“ค่าห้องค่ะเจ๊”
ทิวายื่นเงินค่าห้องที่ค้างมาตลอดหลายเดือนให้เจ๊เจ้าของหอ ใบหน้าดุขมวดคิ้วขึ้นทันทีด้วยความสงสัยก่อนจะรีบเอื้อมมือมารับเงินอย่างรวดเร็ว
“หามาจ่ายได้ก็ดี เดือนหน้าอย่าให้ต้องทวงอีกนะ”
หญิงสาวหันกลับมายกถุงข้าวของเครื่องใช้ที่เธอไปซื้อมาตุนจากร้านค้า ดวงตากลมโตมองข้าวขาหมูในกล่องอย่างตื่นเต้นหลังจากต้องทนทานเมนูสารพัดไข่มานานหลายเดือน
ร่างเล็กเดินหิ้วของพะรุงพะรังด้วยความอารมณ์ดี เธอเดินร้องเพลงเบาๆ มาตลอดทางอย่างสบายอารมณ์ มือเรียวก้มลงควานหากุญแจห้องแล้วเปิดล็อกเข้าไป
ดวงตาคู่สวยสอดส่องฝ่าความมืดเข้ามาหาสวิตช์ไฟเพื่อเพิ่มความสว่าง ทว่าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างกำยำของชายหนุ่มที่นั่งจ้องมองเธอไม่วางตา
ทิวารีบวิ่งออกจากห้องแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะในตอนนี้ด้านหน้าประตูเต็มไปด้วยผู้ชายหลายคนที่มายืนขวางอยู่ แถมในมือของพวกเขามีปืนที่ชี้ขึ้นขู่กันแทบทุกคน
“นายต้องการอะไร”
เสียงสั่นเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ คนตรงหน้าไม่ตอบแต่เขาลุกย่างกรายเข้ามาหาเธอ รังสีความน่ากลัวแผ่ซ่านไปทั่วทุกมุมห้อง
“ทำไมไม่ปากดีเหมือนตอนขู่เอาเงินฉันล่ะ”
น้ำเสียงเรียบเย็นเค้นออกมาทีละคำจนทิวาลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวไปหมด
“ฉันไม่ได้ขู่”
“เหอะ! ลืมวีรกรรมของตัวเองไปแล้วหรือไง”
“นายก็ดูมีเงิน จะมาเสียดายอีแค่เงินห้าหมื่นอย่างนั้นเหรอ”
แววตาเหี้ยมโหดขึ้นมาทันทีหลังได้ยินแบบนั้น พันแสงรีบหันไปคว้าแจกันบนโต๊ะขว้างลงพื้นจนแตกกระจายเพื่อข่มขู่
“เธอกล้ามากที่มาทำแบบนี้กับฉัน!”
ทิวาตกใจกลัวจนขาแข้งอ่อนแรงล้มกองลงกับพื้น เสียงตวาดลั่นและแจกันแตกทำเอาเนื้อตัวผวาสั่นเทา
“ฮึก ฉันขอโทษ”
“จะเลือกยิงหัวตัวเอง หรือให้ฉันยิง”
มือหนายื่นปืนกระบอกสีดำมาตั้งตรงหน้าเธอ หญิงสาวส่ายหน้าไปมาพร้อมรีบขยับถอยหนีจนน้ำตาไหลอาบสองข้างแก้ม
“ฮือ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
เสียงหวานเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา มือเล็กรีบยกขึ้นไหว้ขอร้องด้วยความหวาดกลัว หลังเห็นชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะนั่งลงตรงหน้า
ทิวาตัวแข็งทื่อเมื่อถูกเขาใช้ปืนกระบอกเชยคางสวยของเธอขึ้นมาสบตา รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาอย่าชอบใจที่ได้เห็นแบบนั้น “ขอโทษ แต่ฉันมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินจริงๆ นะฮึก”
พันแสงมองร่างเล็กที่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานเลอะคราบน้ำตาเต็มไปหมด
อันที่จริงเขาไม่มีความจำเป็นอะไรต้องมาเสียเวลากับเศษเงินแค่ไม่กี่บาท แต่อยากจะปราบพยศของผู้หญิงตัวแสบที่กล้ามาขู่เอาเงินมาเฟียทรงอำนาจอย่างเขา
หญิงสาวลอบมองคนตรงหน้าที่นั่งจ้องเธอ ก่อนจะเล็งสายตาไปที่ปืนกระบอก มือเล็กค่อยๆ ยกขึ้นไปแย่งปืนมาถือไว้ในมือด้วยความรวดเร็ว
“ออกไป! ไม่งั้นฉันยิงแน่”
ทิวารีบยันตัวลุกขึ้น หันปลายกระบอกปืนเล็งไปที่ศีรษะชายหนุ่ม เหล่าพวกบอดี้การ์ดเมื่อเห็นอย่างนั้นก็รีบกรูกันเข้ามา พร้อมยกอาวุธในมือขึ้นเล็งเธอเช่นกัน
“หึ ใจกล้าดี”
“เอาปืนลง! ไม่งั้นฉันยิงหัวนายพวกแกแน่”
พันแสงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องตัวเองเอาปืนลง เขายืนกอดอกมองผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างกับหมาปอมตรงหน้า
“งั้นก็ยิงสิ เน้นๆ ที่หัวนะ”
“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ”
“งั้นก็กล้าหน่อย! ยิงสิ”
ทิวาต้องสะดุ้งตกใจจนตัวโยนหลังเห็นคนตรงหน้ายื่นมือมาจับปลายปืนเล็งหัวตัวเองอย่างไม่เกรงกลัว
“นายถอยออกไปนะ”
“ตกลงจะยิงหรือไม่ยิง”
มาเฟียหนุ่มยกยิ้มชอบใจที่เห็นมือเรียวสั่นเทา จับกระบอกปืนมาจ่อจนชิดหน้าผากกว้าง พร้อมสอดนิ้วลั่นไกยิง
“ว้าย!”
คนตัวเล็กร้องตกใจออกมาเมื่อเห็นอย่างนั้น ก่อนจะรีบโยนปืนออกไปเพราะมันไม่มีแม้แต่กระสุนสักลูกทำเอาใบหน้าสวยขบเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความโกรธเคืองในใจ
หน็อย ไอ้สารเลวกล้าเอาปืนไม่มีลูกกระสุนมาขู่เธอ!
“ถ้าไม่อยากตายก็เอาเงินมาคืน”
“ฉันไม่มี”
“เธอคิดว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับใคร”
“เห็นแก่ฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ เงินจะซื้อข้าวในแต่ละมื้อยังไม่มีเลย”
หญิงสาวใช้ฟันกัดลิ้นตัวเองสุดฤทธิ์ เพื่อบีบน้ำตาให้มันออกมาแสร้งทำตัวอ่อนแอเพื่อเรียกคะแนนความน่าสงสาร
“น้ำตาที่ได้มาจากการกัดลิ้น ก็น่าสงสารอยู่หรอก”
คำพูดรู้ทันทำเอาทิวาอ้าปากค้าง ยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบสองข้างแก้มออกลวกๆ เกิดความรู้สึกหงุดหงิดเมื่อชายหนุ่มฉลาดไม่น้อย
“ปล่อยฉันไปเถอะ ดูอย่างนี้ฉันเป็นคนดีมากเลยนะ มดสักตัวยังไม่กล้าฆ่าเลย”
“คนดีแต่กล้ามาหลอกเงินฉัน?”
“มันจำเป็นจริงๆ นะ ฉันอยู่ตัวคนเดียวพ่อแม่ก็ไม่มี”
“พวกมึงเข้ามา!”
พันแสงเหนื่อยจะต่อปากต่อคำกับสาวเจ้า ใช้อำนาจสั่งลูกน้องเหล่าชายฉกรรจ์ให้เข้ามาในห้อง มองเห็นร่างเล็กสะดุ้งตกใจจนตัวสั่น
“ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทาง”
หัวใจดวงน้อยๆ ของทิวาเต้นสั่นไหวอีกครั้งอย่างมีความหวัง รอยยิ้มของความโล่งอกเริ่มปรากฏขึ้นหลังคาดเดาว่าชายหนุ่มจะปล่อยเธอไป
“ทางที่หนึ่ง ยอมโดนพวกมันรุมระยำ”
“...”
“ทางที่สอง มาเป็นผู้หญิงของฉัน”