บทนำ(มิตรที่ดีคือมิจฉาชีพ)

1396 Words
“อีหนู! ค้างค่าห้องมาหลายเดือนแล้วนะ” เสียงแหลมตวาดใส่หน้าจน 'ทิวา' รีบยกมือขึ้นมาปิดหู เจ๊เจ้าของหอพักมาปลุกเธอตั้งแต่เช้าเพื่อทวงค่าห้องที่ค้างมาตลอดสามเดือน “หนูไม่มีจริงๆ เดี๋ยวจะรีบหามาจ่าย” “พอๆ พูดแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ถ้าภายในสามวันไม่เอาเงินมาจ่ายนะ ฉันไล่ออกแน่!” ปัง! ทันทีที่ประตูปิดลงด้วยความรุนแรง ทิวาลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเคร่งเครียด ระยะเวลาแค่สามวันเธอจะมีปัญญาหาเงินมาจากไหนเป็นหมื่น หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมาเมื่อคิดไม่ตก รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปมหาวิทยาลัยด้วยสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ เธอมีเงินติดตัวไม่ถึงสามร้อยอย่าว่าแต่จ่ายค่าห้องพักแค่ซื้อข้าวกินในแต่ละมื้อยังลำบาก เท้าเรียวค่อยๆ เดินไปตามทางบนฟุตบาทอย่างสิ้นหวัง ไม่มีเงินแม้จะขึ้นรถไปมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ โชคชะตากลั่นแกล้งกันเกินไปแล้วนะ! คนตัวเล็กแหงนหน้ามองท้องฟ้าข้างบนด้วยความรู้สึกมากมาย เธอสูญเสียพ่อและแม่ตั้งแต่เด็กเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ป้าพี่สาวของแม่รับเธอมาเลี้ยง แต่ก็กลับขโมยเงินประกันหนีไปจนหมด ทิ้งเธอไว้ให้โตมาตามมีตามเกิด ทิวาสะบัดหัวไปมาเพื่อไล่อาการน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิต ก่อนจะมองซ้ายมองขวาดูรถ และวิ่งข้ามไปอีกฝั่ง ปี๊น! ไม่ทันได้ข้ามไปถึงอีกฝั่ง รถหรูซูเปอร์คาร์ที่แล่นอยู่บนท้องถนนขับเคลื่อนเข้าใส่ตัวเธอ เสียงบีบแตรดังสนั่นทั่วบริเวณ “กรี๊ด!” หญิงสาวล้มลงบนถนนด้วยความตกใจ อีกแค่นิดเดียวร่างเล็กของเธอเกือบจะชนเข้ากับรถหากคนขับไม่เบรกไปเสียก่อน ดวงตาคู่สวยค่อยๆ เหลือบตามองรถคู่กรณีชัดๆ รถหรูและป้ายประมูลบ่งบอกถึงฐานะ ความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูรถพร้อมร่างสูงของคนขับรีบลงมาด้วยความร้อนใจ ทิวาล้มตัวนอนลงบนถนน แสร้งหลับตาแน่นพร้อมครางแผ่วเบาหลังผิวขาวเนียนสัมผัสถึงความร้อนจนแขนปวดแสบไปหมด “คุณครับๆ” เสียงเรียก พร้อมมือสะกิดเธอเบาๆ ทำเอาคนขับรถหน้าซีดเผือดหลังเห็นแบบนั้น “ชนหรือเปล่า” น้ำเสียงเรียบเย็นเอ่ยถามติดรำคาญ 'พันแสง' นั่งกอดอกจ้องมองลูกน้องที่เดินลงไปดูคนเจ็บจนใบหน้าหล่อฉายแววความหงุดหงิดออกมา “ไม่ชนครับ แต่เธอคงตกใจ” “งั้นปล่อยไว้ตรงนั้นแหละ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส ทำเอาทิวาเม้มริมฝีปากปากแน่นด้วยความโกรธเคือง สาปแช่งคนใจไม้ไส้ระกำในใจเมื่อได้ฟังคำพูดปัดความรับผิดชอบแบบนั้น “จะดีหรือครับ ตรงนี้มีกล้องด้วยผมกลัวมีปัญหา” “มึงจะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าช้ากูรีบ” “ครับนาย” หญิงสาวเหมือนถูกฉุดขึ้นจากนรกที่ร้อนระอุ แขนเล็กของเธอแสบร้อนไปหมด ป่านนี้คงจะแดงเถือกไปทั้งตัวแล้วหลังจากนอนแนบสนิทบนท้องถนนนานหลายนาที “ผมฝากเธอหน่อยได้ไหมครับนาย” “แม่ง! รำคาญฉิบหาย” พันแสงสบถขึ้นมาด้วยความหัวเสียไม่ใช่น้อย จ้องเขม็งใบหน้าอ่อนใสที่นอนหลับตาพริ้มบนหน้าตักของเขา ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดเข้าไปเมื่อต้องใช้มือล็อกร่างบอบบางที่ถลาจนลงไปกองอยู่กับพื้นหลังรถเบรกแต่ไม่วายใช้คำด่าสำทับ “ถึงโรงพยาบาลหรือยัง กูรำคาญจะตายห่าอยู่แล้ว มึงรีบขับเลยนะ ก่อนที่กูจะโยนแม่นี่ออกนอกหน้าต่างรถ!” “ใกล้แล้วครับนาย” ทิวาเก็บซ่อนความโกรธเคืองผู้ชายที่เอาแต่ด่าทออยู่ข้างหูไม่ไหว จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นจับจ้องมองร่างสูงกำยำที่มีใบหน้าหล่อเหลา ความน่ากลัวแผ่ซ่านอยู่รอบๆ ตัวเขาพร้อมดวงตาคมดุที่มองเขม็งมา “ทำไม แกล้งหมดสติจนเหนื่อยแล้วหรือไง” มาเฟียหนุ่มกัดฟันถามอย่างรู้ทัน รีบผลักคนที่นอนซบอยู่บนหน้าตักให้ร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้นจนศีรษะหญิงสาวกระแทกเบาะรถอย่างรุนแรง “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้บ้านี่” “กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้!” เสียงทรงอำนาจตวาดลั่นทันทีเมื่อได้ฟังคำด่าทอที่ไม่เคยมีใครกล้าแม้จะพูดตอกหน้า ทำเอาร่างบอบบางของทิวาสะดุ้งตกใจด้วยความกลัวจนต้องรีบถอยหนี “ก็นายทำฉันเจ็บ” “หุบปาก” พันแสงชี้หน้าหญิงสาวอย่างคาดโทษ ก่อนจะตวัดตาดุมองลูกน้องตัวเองที่ขับรถช้าอย่างกับเต่าจนเขาต้องมาประสาทเสียแบบนี้ “มึงรีบเลี้ยวเข้าไปเลยนะ ก่อนที่กูจะชักปืนยิงผู้หญิงคนนี้ทิ้งในรถ!” “ถึงแล้วครับนาย” “ลงไปซะ!” ทิวารีบเงยหน้าเกาะขอบประตูใช้ดวงตาสำรวจบริเวณภายนอกก็พบว่าเป็นโรงพยาบาล นั่งชั่งใจอยู่นานจึงจะรวบรวมความกล้าหันไปคุยกับผู้ชายใจร้ายตรงหน้า “นายไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยเหรอ” “เธอว่าอะไรนะ” “ขับรถชนฉันก็ต้องรับผิดชอบสิ” หญิงสาวค่อยๆ ลงจากรถแต่ยังคงเปิดประตูเอาไว้เพื่อหาข้อต่อรอง