บท7ไม่ได้สำคัญ

1647 Words
อาการบาดเจ็บของทิวาดีขึ้นมาก แผลของเธอแห้งและตกสะเก็ด หากคอยหมั่นทาครีมลดรอยแผลเป็นก็ไม่มีอะไรให้กังวลถึงเรื่องความเรียบเนียนของผิว ร่างบอบบางในชุดนักศึกษาและกระโปรงสั้นเหนือเข่าโชว์เรียวขาสวยเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ทรุดนั่งลงหน้าจานอาหารเช้าบนโต๊ะ “ดิฉันเตรียมไส้กรอกให้คุณทิวาเพิ่มสองชิ้นค่ะ” “รู้ใจจังเลยค่ะคุณป้า” ทิวารีบหันไปยกมือไหว้ขอบคุณป้าแม่บ้าน หลายวันมานี้หญิงสาวปรับตัวได้ไว แม้กระทั่งบอดี้การ์ดของมาเฟียหนุ่มก็เริ่มที่จะกล้าคุยกับเธอ ถึงจะไม่ได้สนิทสนมเหมือนผู้หญิงสูงอายุข้างกาย “เลิกเรียนกี่โมง” “บ่ายโมงค่ะ มีเรียนแค่ช่วงเช้า” “วันนี้ออกไปพร้อมฉัน” “นายจะไปไหนเหรอ” พันแสงยกกาแฟขึ้นจิบ ลอบมองคนที่กระตือรือร้นถามอยู่ตรงหน้า ใช้แววตาจ้องริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังอ้างับไข่ดาวในจานก่อนจะรีบดึงทิชชูเช็ดให้เธออย่างเบามือ “เป็นเมียหรือไงฉันถึงต้องมาคอยรายงานเธอทุกเรื่อง” “ถามในตำแหน่งผู้หญิงของนายต่างหาก” ทิวาจีบปากจีบคอตอบกลับเมื่อได้ฟังคำพูดประชดประชันแบบนั้น “แค่อยากรู้ ถ้าให้เดาคงไปฆ่าคนอีกตามเคย” “ฉันไปดูกาสิโน” มาเฟียหนุ่มตอบคำถามให้คนตัวเล็กกระจ่าง กระตุกยิ้มหลังได้เห็นใบหน้าสวยเบ้หน้าใส่อย่างไม่เกรงกลัวเขาเลยสักนิด “นายเป็นเจ้าของกาสิโนด้วยเหรอ” “เป็นหุ้นส่วน” “กับเพื่อนมาเฟียสองคนที่คุณเอดีสพูดถึงในสนามแข่งใช่ไหม” คิ้วหนากระตุกถี่หลังได้ยินสรรพนามที่แตกต่างกัน เคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะพร้อมประมวลคำพูดของหญิงสาวอีกครั้ง “เธอเรียกไอ้เอดีสว่าอะไร” “ก็...คุณเอดีส” “หึ เธอเคารพมันมากกว่าฉันสินะ” “ก็เขาดีกับฉัน อุตส่าห์ขับรถพาไปส่งมหาลัยทุกวัน” “แล้วที่มันได้เสนอหน้าไปเพราะคำสั่งใคร” “นายโกรธเหรอ งั้นฉันเรียกคุณพันแสงก็ได้” “เรียกเฮีย” ทิวาขมวดคิ้วขึ้นด้วยความงุนงง เอียงใบหน้าสวยมองคนที่เอ่ยคำสั่งอยู่ตรงหน้า เขาวางไอแพดที่ใช้ทำงานลงทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ “ทำไมฉันต้องเรียกแบบนั้นด้วย” “แล้วทำไมถึงไม่เรียก” “ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงของนายแต่ก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกใครแบบไหน” หญิงสาวเชิดหน้าใส่คนที่มานั่งออกคำสั่งอย่างไม่เกรงกลัว หยิบไส้กรอกในจานขึ้นมาทานผ่านสายตาคมกริบที่จับจ้องมา “ถ้าฉันเป็นเธอจะพยายามทำตัวดีๆ” พันแสงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น เพิ่งจะเคยเห็นผู้หญิงแสนพยศแบบนี้ครั้งแรก เธอควรจะว่านอนสอนง่ายหรือเข้ามาออดอ้อนเพื่อปอกลอกเงินจากเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ไม่ใช่ลอยหน้าลอยตาเถียงทุกคำ! “อิ่มแล้วค่ะคุณพันแสง” “ปีกกล้าขาแข็งเหลือเกินนะ ไม่กลัวฉันอย่างวันที่ไปสนามแข่งแล้วหรือไง” ทิวาเม้มริมฝีปากหลังได้เห็นแววตาคมกริบดุใส่ หันมองเสียงเคาะประตูซึ่งคาดว่าจะเป็นฝีมือของคุณเอดีส “วันหลังจะพาเธอไปเตือนความทรงจำสักหน่อย รอบนี้เอาอะไรดี ตัดขา ตัดแขน หรือตัดหัว” คนเลว! แอบกระซิบด่าคนตรงหน้าในใจ หยิบทิชชูมาเช็ดริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้นวิ่งไปเปิดประตู “เชิญครับคุณทิวา” เอดีสผายมือเปิดทางให้ผู้หญิงของเจ้านายเดินนำออกไปจากห้อง ไม่ลืมหันมาก้มศีรษะเคารพมาเฟียทรงอิทธิพล ทิวานั่งบนรถหรูพร้อมกองบอดี้การ์ดหลายสิบคนที่ขับตามหลังมา หันมองคนข้างกายก็เห็นเขาเอาแต่สนใจงานในมือ เอดีสขับรถมาถึงมหาลัยโดยใช้เวลาไม่นาน ขับเคลื่อนมาจอดหน้าตึกเรียนอย่างทุกวัน แววตาคู่คมเห็นร่างท้วมๆ ชะเง้อคอมองรถอย่างตั้งใจ ทันทีที่ประตูรถเปิดออกกว้างชบาก็รีบวิ่งเข้ามาหาเพื่อนสนิทอย่างไว ไม่วายหันมองคนขับมือขวาของมาเฟียที่คอยแอบลอบมองอยู่ทุกวัน สองเท้าชะงักหลังได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาแสนดุของคนที่นั่งอยู่ข้างกายเพื่อนสาวอย่างทิวา อ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า “ไหนมึงบอกว่าเขาหน้าเหมือนข้อศอกหมาไงทิวา” ทิวาเบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่คิดว่าเพื่อนสนิทจะหลุดพูดออกมาแบบนั้นต่อหน้ามาเฟียหนุ่ม ยกเท้าถีบร่างท้วมไปเต็มแรงจนทรุดกองกับพื้น “เธอว่าใครหน้าเหมือนข้อศอกหมา!” พันแสงกระชากเสียงดุถามด้วยความไม่สบอารมณ์ รั้งร่างเล็กเอาไว้ไม่ให้หลบหนีออกไปจากรถ “ฉันไม่ได้พูดว่านายหน้าเหมือนข้อศอกหมา” “แล้วเพื่อนเธอมันสะเออะพูดเองอย่างนั้นเหรอ!” หญิงสาวรีบแกะมือหนาที่รั้งแขนเธอไว้อย่างกับคีมเหล็ก สะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมพร้อมกระโดดหนีลงจากรถอย่างไว “อยากตายหรือไงอีชบา!” วิ่งเข้ามาจับมือเพื่อนสนิทที่เดินกะเพกให้รีบหลบออกมาจากรถเพื่อเร่งเข้าตัวอาคารเรียน ไม่วายหันไปด่าคนที่ปากพูดไม่คิด “แม่นั่นพูดถึงกูว่าอะไรไอ้เอดีส” เอดีสลอบมองเจ้านายผ่านกระจกหน้ารถ สีหน้าไม่สู้ดีปรากฏฉายชัดทำเอาพันแสงกระชากเสียงถามอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด “กูถามทำไมเสือกเงียบ!” “พูดว่าหน้าตานายดีกว่าข้อศอกหมานิดหน่อยครับ” พันแสงเดินเข้ามายังกาสิโนที่ใกล้จะสำเร็จเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ใบหน้าหล่อบึ้งตึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความน่ากลัวแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณจนลูกน้องที่เดินตามอยู่ด้านหลังทำได้เพียงก้มหน้าอยู่เงียบๆ “เมื่อวานพวกกูไปหาที่สนามแข่งทำไมรีบกลับวะ” เหนือฟ้าละใบหน้าจากโต๊ะสนุ๊กเกอร์มองร่างสูงของเพื่อนสนิทเดินกระแทกเท้าเข้ามานั่ง ก่อนจะเห็นมือหนาหยิบแก้วไวน์บนโต๊ะขว้างใส่กระจกออกไปจนแตกกระจาย “เป็นเหี้ยอะไร