“อีหนู! ค้างค่าห้องมาหลายเดือนแล้วนะ”
เสียงแหลมตวาดใส่หน้าจน 'ทิวา' รีบยกมือขึ้นมาปิดหู เจ๊เจ้าของหอพักมาปลุกเธอตั้งแต่เช้าเพื่อทวงค่าห้องที่ค้างมาตลอดสามเดือน
“หนูไม่มีจริงๆ เดี๋ยวจะรีบหามาจ่าย”
“พอๆ พูดแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ถ้าภายในสามวันไม่เอาเงินมาจ่ายนะ ฉันไล่ออกแน่!”
ปัง!
ทันทีที่ประตูปิดลงด้วยความรุนแรง ทิวาลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเคร่งเครียด ระยะเวลาแค่สามวันเธอจะมีปัญญาหาเงินมาจากไหนเป็นหมื่น
หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมาเมื่อคิดไม่ตก รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปมหาวิทยาลัยด้วยสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ เธอมีเงินติดตัวไม่ถึงสามร้อยอย่าว่าแต่จ่ายค่าห้องพักแค่ซื้อข้าวกินในแต่ละมื้อยังลำบาก
เท้าเรียวค่อยๆ เดินไปตามทางบนฟุตบาทอย่างสิ้นหวัง ไม่มีเงินแม้จะขึ้นรถไปมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ
โชคชะตากลั่นแกล้งกันเกินไปแล้วนะ!
คนตัวเล็กแหงนหน้ามองท้องฟ้าข้างบนด้วยความรู้สึกมากมาย เธอสูญเสียพ่อและแม่ตั้งแต่เด็กเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ป้าพี่สาวของแม่รับเธอมาเลี้ยง แต่ก็กลับขโมยเงินประกันหนีไปจนหมด ทิ้งเธอไว้ให้โตมาตามมีตามเกิด
ทิวาสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่อาการน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิต ก่อนจะมองซ้ายมองขวาดูรถ และวิ่งข้ามไปอีกฝั่ง
ปี๊น!
ไม่ทันได้ข้ามไปถึงอีกฝั่ง รถหรูซูเปอร์คาร์ที่แล่นอยู่บนท้องถนนขับเคลื่อนเข้าใส่ตัวเธอ เสียงบีบแตรดังสนั่นทั่วบริเวณ
“กรี๊ด!”
หญิงสาวล้มลงบนถนนด้วยความตกใจ อีกแค่นิดเดียวร่างเล็กของเธอเกือบจะชนเข้ากับรถหากคนขับไม่เบรกไปเสียก่อน ดวงตาคู่สวยค่อยๆ เหลือบตามองรถคู่กรณีชัดๆ
รถหรูและป้ายประมูลบ่งบอกถึงฐานะ
ความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูรถพร้อมร่างสูงของคนขับรีบลงมาด้วยความร้อนใจ
ทิวาล้มตัวนอนลงบนถนน แสร้งหลับตาแน่นพร้อมครางแผ่วเบาหลังผิวขาวเนียนสัมผัสถึงความร้อนจนแขนปวดแสบไปหมด
“คุณครับๆ” เสียงเรียก พร้อมมือสะกิดเธอเบาๆ ทำเอาคนขับรถหน้าซีดเผือดหลังเห็นแบบนั้น
“ชนหรือเปล่า”
น้ำเสียงเรียบเย็นเอ่ยถามติดรำคาญ 'พันแสง' นั่งกอดอกจ้องมองลูกน้องที่เดินลงไปดูคนเจ็บจนใบหน้าหล่อฉายแววความหงุดหงิดออกมา
“ไม่ชนครับ แต่เธอคงตกใจ”
“งั้นปล่อยไว้ตรงนั้นแหละ”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส ทำเอาทิวาเม้มริมฝีปากปากแน่นด้วยความโกรธเคือง สาปแช่งคนใจไม้ไส้ระกำในใจเมื่อได้ฟังคำพูดปัดความรับผิดชอบแบบนั้น