แม้จะหวาดกลัวเขาแต่ไม่ยอมให้ความตั้งใจที่อุตส่าห์ลงทุนนอนบนถนนเสียเปล่า “ได้ข่าวว่ารถฉันไม่ได้ชนเธอ” “ถึงไม่ได้ชน ฉันก็ขวัญเสียนะตอนนี้ยังตกใจไม่หายเลย” “อยากได้ค่าทำขวัญ?” “ใช่ค่ะ” “หึ เธอเป็นมิจฉาชีพหรือไง” “อะไรของนาย!” ทิวากระชากเสียงถามอย่างเอาเรื่องเมื่อได้ยินแบบนั้น แม้ความจริงจะเป็นอย่างที่ชายหนุ่มกล่าวหา ใบหน้าสวยเชิดหน้ากอดอกมองเขาอีกครั้งเพื่อกดดัน “ฉันไม่จ่าย” “เกินไปแล้วนะ แต่งตัวก็ดี รถที่ขับราคาตั้งหลายสิบล้านนายขี้งกถึงขนาดนี้เลยเหรอ” “มึงรีบออกรถไปได้แล้ว” ทิวารีบรั้งประตูเอาไว้หลังได้ยินคำพูดปัดความรับผิดชอบ ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ เมื่อเห็นผู้คนเดินไปมาพลุกพล่านในบริเวณ “ฮือ ไอ้คนใจร้ายทำไมเป็นคนแบบนี้!” หญิงสาวร้องไห้ออกมาเสียงดังลั่น เธอสะอื้นจนตัวโยนพร้อมยกมือขึ้นชี้หน้าคนที่นั่งกัดฟันกรอดอยู่ในรถจนคนรอบๆ ต่างหันมามองอย่างสนใจ “เป็นบ้าไปแล้วเหรอ!” “ฮึกไอ้คนใจดำ ใจร้าย คนไม่มีความรับผิดชอบ” ในตอนนี้ทุกคนในบริเวณต่างเดินมาล้อมรถเพื่อดูเหตุการณ์ จนมาเฟียหนุ่มชักสีหน้าใส่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กล้ามาโกหกสร้างเรื่องอยู่ที่รถของเขา “หุบปาก!” “คุณพูดแบบนี้กับเมียตัวเองได้ยังไง” เสียงเอ่ยเตือนของหญิงมีอายุเดินมากระชับตัวหญิงสาว ก่อนจะประคองคนตัวเล็กแล้วลูบหน้าท้องแบนราบแผ่วเบา “ไม่เป็นไรนะหนู ผู้ชายมันไร้ความรับผิดชอบก็ถอยออกมา ลูกคนเดียวเราเลี้ยงได้อยู่แล้ว” “ฮือ ขอบคุณนะคะป้า” ทิวาเผยรอยยิ้มร้ายใต้คราบน้ำตาที่ไหลอาบสองข้างแก้ม หันไปซบยายใจกล้าที่เดินมาต่อว่าชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัวจนผู้คนต่างหันไปเมาท์มอยกันสนุกปาก บางคนถือกล้องถ่ายรูปรถเอาไว้ “จะเอาเท่าไหร่” “อะไรของนาย” “ค่าทำขวัญ” “เอาแค่ห้าหมื่นก็พอ” คนตัวเล็กรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาปลอมๆ ออก ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างรับเงินในมือชายหนุ่มที่จ้องหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองไม่ใช่น้อย “พอเหรอหนู ป้าว่าเรียกให้มันเยอะๆ เลย ดูท่าจะรวยแต่กลับคิดจะทิ้งเมียทิ้งลูก” “พอค่ะคุณป้า หนูรักเขา หนูยอมค่ะ” “โธ่แม่คุณ ไม่น่าเสียรู้ผู้ชายเลวๆ เลย” หญิงสาวยิ้มเย้ยใส่คนที่นั่งกำหมัดแน่นข่มอารมณ์ร้อนในอก รีบยกมือปิดประตูทว่ากลับได้ยินเสียงขู่ในลำคอเอ่ยออกมาชัดเต็มสองหู “กล้ามากที่ทำแบบนี้กับฉัน!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD