หลินเจียวเจียวออกมายืนหน้าห้างจากนั้นเธอลองตั้งจิตแล้วแตะที่ห้างสรรพสินค้า เมื่อเธอลองเข้าไปดูในมิติผลปรากฏว่าห้างสรรพสินค้าเข้ามาอยู่ทั้งห้างเลย พอเห็นแบบนั้นเธอก็ได้แต่หัวเราะกับตัวเอง จากนั้นเธอก็ลอยไปตามร้านต่างๆ ที่เธอนึกอยากจะได้ เธอก็ตั้งจิตและเอามือแตะทีละร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านขายทอง ร้านอัญมณี แม้แต่โชว์รูมรถหรือร้านมอเตอร์ไซด์เธอก็เอามาด้วย เธอเลือกของจนครบเวลา จากนั้นวิญญาณของเธอก็กลับมารอท่านเทพในมิติ
“นี่หลินเจียวเจียวเจ้ากะจะเอาทุกอย่างมาเลยใช่ไหม” ท่านเทพมองร้านค้าต่างๆ ที่เธอนำเข้ามา
“ก็ท่านเทพให้เวลาแค่ สามชั่วโมง มันจะไปพออะไรละคะ อีกอย่างท่านไม่ได้ห้ามว่าอย่าเอามาทั้งร้านหรือว่าเอามาทั้งห้างนี่คะ แสดงว่าฉันไม่ผิด” หลินเจียวเจียวก็ยังคงเป็นหลินเจียวเจียวความร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ก็ยังคงมีอยู่ ถึงเธอเอามาขนาดนี้ใช่ว่าเธอจะเอามาใช้ตอนนี้ทั้งหมดซะเมื่อไหร่ละ
“เห้อ! เอาละ ข้าผิดเองที่ให้เวลาเจ้าน้อยเกินไป แต่ว่าหากเจ้ากลับไปแล้วก็จงใช้ชีวิตให้ดีและจงใช้ของในมิติให้เกิดประโยชน์ที่สุด ข้าไม่มีอะไรจะอวยพรเจ้าแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าก็รู้ว่าเจ้าควรจะใช้ชีวิตต่อไปเช่นไร ขอเพียงแต่ให้เจ้าจงหมั่นทำความดีบ้างไม่มากก็น้อยนะ”
“ขอบคุณมากค่ะท่านเทพแห่งโชคชะตา”
จากนั้นท่านเทพเจ้าชะตาก็ส่งวิญญาณหลินเจียวเจียวกลับเข้าร่าง
“น้ำ หิวน้ำ” หลินเจียวเจียวบอกน้ำเสียงแหบแห้ง
“แม่ แม่ตื่นแล้ว” ซ่งเหมยจูพูดอย่างดีใจ จากนั้นก็รีบไปหยิบน้ำมาให้แม่ของเธอกิน ส่วนซ่อจื้อผิงยังคงยืนเฝ้าแม่ของเขาอยู่ในห้องไม่ไปไหน ถึงแม้ว่าเด็กน้อยจะกลัวแม่เขามากแค่ไหนก็ตาม
“แม่ขาน้ำมาแล้ว แม่ค่อยๆ ดื่มนะคะ” เหมยจูพยุงแม่เธอให้นั่งแล้วส่งน้ำให้
หลินเจียวเจียวเมื่อดื่มน้ำแล้วก็หันมามองลูกน้อยทั้งสองคน เธอคิดว่าลูกเธอเป็นเด็กที่น่ารักมากทำไมเมื่อก่อนเธอถึงใจดำกับลูกได้นะ
“เหมยจู จื้อผิง มาหาแม่มาลูก แม่ขอกอดลูกหน่อยได้ไหม” เจียวเจียวเธอเรียกให้ลูกทั้งสองคนเข้ามาหาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
เด็กน้อยทั้งสองคนเมื่อแม่เรียกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นที่ทั้งสองคนไม่เคยได้ยินก็ทำให้เด็กน้อยน้ำตาไหลอาบแก้ม จากนั้นเหมยจูก็จูงมือน้องชายเดินเข้ามาหาแม่ เพียงหลินเจียวเจียวโอบกอดลูกๆ เด็กน้อยทั้งสองคนก็ร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น หลินเจียวเจียวเห็นดังนั้นก็บอกลูกๆ ทั้งสองคนว่า
“เหมยจู จื้อผิง แม่ขอโทษลูกทั้งสองคนนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ไม่เคยได้สนใจลูกเลย ปล่อยปะละเลยลูกๆ มาตลอด ลูกทั้งสองคนให้อภัยแม่ได้ไหม แม่รักลูกทั้งสองคนมากนะ ลูกทั้งสองคนคือดวงใจของแม่” หลินเจียวเจียวเธอก้มจูบหน้าผากลูกๆ ทั้งสองคน เด็กน้อยเมื่อได้ยินแม่บอกกับพวกเขาแบบนี้ก็ได้แต่ดีใจ ที่จริงแล้วแม่ของพวกเขาก็รักเธอและน้องชายเหมือนกัน ไม่เหมือนกับที่ย่ากับพวกป้าสะใภ้ว่าเธอและน้องชายเป็นเด็กที่แม่ไม่รัก
“ค่ะแม่หนูก็รักแม่เหมือนกัน” ซ่งเหมยจูบอกกับแม่ของเธอ
“ผมก็รักแม่เหมือนกับพี่ใหญ่” เด็กน้อยยิ้มทั้งน้ำตา ต่อไปนี้เขาไม่ต้องกลัวแล้วว่าแม่เขาจะทิ้งขว้างเขากับพี่ใหญ่ แต่ก่อนที่จะซึ้งไปมากกว่านี้ ท้องของซ่งจื้อผิงก็ร้องดังขึ้นมาซะก่อน สร้างเสียงหัวเราะให้กับหลินเจียวเจียวและซ่งเหมยจู
“ลูกทั้งสองคนยังไม่ได้กินอะไรกันใช่ไหม เดี๋ยวแม่ไปทำอาหารให้กินกันก่อนดีกว่า ลูกไปรอแม่ที่ห้องโถงก่อนนะ แม่ทำอาหารเสร็จแล้วแม่จะเรียก” เจียวเจียวบอกกับลูกทั้งสองคน พอเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อที่จะดูว่าพอที่จะมีอะไรทำให้ลูกๆ ทานได้บ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าในครัวแทบจะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อหรือพอจะหาอะไรทำให้ลูกๆ ทั้งสองคนทานได้เลย หลินเจียวเจียวได้แต่ด่าตัวเองในใจว่าทำไมก่อนหน้านี้เธอแทบจะไม่มีความเป็นแม่คนเอาซะเลย ปล่อยให้ลูกน้อยทั้งสองคนอดได้ไง ดูสิร่างกายของเด็กน้อยทั้งสองคนผอมแห้งขนาดนี้
หลินเจียวหยิบข้าวสารใส่ไว้ในโอ่งให้เต็ม และยังหยิบเนื้อสัตว์และไข่ไก่จำนวนหนึ่งออกมาจากมิติ รวมไปถึงเครื่องปรุงต่างๆ ที่เธอเอาออกมาใส่ในภาชนะที่มีให้เต็ม จากนั้นเธอตั้งหม้อหุงข้าว ดีหน่อยที่ห้องครัวของเธอสามีได้ทำเตาไว้ สองเตา ทำให้เธอสามารถหุงข้าวและทำอาหารพร้อมกันได้ เธอได้ทำไข่ตุ๋นใส่ปูอัดที่เธอหยิบเอาออกมาจากมิติ เมื่อข้าวสุกแล้วเธอได้ทำข้าวผัดหมูใส่ไข่ให้ลูกน้อยทั้งสองคนกิน เธอใช้เวลาไม่นานในการทำอาหารทั้งสองอย่าง เมื่ออาหารเสร็จแล้ว หลินเจียวเจียวก็ได้เดินมาเรียกลูกน้อยทั้งสองมาทานที่โต๊ะอาหาร แต่ก่อนที่จะทานเธอได้ให้ลูกทั้งสองคนไปล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะกินอาหาร และยังสอนลูกน้อยทั้งสองคนด้วยว่าต้องล้างมือทุกครั้งก่อนที่จะกินอะไร
“แม่นี่อะไรคะ หอมและน่ากินมากเลย” ซ่งเหมยจูถามแม่ของเธอ เธอเห็นว่าอาหารที่แม่ทำนั้นน่ากินและหอมมาก ส่วนซ่งจื้อผิงนั้นได้แต่ผงกหัวตามคำพูดของพี่สาว หลินเจียวเจียวไม่รู้ว่าลูกชายพูดน้อยเหมือนใคร
“นี่คือข้าวผัดหมูใส่ไข่ และอันนี้คือไข่ตุ๋น” หลินเจียวเจียวบอกลูกทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
เธอได้แอบดูการทำอาหารและยังมีหนังสือในห้างสรรพสินค้าเกี่ยวกับการทำอาหารมากมาย เธอเปิดดูครั้งเดียวก็จำได้ทั้งหมด แถมในช่วงที่เธอเป็นวิญญาณคุณตาให้เธอได้ใช้ชีวิตที่เป็นวิญญาณในการหาความรู้ต่างๆ เพื่อที่จะกลับมาเป็นหลินเจียวเจียวคนเดิม หลินเจียวเจียวนั่งมองลูกน้อยกินอาหารอย่างมีความสุข ซ่งจื้อผิงและซ่งเหมยจูสองพี่น้องนั่งกินอาหารกันจนแก้มตุ่ย สร้างความเอ็นดูให้กับคนเป็นแม่อย่างมาก เมื่อเห็นว่าลูกๆ กินอาหารกันใกล้เสร็จแล้ว หลินเจียวเจียวก็กลับเข้าไปปอกผลไม้ออกมาให้ลูกทั้งสองคนทานล้างปาก
เมื่อเห็นว่าลูกน้อยทั้งสองคนกินกันจนอิ่มเธอก็บอกให้ลูกน้อยออกไปเล่นที่หน้าบ้าน เพราะเธอต้องการที่จะทำความสะอาดบ้านและซักผ้าที่กองท่วมหัวอยู่ในห้อง หลินเจียวเจียวเริ่มต้นทำความสะอาดบ้านเธอเปิดหน้าต่างที่มีทั้งหมดเพื่อให้กลิ่นที่อับชื้นในบ้านนั้นหายไป พอเธอทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้วเธอก็เริ่มที่จะเปลี่ยนเครื่องนอนที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าสีเดิมคือสีอะไรกันแน่ เธอได้เอาที่เอาที่นอนที่มีอยู่ในห้างสรรพสินค้าออกมาไว้ที่ห้องเธอหนึ่งชุดเธอเปลี่ยนเครื่องนอนใหม่ทั้งหมด เธอรู้สึกว่าที่นอนที่เธอเอาออกมานั้นนุ่มและน่าจะสร้างความอบอุ่นได้ดีกว่าที่นอนเก่าของเธอ
เมื่อเธอทำการเปลี่ยนที่นอนหมอนและผ้านวมห้องเธอเรียบร้อยแล้ว หลินเจียวเจียวก็เข้าไปจัดการห้องของลูกน้อยทั้งสองคน เธอได้เอาที่นอนออกมาไว้ในห้องของลูกหนึ่งชุดด้วยเหมือนกัน เพราะว่าลูกทั้งสองคนนอนด้วยกันจากนั้นเธอก็เอาหมอนออกมาอีก สองใบและผ้าห่มนวมผืนหนาอีก หนึ่งผืนไว้ในห้องของเด็กๆ หลินเจียวเจียวคิดว่าหากลูกถามเธอจะบอกว่ามันมีอยู่แล้วในห้องของเธอ เพราะเด็กน้อยทั้งสองไม่เคยเข้าไปในห้องนอนของเธอเลยสักครั้ง เวลาที่สามีเธอกลับมาเขาก็มักจะมานอนที่ห้องของลูกๆ ซะมากกว่าที่จะมานอนร่วมห้องกับเธอ เมื่อหลินเจียวเจียวทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เรียกให้เด็กๆ เข้ามาดู
เด็กๆ เห็นว่าแม่ของพวกเขาได้ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดทุกซอกทุกมุม เด็กๆ ก็ได้แต่ยืนกันตาแดง แล้วไหนจะที่นอนและผ้าห่มใหม่ที่แม่ของพวกเขาได้เปลี่ยนให้อีก เด็กทั้งสองคนรู้สึกว่าแม่นั้นได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เด็กน้อยทั้งสองคนโผเข้ากอดแม่พร้อมกันและร้องไห้กันยกใหญ่
หลินเจียวเจียวพอเห็นว่าลูกทั้งสองคนโผเข้าอ้อมกอดของเธอพร้อมกันและร้องไห้กันจนน้ำตาไหลออกมาเยอะแยะ เธอก็ได้แต่กอดปลอบลูกๆ ของเธอ
“ไม่ร้องนะลูกรักของแม่ แม่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ลูกทั้งสองคนให้อภัยแม่คนนี้ได้ไหม แม่สัญญาว่าต่อไปนี้แม่จะปรับปรุงตัวเอง ไม่ทิ้งขว้างลูกทั้งสองคนอีกแล้ว แม่รักลูกทั้งสองคนมากนะจ๊ะลูกรัก” หลินเจียวเจียวพูดจบเธอก็จูบหน้าผากของลูกๆ เด็กน้อยทั้งสองคนเมื่อเห็นว่าแม่ของพวกเขาตอนนี้ทั้งอ่อนโยนและใจดี ไม่เหมือนตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ทุบตีพวกเขา แต่ก็ไม่เคยที่จะสนใจ อาหารการกินบางครั้งเธอและน้องชายยังต้องวิ่งไปขอที่บ้านตายายกิน เพราะทนกับความหิวไม่ไหว แต่ตอนนี้แม่ได้ทำอาหารที่อร่อย แถมยังทำความสะอาดบ้านที่แม่แทบจะไม่เคยทำ เธอดีใจเหลือเกิน อยากให้แม่เป็นแบบนี้ตลอดไป ไม่อยากให้แม่กลับไปเป็นคนเดิม
“แม่ครับ แม่เป็นแบบนี้ตลอดไปได้ไหม ผมกับพี่ใหญ่ไม่โกรธแม่หรอกครับ พวกเรารักแม่มากนะครับ” ครั้งนี้เป็นลูกชายของหลินเจียวเจียวที่ปกติแทบจะนับคำพูดได้เลย ส่วนซ่งเหมยจูนั้นได้ผงกหน้าตามน้องชายว่าเธอเห็นด้วยกับที่ที่น้องชายพูด
“แม่สัญญาจ๊ะว่าแม่จะเป็นแบบนี้ตลอดไปและแม่จะไม่กลับไปเป็นอย่างเดิมอีก” หลินเจียวเจียวให้สัญญากับลูกทั้งสองคน จากนั้นทั้งสามคนแม่ลูกกอดกันตัวกลมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสของเด็กน้อยทั้งสองคน
********************