“จะดีหรือครับ ตรงนี้มีกล้องด้วยผมกลัวมีปัญหา”
“มึงจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าช้ากูรีบ”
“ครับนาย”
หญิงสาวเหมือนถูกฉุดขึ้นจากนรกที่ร้อนระอุ แขนเล็กของเธอแสบร้อนไปหมด ป่านนี้คงจะแดงเถือกไปทั้งตัวแล้วหลังจากนอนแนบสนิทบนท้องถนนนานหลายนาที
“ผมฝากเธอหน่อยได้ไหมครับนาย”
“แม่ง! รำคาญฉิบหาย”
พันแสงสบถขึ้นมาด้วยความหัวเสียไม่ใช่น้อย จ้องเขม็งใบหน้าอ่อนใสที่นอนหลับตาพริ้มบนหน้าตักของเขา ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดเข้าไปเมื่อต้องใช้มือล็อกร่างบอบบางที่ถลาจนลงไปกองอยู่กับพื้นหลังรถเบรกแต่ไม่วายใช้คำด่าสำทับ
“ถึงโรงพยาบาลหรือยัง กูรำคาญจะตายห่าอยู่แล้ว มึงรีบขับเลยนะ ก่อนที่กูจะโยนแม่นี่ออกนอกหน้าต่างรถ!”
“ใกล้แล้วครับนาย”
ทิวาเก็บซ่อนความโกรธเคืองผู้ชายที่เอาแต่ด่าทออยู่ข้างหูไม่ไหว จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นจับจ้องมองร่างสูงกำยำที่มีใบหน้าหล่อเหลา ความน่ากลัวแผ่ซ่านอยู่รอบๆ ตัวเขาพร้อมดวงตาคมดุที่มองเขม็งมา
“ทำไม แกล้งหมดสติจนเหนื่อยแล้วหรือไง”
มาเฟียหนุ่มกัดฟันถามอย่างรู้ทัน รีบผลักคนที่นอนซบอยู่บนหน้าตักให้ร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้นจนศีรษะหญิงสาวกระแทกเบาะรถอย่างรุนแรง
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้บ้านี่”
“กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้!”
เสียงทรงอำนาจตวาดลั่นทันทีเมื่อได้ฟังคำด่าทอที่ไม่เคยมีใครกล้าแม้จะพูดตอกหน้า ทำเอาร่างบอบบางของทิวาสะดุ้งตกใจด้วยความกลัวจนต้องรีบถอยหนี
“ก็นายทำฉันเจ็บ”
“หุบปาก” พันแสงชี้หน้าหญิงสาวอย่างคาดโทษ ก่อนจะตวัดตาดุมองลูกน้องตัวเองที่ขับรถช้าอย่างกับเต่าจนเขาต้องมาประสาทเสียแบบนี้
“มึงรีบเลี้ยวเข้าไปเลยนะ ก่อนที่กูจะชักปืนยิงผู้หญิงคนนี้ทิ้งในรถ!”
“ถึงแล้วครับนาย”
“ลงไปซะ!”
ทิวารีบเงยหน้าเกาะขอบประตูใช้ดวงตาสำรวจบริเวณภายนอกก็พบว่าเป็นโรงพยาบาล นั่งชั่งใจอยู่นานจึงจะรวบรวมความกล้าหันไปคุยกับผู้ชายใจร้ายตรงหน้า
“นายไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยเหรอ”
“เธอว่าอะไรนะ”
“ขับรถชนฉันก็ต้องรับผิดชอบสิ”
หญิงสาวค่อยๆ ลงจากรถแต่ยังคงเปิดประตูเอาไว้เพื่อหาข้อต่อรอง แม้จะหวาดกลัวเขาแต่ไม่ยอมให้ความตั้งใจที่อุตส่าห์ลงทุนนอนบนถนนเสียเปล่า
“ได้ข่าวว่ารถฉันไม่ได้ชนเธอ”
“ถึงไม่ได้ชน ฉันก็ขวัญเสียนะตอนนี้ยังตกใจไม่หายเลย”
“อยากได้ค่าทำขวัญ?”
