“หลินเจียวเจียว ได้ยินที่เรียกไหม” เทพแห่งโชคชะตาร้องเรียก
หลินเจียวเจียวค่อยๆ ลืมตาเมื่อเธอได้ยินเสียงว่ามีคนเรียกเธอ ภาพที่เธอเห็นนั้นมีแต่ควันสีขาวซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันคือสถานที่ใด แต่เมื่อชายชราที่เรียกเธอโบกมือก็กลายเป็นสถานที่สีสวยงาม ที่แห่งนี้มีบ่อน้ำสีเขียวมรกต มีบ้านหลังน้อยอยู่หนึ่งหลัง ด้านข้างมีเล้าไก่ ในนั้นมีไก่ประมาณ ยี่สิบตัว ยังมีคอกหมูคอกวัว ในนั้นมีสัตว์อยู่เช่นกัน สำหรับเจียวเจียว เธอชอบสถานที่แห่งนี้มาก
“ท่านเป็นใครคะ ฉันตายแล้วใช่ไหม” หลินเจียวเจียวถาม
“ใช่ เจ้าตายแล้ว และข้าเป็นเทพแห่งโชคชะตา ข้าได้ยินในสิ่งที่เจ้าขอ ก่อนที่ข้าจะพาวิญญาณเจ้ามาที่นี่” ท่านเทพบอกกับหลินเจียวเจียว
“ใช่ค่ะ ถ้าหากว่าฉันมีโอกาสได้เกิดใหม่ ฉันหลินเจียวเจียวขอกลับไปเกิดเป็นคนเดิมได้หรือไม่คะ”
“ทำไมถึงอยากกลับไปเกิดเป็นคนเดิม ทั้งๆ ที่วิญญาณดวงอื่นๆ ต้องการที่จะไปเกิดเป็นคนใหม่ และสถานที่ที่เจ้าจากมา ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อาหารการกินก็ลำบาก กฎระเบียบก็เยอะ แถมยังไม่เจริญเหมือนที่อื่นๆ อีก” เทพแห่งโชคชะตาถามหลินเจียวเจียว
“เพราะฉันได้ทำผิดกับทุกคนในที่แห่งนั้น ทั้งพ่อแม่ที่ฉันไม่เคยได้ดูแลหรือกตัญญูต่อท่านทั้งสองเลย สร้างแต่เรื่องแต่ราวให้ท่านทั้งสองเสียใจ ยังมีพี่ชายอีกสองคน ที่ดูแลและตามใจฉันมาตลอด แต่ฉันกลับร้ายกาจสร้างเรื่องต่างๆ นานา ให้พี่ชายทั้งสองเสียใจ ไหนจะลูกทั้งสองคนของฉัน ที่ฉันไม่เคยได้ดูแลไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่”
หลินเจียวเจียวบอกกับเทพแห่งโชคชะตา แต่เธอเลือกที่จะไม่พูดถึงชายที่เธอรักมากที่สุด เธอคิดว่าถึงยังไงเขาก็ไม่เคยรักเธอถ้าหากเธอสามารถกลับไปได้ หากสามีเธอต้องการที่จะหย่า เธอก็จะยอมหย่าให้แต่เธอขอลูกทั้งสองคนไว้ก็พอ เพราะเธอก็ไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่เหมือนกัน ชีวิตนี้มีลูกทั้งสองคน พ่อแม่และพี่ๆ เธอก็พอใจแล้ว
แต่ว่าสิ่งที่หลินเจียวเจียวคิดกลับเป็นท่านเทพที่สามารถรับรู้ได้ทั้งหมดท่านจึงเอ่ยขึ้นว่า
“หากเจ้าคิดว่าสามีไม่รักเจ้านั้น เจ้าคิดผิดหลินเจียวเจียว คนอย่างสามีของเจ้าหากว่าเขาไม่เต็มใจก็ไม่มีใครสามารถมาบังคับเขาได้ ข้าจะพาเจ้าไปดูให้รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เจ้าตาย”
แล้วท่านเทพแห่งโชคชะตาก็พาเธอกลับไปยังที่ที่เธอจากมา ภาพที่เธอเห็นนั้น ลูกทั้งสองคนต้องทำงานในบ้านซ่งแทบทุกอย่าง บ้านซ่งบอกกับแม่ของเธอว่าเด็กทั้งสองคนบ้านซ่งจะเป็นคนนำไปดูแลเอง เพราะยังไงทั้งสองคนก็ใช้แซ่ซ่ง แม่และพ่อของหลินเจียวเจียวถึงแม้จะโกรธบ้านซ่งขนาดไหน พวกท่านทั้งสองคนก็ได้แต่ยินยอม จริงๆ แล้วที่แม่ของสามีเธอต้องการหลานทั้งสองมาไว้ที่บ้านแม่สามีแค่ต้องการเงินเดือนที่สามีเธอส่งมาให้ ไม่ได้คิดที่อยากจะเลี้ยงดูลูกๆ ของเธอทั้งสองคนจริงๆ ทำให้เด็กน้อยทั้งสองคนต้องทำงานทุกอย่าง ข้าวก็ได้กินแค่น้ำข้าวต้ม เธอได้ยินเด็กทั้งสองนอนกอดกันร้องไห้เรียกหาแม่ ทำให้เธอนั้นร้องไห้น้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด แต่แล้วอยู่ๆ ภาพก็ตัดมาที่สามีของเธอที่ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บและเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านจึงได้รู้ว่าภรรยาที่รักตายไปแล้ว เธอเห็นสามีเสียใจในการตายของเธอก็ทำให้หลินเจียวเจียวทำอะไรไม่ถูก เธอได้รับรู้ว่าจริงๆ แล้วซ่งเฉินหยางก็รักเธอไม่น้อยไปกว่าที่เธอรักเขา แต่เพราะเขาต้องกลับไปทำงานที่ค่ายทหาร หากว่าเขาทำดีกับเธอเขากลัวว่าแม่ของเขาจะรังแกเธอ เพราะแม่ของเขานั้นต้องการให้ซ่งเฉินหยางแต่งงานกับซูเย่วอิง และที่ทำให้เธอตกใจไปกว่านั้นเขาพูดตอนที่กอดชุดของเธอว่า
“เจียวเจียวน้องรู้ไหมว่าพี่แอบรักน้องตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่เจอหน้าของน้อง ตอนที่เราแต่งงานกันพี่ดีใจมาก แต่พี่ต้องทำเหมือนไม่สนใจไม่ไยดี เพราะพี่ไม่ต้องการให้คนในบ้านมารังแกน้อง” จากนั้นซ่งเฉินหยางก็พูดความในใจทั้งหมดที่มีต่อภรรยาของเขา พูดไปน้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลออกมาเป็นสาย
หลินเจียวเจียวเมื่อได้รับรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะเธอเข้าใจผิดไปเองทั้งนั้น สามีไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่เพราะรักถึงต้องทำแบบนี้ กลับกลายเป็นเธอเองที่ทำร้ายทุกคนที่รักเธอ หลินเจียวเจียวได้แต่เสียใจกับการกระทำของตัวเองที่ผ่านมา
“ท่านเทพขา ช่วยให้ฉันกลับไปได้ไหมคะ ฉันไม่ขออะไรอีกแล้ว ขอได้แค่กลับไปก็พอ ฮือ ฮือ” หลินเจียวเจียวอ้อนวอนร้องขอต่อท่านเทพโชคชะตา
“ถ้าข้าให้เจ้าเลือกไปเกิดใหม่ และครอบครัวที่จะไปเกิดใหม่นั้นร่ำรวยมาก เจ้าจะมีชีวิตสบายไปทั้งชาติ แต่ถ้าหากว่าเจ้าต้องการกลับไปเป็นหลินเจียวเจียวเหมือนเดิม เจ้าจะไม่ได้อะไรจากข้าเลย เจ้าจะยินยอมหรือไม่” เทพแห่งโชคชะตาให้เลือก
“ฉันยอมค่ะ ขอแค่ฉันได้กลับเป็นเป็นหลินเจียวเจียว ต่อให้ลำบากกว่านี้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ให้ฉันได้กลับไปอยู่กับครอบครัวก็พอ” หลินเจียวเจียวรีบพยักหน้าตอบและเลือกที่จะกลับไปเป็นเธอคนเดิม
“แล้วสามีเจ้าละ ถ้าเขากลายเป็นคนพิการอย่างที่เจ้าเห็น เจ้าจะทำยังไง”
“ฉันจะดูแลเขาเองค่ะ เพราะเขาคือคนที่ฉันรักและยังเป็นพ่อของลูกๆ ฉันอีก ฉันไม่มีทางทิ้งเขาแน่นอนค่ะ” หลินเจียวเจียวเงยหน้าสบตาท่านเทพตอบอย่างเด็ดเดี่ยว
“ถ้าอย่างนั้นเจ้ายื่นมือมาข้าจะให้อะไรเจ้า” เมื่อหลินเจียวเจียวยื่นมือให้ท่านเทพ บนฝ่ามือของเธอก็ปรากฏรูปดอกไม้ขึ้น
“ดอกไม้บนฝ่ามือเจ้าคือมิติ ทุกสิ่งที่อยู่ในนี้จะเป็นของเจ้า เจ้าสามารถพาใครเข้ามาในนี้ก็ได้ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง น้ำในบ่อที่เจ้าเห็น ถ้าเจ้านำน้ำไปดื่มก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง คนที่เจ็บป่วยก็จะหาย แต่ถ้าเจ้าไม่อยากให้ใครสงสัยเจ้าก็ผสมให้มันเจือจาง ขอแค่คนคนนั้นยังพอมีลมหายใจเจ้าก็จะสามารถช่วยเขาได้ แต่ข้าขอเตือนหากจะช่วยคนจงช่วยคนที่สมควรช่วยเท่านั้น ไม่ว่าสิ่งใดที่อยู่ในนี้เมื่อเจ้านำออกไปมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นมาเอง”