มาถึงก็ทำลายข้าวของเลยนะมึง” “อย่าเสือกไอ้ลูคัส” “อย่าปากดีไอ้พันแสง” ลูคัสด่ากราดกลับไปพร้อมยกยิ้มร้ายใส่คนที่นั่งพ่นลมหายใจออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ การได้ปะทะฝีปากด้วยกันแบบนี้เป็นเรื่องชินชาที่แทบจะเกิดขึ้นทุกครั้งเวลาเจอหน้า “เจ้านายแกเป็นอะไรไอ้เอดีส” มาเฟียเจ้าของกาสิโนรีบเอ่ยถามมือขวาคนสนิทของเพื่อน ก่อนจะเห็นใบหน้าขาวซีดขึ้นมา ชายหนุ่มอ้ำอึ้งไม่กล้าเอ่ยปากบอก “ผมไม่กล้าบอก ต้องขออภัยด้วยครับ” พูดจบก็ก้มหัวทำความเคารพเดินออกไปจากห้องเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับสามมาเฟียทรงอิทธิพล “สัญญาหุ้นของมึง” ลูคัสโยนซองเอกสารสีน้ำตาลใส่คนนั่งยกเหล้าในแก้วขึ้นดื่ม ก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปเล่นสนุ๊กเกอร์อีกครั้ง พันแสงและเพื่อนสนิทอีกสองคนร่วมมือกันทำกาสิโนในสนามแข่งรถใจกลางเมือง การลงทุนมหาศาลไม่สามารถกำหนดเม็ดเงินที่จ่ายไป แต่เล็งเห็นถึงความคุ้มค่าที่จะได้รับกลับมาไม่น้อย “ผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมที่จะใช้เป็นตัวล่อ” เหนือฟ้าทรุดนั่งบนโซฟาตัวยาว จ้องมองใบหน้าเคร่งขรึมที่พยักหน้าตอบเขาเล็กน้อย ชะงักกับการได้เห็นแววตาหวั่นไหวเริ่มที่จะลังเลของเพื่อน “คิดให้ดีๆ ถ้ามึงไม่อยากส่งเธอไปก็หาคนอื่น” “กูคิดดีแล้ว หาคนอื่นคงไม่ทัน” อีกไม่กี่วันข้างหน้าศัตรูคู่แค้นที่คอยขัดแข้งขัดขามาตลอดหลายปีกำลังจะเดินทางมาด้วยเอกสารลับที่มันกล้าหลอกใช้คนของเขาให้ทรยศขโมยมา “งั้นก็พาเธอมาเจอพวกกูหน่อย” ตวัดตามองมาเฟียเจ้าของบ่อน้ำมัน เห็นมันขยิบตาให้ด้วยความกวนเท้าก็กระตุกจนอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นถีบเข้าอย่างจังแต่คนตรงหน้ากลับรู้ทันรีบหลบหนีอย่างไว “ก่อนส่งไปขอเช็คหน่อยว่าเด็ดไหม เผื่อไม่ได้เรื่องแล้วจะเสียงาน” “มึงหยุดพูดได้ไหมไอ้ลูคัส” “หึ แค่กับพวกกูมึงยังไม่กล้าพามาเจอเลย กับไอ้แฟรงค์จะกล้าส่งไปเหรอ” เพียงได้ยินชื่อ ‘แฟรงค์’ ศัตรูคู่แค้นที่ไม่มีทางได้ญาติดีกันทำเอาพันแสงกัดฟันกรอด เขาต้องสูญเสียเงินไปไม่น้อยกับการถูกโจมตีจากมัน “จะทำอะไรก็รีบทำให้เสร็จ เพราะไม่อย่างนั้นสนามแข่งมึงถูกเล่นสกปรกไม่สิ้นสุดอีกแน่” “กูรู้แล้ว” “ตกลงพามาไหม จะตั้งตารอ” ลูคัสไม่ลดละที่จะคะยั้นคะคอเพื่อนสนิท แอบได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของมาเฟียเจ้าของกาสิโนที่นั่งขบขำอย่างกั้นไม่ไหว “แม่งน่ารำคาญ ไปไกลๆ ตีนกูเลย” “จบแล้วแหละกูว่า หาคนอื่นมาเถอะเพราะเอาหัวเป็นประกันมึงก็ไม่กล้าส่งไปหรอกผู้หญิงคนนั้น” “ทำไมกูจะไม่กล้า เธอไม่ได้มีความสำคัญอะไรอยู่แล้ว” “ไอ้เหนือฟ้าเป็นพยานกับกูนะว่ามันพูดอย่างนี้ อย่าให้กูเห็นว่าหมาไม่งั้นโดนดีแน่” เหนือฟ้าพยักหน้าตอบกลับทันควัน ยกมือขึ้นตบไหล่คนที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนโซฟา ก้มต่ำมองมือหนาที่กำหมัดแน่นก็ยกยิ้มร้ายขึ้นมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD