ความจริงที่ต้องตามสืบ

1318 Words
“ฉัน...คือ... เอาข้าวมาให้...” หล่อนยื่นปิ่นโตให้ชายหนุ่มไปอีกครั้ง รู้สึกแปลกๆ กับท่าทีอีกฝ่าย แต่อีกคนกลับไม่สนองความต้องหล่อนเอาเสียเลย คิ้วหนายังคงผูกปม จนน่าหมั่นไส้ “รับไว้เถอะ เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยฉันไว้” เอ่ยต่อไปอีกนิด แล้วก็ได้คำตอบจากอีกฝ่าย ที่เริ่มหาลิ้นตัวเองเจอ “ที่ผมทำไป ผมไม่ได้หวังคำขอบคุณหรือสิ่งตอบแทนจากคุณเลยนะ” น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่มันเหมือนบอกปัดน้ำใจของอีกฝ่ายนิ่มๆ ผู้ชายยิ้มยากอย่างนี้ทุกคนเลยหรือเปล่าหนอ... ถามกับตัวเอง แม้จะใจแป้วไปแล้ว ขนาดว่าเอ่ยคำพูดออกมา ใบหน้าของเขา มันช่างเก็บความรู้สึกไว้ดีจริงๆ... คิดไปว่าผู้ชายคนนี้ยังมีหัวใจและความรู้สึกอยู่บ้างหรือเปล่า หรือ... จะเป็นเฉพาะกับคนแปลกหน้า... คิดไป มองคนตรงหน้าอย่างพินิจ อาการเงียบนิ่งทำ เอาชลิดารู้สึกไม่ได้ดั่งใจ “บอกให้รับก็รับไปเถอะ...” คนตั้งใจจริงไม่ลดละความพยายาม ยกของในมือกระแทกไปที่หน้าอก จนอีกคนที่ไม่ทันตั้งตัวเซถอยหลัง โดยมือหนายกจับปิ่นโตไว้อย่างลืมตัวเช่นกัน “แล้วนี่ก็ยา กินซะ เผื่อมันจะมีอาการปวดเมื่อยขึ้นมา” วางกระปุกยาบนฝาปิ่นโตบนสุด จากนั้นจึงหันหลังกลับ แต่แล้วก็ต้องตกใจพร้อมกระโดดลอยตัวขึ้นเหนือพื้น เมื่อแมวที่เลี้ยงไว้วิ่งพรวดลอดหว่างขา ผ่านประตูที่แง้มไว้นิดเดียว เข้าบ้านพักคนตัวโตไป “อ้าว เจ้าชมพู่!” ร้องเรียกแต่ไม่ทัน เมื่อเจ้าชมพู่วิ่งฉิวหายเข้าไปแล้ว “อะ คุณ...” มองหน้าเจ้าของบ้านเช่าเหมือนต้องการขอความคิดเห็น มันไม่เกี่ยวกับเขา...! เบนยักไหล่ไม่ใส่ใจ ได้ไง...? คนเดือดร้อนค้อน ถามในใจ “เจ้าชมพู่... มันเข้าไปแล้ว...” บอกเสียงอ่อย สายตาละห้อยมอง จะเข้าไปเอาก็ไม่กล้า จะรอให้อีกคนบอกความต้องการ แต่ก็ไม่สนองกลับนิ่งเงียบ “เอ่อ...” หล่อนเริ่มลังเล เมื่ออีกฝ่ายไม่คิดช่วยอะไร แถมยืนนิ่งพร้อมเลื่อนมือข้างหนึ่งจับขอบประตูไว้ เหมือนกลัวว่าคนที่อยู่ด้านหน้าจะพรวดพราดเข้าไปเหมือนแมวที่เลี้ยงไว้อีก ชลิดาเริ่มเข้าใจความต้องการของอีกฝ่ายดี ท้องฟ้าเริ่มเดินทางเข้าสู่พลบค่ำ สายลมที่พัดผ่านเข้ามากระทบผิวกาย หรือเพราะดวงตาภายใต้กรอบแว่นดำที่มองตรงมา มันทำให้ขนอ่อนๆ ชี้ชัน ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ ว่าเป็นเพราะอากาศรอบกายหรือเพราะสายตานั้น... มันคงได้เวลากลับเสียที ก็หล่อนเป็นผู้หญิงจะมายืนจ้องหน้ากับผู้ชายแปลกหน้านานๆ มันก็กระไรอยู่ ชิ! ตัดสินใจหันหลังกลับ เมื่อทำสิ่งที่ตั้งใจทำเรียบร้อยแล้ว                  เมื่ออีกฝ่ายหันหลังกลับไป เบนจึงก้มมองสิ่งที่เขากอดไว้เหมือนของแปลก ไม่เข้าใจว่าผู้หญิงที่เขาไม้รู้จักแม้แต่ชื่อเอาปิ่นโตมาให้ แล้วสิ่งที่ตนเองทำอยู่นี่ มันถูกหรือไม่...? เมื่อหาคำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจให้ตนเองได้ เบนจึงแทรกกาย เข้าบ้านและปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย วางปิ่นโตในมือที่มีอยู่ด้วยกันสามชั้นซึ่งมีประปุกยาวางอยู่ด้านบน ลงบนโต๊ะเตี้ยที่อยู่ใกล้กับเก้าอี้ตัวยาวที่เขาเพิ่งลุกขึ้น แล้วถอดแว่นดำออกวางไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่เผลอทับมันหักเหมือนอันอื่นๆ ที่ผ่านมา สมองที่ใช้การอย่างหนักเกือบครึ่งชีวิตในวัย 30 คิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น ผู้หญิงใจกล้า ยืนเถียงกับผู้ชายอย่างกับตัวเองเอาชนะพวกผู้ชายนั้นได้ คิดแล้วก็ทุกข์ใจแทนพ่อแม่ ที่กล้าปล่อยลูกสาวหน้าตาดีออกมาอยู่ตามลำพังกับโลกภายนอก หากแค่พลาดถือว่าทุกอย่างมีแต่ความเจ็บปวด...   เสียงรถที่แล่นผ่านไปมาไม่มากนักของถนนสายนี้ มันจึงดูสงบ บรรยากาศและสภาวะสิ่งแวดล้อมก็ดี เบนจึงคิดว่าการนอนนอกห้องคงจะหายใจได้สะดวกมากกว่าการนอนในห้องอับๆ ดวงไฟถูกปิดลงพร้อมๆ  กับเท้าหนาตรงไปยังที่หมายอย่างไม่รีรอ โดยมีแสงไฟด้านนอกส่งผ่านเข้ามาพอให้เห็นภายในลางๆ  แต่สิ่งด้านนอกเรียกความสนใจจากเขาได้ไม่น้อย เมื่อความสงบ มาพร้อมกับเสียงรถยนต์ที่มีความเงียบอยู่ในตัว บ่งบอกถึงสมรรถนะและราคาของรถยนต์คันนั้นได้เป็นอย่างดี และบรรยากาศที่เงียบสงบยามค่ำคืนในบริเวณนี้มันช่างเป็นใจ ทำให้เสียงเครื่องยนต์นั้นดังเข้ามาชัดเจน ภาพที่เห็นมันทำให้ผู้ชายอย่างเขาเริ่มคิดทบทวนใหม่ หล่อนไม่ใช่แค่คนเช่าบ้านธรรมดาแน่นอน จากที่ผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวดีเดินลงจากรถ การยกมือไหว้โอบกอดและพูดคุยอย่างสนิทสนม และสิ่งของที่ชายสูงวัยหิ้วเข้าไปในบ้านเช่าหลังนั้น มันทำให้เบนคิดไปไกลกว่านั้น! จะตั้งซุปเปอร์มาเก็ตไว้ในบ้านหรือไง...? เบนคิด รู้สึกว่าผู้หญิงข้างบ้านดูแปลกไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าการทำตัวและความเป็นอยู่กับภาพที่เห็นตอนนี้ ของอะไรมากมายหรือจะหนีน้ำท่วม...? เบนอดคิดไปไม่ได้ ทั้งที่ช่วงนี้ไม่น่าใช่ฤดูน้ำหลาก รถคันใหม่เอี่ยมจอดได้ไม่นานนักก็ขับออกไป เบนจึงดึงม่านหน้าต่างที่แง้มไว้เพียงนิดให้ปิดสนิทดังเดิม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวได้เข้าในบ้านตัวเองไป พร้อมกับแสงไฟที่ดับลงในไม่กี่นาทีถัดมา ร่างหนานั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้าคิดจะเปลี่ยนใจไม่นอนตรงนี้แล้ว ในใจผ่อนคลายลง ตั้งใจจะงีบเอาแรง แต่ยังไม่ทันได้หลับตา เสียงเครื่องรถยนต์คันใหม่ ก็ดังผ่านเข้ามาใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เครื่องยนต์ไม่เงียบเหมือนคันก่อนหน้า แล้วผ่อนเครื่องลงอย่างผิดสังเกต ตำแหน่งที่ฟังเสียงจอดอยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าบ้านเช่านัก แม้วันนี้จะเจอเรื่องที่ไม่อยากจะเจอมาหลายครั้ง แต่เหตุการณ์แบบนี้ทำให้เบนต้องลุกขึ้นเฝ้าดูอีกครั้ง                                                                   รถกระบะมาสด้าสีดำ กระจกด้านข้างถูกเปิดออก แม้เวลานี้จะมืด แต่แสงไฟที่ถูกติดตั้งตามถนนเป็นแนวยาวตามเส้นทาง ทำให้พอเห็นว่าคนในรถกำลังสนใจสิ่งใดอยู่ หากสิ่งที่เห็นมันทำให้ชายหนุ่มถึงกับตกตะลึง ลักษณะของรถและคนที่อยู่ภายในรถที่โผล่หน้าออกมา มันทำให้เบนฉีกยิ้มออกมา  งานคงเดินมาถูกทางตามแหล่งข่าวที่ได้รับข้อมูลมา หากแต่พวกนี้โผล่มาแถวบ้านเช่า ในเวลานี้ได้อย่างไร...? นั่นคือข้อสงสัยของเบนที่กำลังใช้สมองจัดเตรียมหาคำตอบ มันไม่ได้เกี่ยวกับเขาแน่ สิ่งที่เขากำลังกระทำ ไม่มีใครรู้ได้เด็ดขาด นอกจากเพื่อนรวมงานและหน่วยงานหลักเท่านั้นซึ่งรู้กันไม่กี่คน... เบนมั่นใจในการทำงานที่รัดกุมของตัวเองดี  รู้ดีว่าสิ่งที่เรียกความสนใจของพวกนั้น คือใครบางคน มันจะเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวที่อยู่บ้านเช่าติดกัน ตอนนี้เขาอยากรู้ขึ้นมาแล้วว่าเธอไปเขม่นอะไรกับคนพวกนี้มา “ยัยจุ้น ไปหาเรื่องสร้างศัตรูที่ไหนมากันแน่?” เบนส่ายหน้าไปมาช้าๆ หากคนเก่งอย่างเขาเริ่มจับทางไม่ถูก ว่าสาวสวยร่างเล็กจะไปสร้างศัตรูไว้กับพวกมีอิทธิพลด้านมืดได้อย่างไร  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD