามองมาอย่างเอาเรื่อง
“ลองมันมาขอมีนาบ้างมึงจะให้ไหม”
“เหมือนกันที่ไหน นั่นมันเมียกูแต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับมึงไม่ใช่เหรอ”
“พวกเวร!”
ด่ากราดเสียงดังลั่นเสร็จก็เดินกระแทกเท้าขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงสองมาเฟียหนุ่มที่หัวเราะตามหลังมาตลอดทาง
พันแสงเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนส่วนตัว มองเห็นคนที่นั่งปลดกระดุมเสื้อสูทตัวเองอยู่บนเตียงทีละเม็ด
“วันนี้มีคุยงาน ถ้าไม่มีอะไรก็อยู่แต่ในห้องนี้”
ทิวาตอบกลับด้วยการพยักหน้ารับเบาๆ ก้มมองเสื้อนักศึกษาที่สวมอยู่ขาดวิ่นจนไม่สามารถจะนำมาใส่ได้อีกด้วยความโกรธเคืองคนตรงหน้าไม่ใช่น้อย
“นายทำเสื้อฉันขาด”
“เดี๋ยวซื้อใหม่ให้สักร้อยตัว พอใจไหม”
“ถ้าบอกว่าไม่พอใจ”
“งั้นอยากได้อะไร”
เดินมาประชิดร่างบอบบางที่นั่งทอดขาอยู่บนปลายเตียง ก้มมองสองอกอวบที่โผล่พ้นออกมาไม่วางตาจนหญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดเอาไว้มิด
“แนะนำว่าให้รีบขอและปอกลอกฉันในตอนที่กำลังหลงเธออยู่”
“ถึงขอไปก็ไม่ให้หรอก เพราะนายไม่ได้หลงฉันเลยสักนิด”
“รู้ตัวก็ดี เพราะฉะนั้นหัดใช้มารยาหญิงออดอ้อนฉันบ้าง”
โน้มใบหน้าปัดป่ายจมูกแนบชิดแก้มใสที่เริ่มจะแดงระเรื่อ มองคนที่ขยับถอยหนีเมื่อไม่เห็นทางรอดก็ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิดจนแทบจะชนกัน
“ถอยไปได้แล้ว”
“ทำให้ฉันพอใจก่อนสิ”
แกล้งเย้าแหย่เธอเล่นไม่จริงจังนัก กางวงแขนกำยำคร่อมลำตัวหญิงสาวเอาไว้พร้อมโน้มใบหน้าขยับเข้ามาใกล้เพื่อลอบมองเธอที่นั่งหน้างอตวัดตาดุใส่
“ปล่อยได้แล้ว”
“งั้นก็อยู่แบบนี้ไปทั้งวันนั่นแหละ”
“เฮียคะ ทิวาจะไปอาบน้ำ”
ทิวากัดฟันพูดสุดฤทธิ์แม้จะรู้สึกกระดากปากตัวเองไม่ใช่น้อย เธอจำได้ว่าคนตรงหน้าอยากให้เรียกเขาว่าเฮีย เมื่อได้ยินแบบนั้นมาเฟียหนุ่มก็กระตุกรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา
“ถือว่าเธอฉลาดไม่เบา”
ดันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมองคนที่เอาตัวรอดเก่ง เสียงเคาะประตูห้องดังถี่ตั้งแต่เขาเข้ามา ใบหน้าหล่อหงุดหงิดเมื่อคาดเดาว่าคนที่กล้ามาเคาะประตูไม่วายเป็นไอ้เพื่อนเลวมาเฟียที่รอคุยงานอยู่
“ต่อไปเรียกฉันแบบนี้ เข้าใจไหม”
“จะพยายามเรียกนะ มันไม่ชิน”
“งั้นเรียกอีกครั้ง”
“เฮียคะ เฮียขา พอใจไหม”
“หึ ก่อนนอนจะให้เธอมานั่งหัดเรียกแบบนี้ใหม่”
“คนบ้า”
ทิวาบ่นอุบอิบออกมาหลังได้เห็นมาเฟียหนุ่มเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกไปจากห้อง ไม่ลืมล็อกประตูห้องนอนห้ามคนนอกวิสาสะเข้ามารบกวนอีกต่างหาก