“ข้าจะพาเจ้าไปดูในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับที่ที่เจ้าจากมา ตามข้ามา”
ท่านเทพเจ้าชะตาพาเจียวเจียวข้ามกาลเวลามีดูแต่ละปีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจนมาถึงยุคที่เฟื่องฟูที่สุด
“ท่านเทพเจ้าขา นี่คืออนาคตจริงๆ เหรอคะ ทำไมมีแต่ตึกสูงเสียดฟ้า แบบนี้ละคะ” หลินเจียวเจียวถามขึ้น เพราะสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าทำให้เธอตื่นตาตื่นใจมาก ไม่ว่าอะไรก็ใหญ่โตไปซะหมด เจียวเจียวเห็นทั้งคอนโดที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ดูห้างสรรพสินค้าสิ มีทุกอย่างให้เลือกสรรมากมาย มาที่เดียวแต่ได้ครบทุกอย่าง เอ๋! แต่ทำไมถึงมีร้านทองร้านอัญมณีขายให้เกลื่อนเลยละ
“ท่านเทพเจ้าขา ทำไมถึงมีร้านขายทองและพวกอัญมณีละคะ ยุคที่ฉันอยู่ของพวกนี้ไม่มีค่าเลยแถมถ้าใครครอบครองมีสิทธิ์โดนทหารจับไปอีกด้วย” เจียวเจียวถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ใช่ยุคสมัยนี้ของพวกนั้นมีค่ามาก หากว่าเจ้ากลับไปแล้วมีโอกาสที่จะหาได้ก็จงเก็บไว้ละ รู้ไหมว่ายิ่งเก่าของบางอย่างยิ่งแพง ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดหรือของตกแต่งบ้าน”
“เอาละ เวลาก็เลยมามากแล้ว ตาจะให้เวลาเจ้า สามชั่วโมงในการเลือกของที่จะไปในยุคของเจ้า อยากได้อะไรก็แค่ตั้งจิตแล้วพูดว่าเก็บ ของเหล่านั้นก็จะเข้าไปอยู่ในมิติของเจ้า ตาไปละเลือกของให้ดี”
“เดี๋ยวค่ะท่านเทพ ไม่ว่าของชิ้นนั้นจะใหญ่จะเล็ก ก็สามารถเอาเข้าไปได้เหรอคะ แล้วคนไม่สงสัยเหรอ หากฉันเอาสิ่งนั้นเขาเก็บในมิติ” เจียวเจียวต้องการที่จะถามให้เข้าใจ อยู่ๆ ของหายไปตรงหน้าคนไม่ตกใจตายเหรอ
“เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าเป็นเพียงวิญญาณ ไม่ว่าเจ้าจะเอาอะไรเข้ามา ของชิ้นนั้นยังอยู่เหมือนเดิม แต่มันจะเข้าไปในมิติตามที่เจ้าต้องการด้วย แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่เจ้ากลับไปอยู่ในร่างเดิมแล้วหากเจ้าเอาของเข้ามิติไม่ระวังคนอื่นเห็นก็คงจะตกใจและอาจจะหาว่าเจ้าเป็นปีศาจ ส่วนที่เจ้าถามว่าของชิ้นใหญ่เข้าไปได้ไหม ข้าจะบอกเจ้าว่าแม้แต่เจ้าเอารถหรือห้างสรรพสินค้าเข้าไปก็ยังเข้าไปได้ เพราะพื้นที่ในมิติจะขยายได้ตามที่เจ้าต้องการ ทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง” ท่านเทพบอกด้วยท่าทางหงุดหงิดที่หลินเจียวเจียวถามมาก จากนั้นท่านตาหายแวบไปทันที ก่อนที่จะมาเสียงลอยมาว่า
“ครบ สามชั่วโมงเจ้าจะหายไปหาข้าเอง จำเอาไว้ และทำเวลาให้ดีๆ ด้วยละ หากว่าหมดเวลาแล้วยังได้ของไม่ครบเจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้นะนังหนูเจียวเจียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เมื่อเวลาเริ่มเดิน หลินเจียวเจียวก็ลอยตัวเข้าไปในห้างสรรพสินค้า อันดับแรกเธอเข้าไปแผนกอาหาร จากนั้นเธอตั้งจิตและแตะที่ของต่างๆ ตามที่เธอต้องการ เจียวเจียวใช้เวลาเกือบชั่วโมงแล้วเธอก็ยังไปไม่ทั่วทั้งห้าง จนเธอนึกถึงคำพูดของท่านตาได้ว่าไม่ว่าของชิ้นนั้นจะใหญ่แค่ไหนเธอก็สามารถเอาเข้าไปได้เหมือนกัน หลินเจียวเจียวได้แต่ยิ้มกับความคิดของตัวเอง