“ใช่ค่ะ”
“หึ เธอเป็นมิจฉาชีพหรือไง”
“อะไรของนาย!”
ทิวากระชากเสียงถามอย่างเอาเรื่องเมื่อได้ยินแบบนั้น แม้ความจริงจะเป็นอย่างที่ชายหนุ่มกล่าวหา ใบหน้าสวยเชิดหน้ากอดอกมองเขาอีกครั้งเพื่อกดดัน
“ฉันไม่จ่าย”
“เกินไปแล้วนะ แต่งตัวก็ดี รถที่ขับราคาตั้งหลายสิบล้านนายขี้งกถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“มึงรีบออกรถไปได้แล้ว”
ทิวารีบรั้งประตูเอาไว้หลังได้ยินคำพูดปัดความรับผิดชอบ ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ เมื่อเห็นผู้คนเดินไปมาพลุกพล่านในบริเวณ
“ฮือ ไอ้คนใจร้ายทำไมเป็นคนแบบนี้!”
หญิงสาวร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น เธอสะอื้นจนตัวโยนพร้อมยกมือขึ้นชี้หน้าคนที่นั่งกัดฟันกรอดอยู่ในรถจนคนรอบๆ ต่างหันมามองอย่างสนใจ
“เป็นบ้าไปแล้วเหรอ!”
“ฮึกไอ้คนใจดำ ใจร้าย คนไม่มีความรับผิดชอบ”
ในตอนนี้ทุกคนในบริเวณต่างเดินมาล้อมรถเพื่อดูเหตุการณ์ จนมาเฟียหนุ่มชักสีหน้าใส่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กล้ามาโกหกสร้างเรื่องอยู่ที่รถของเขา
“หุบปาก!”
“คุณพูดแบบนี้กับเมียตัวเองได้ยังไง”
เสียงเอ่ยเตือนของหญิงมีอายุเดินมากระชับตัวหญิงสาว ก่อนจะประคองคนตัวเล็กแล้วลูบหน้าท้องแบนราบแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรนะหนู ผู้ชายมันไร้ความรับผิดชอบก็ถอยออกมา ลูกคนเดียวเราเลี้ยงได้อยู่แล้ว”
“ฮือ ขอบคุณนะคะป้า”
ทิวาเผยรอยยิ้มร้ายใต้คราบน้ำตาที่ไหลอาบสองข้างแก้ม หันไปซบยายใจกล้าที่เดินมาต่อว่าชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวจนผู้คนต่างหันไปเมาท์มอยกันสนุกปาก บางคนถือกล้องถ่ายรูปรถเอาไว้
“จะเอาเท่าไหร่”
“อะไรของนาย”
“ค่าทำขวัญ”
“เอาแค่ห้าหมื่นก็พอ”
คนตัวเล็กรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาปลอมๆ ออก ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างรับเงินในมือชายหนุ่มที่จ้องหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองไม่ใช่น้อย
“พอเหรอหนู ป้าว่าเรียกให้มันเยอะๆ เลย ดูท่าจะรวยแต่กลับคิดจะทิ้งเมียทิ้งลูก”
“พอค่ะคุณป้า หนูรักเขา หนูยอมค่ะ”
“โธ่แม่คุณ ไม่น่าเสียรู้ผู้ชายเลวๆ เลย”
หญิงสาวยิ้มเย้ยใส่คนที่นั่งกำหมัดแน่นข่มอารมณ์ร้อนในอก รีบยกมือปิดประตูทว่ากลับได้ยินเสียงขู่ในลำคอเอ่ยออกมาชัดเต็มสองหู
“กล้ามากที่ทำแบบนี้กับฉัน!”