เท้าเรียวหนาจัดการพาตัวเองลงมาชั้นล่าง และมุ่งตรงมายังสองหญิงต่างวัยที่กำลังเดินกลับเข้ามา
ร่างหนาสมส่วนในชุดถนัดกางเกงยีนเสื้อยืดชุดเดิม หยุดลง พร้อมๆ กับบุคคลที่กำลังเดินสวนมาก็หยุดลงเช่นกัน
“ป้าครับ ยังไงคืนนี้ผมฝากคุณดานอนที่นี่สักคืนนะครับ”
เบนเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน เมื่อถึงเป้าหมาย โดยคนยืนอยู่ด้านหน้าพยักหน้ารับรู้และมองไปยังอีกคนว่าจะตอบรับเช่นไร
แต่เบนกลับมองผ่านเลยไป ไม่คิดจะบอกก่อนหรือถามความสมัครใจเจ้าหล่อน อย่างที่บอกไว้กับเพื่อนรัก ว่า... จะลงมาบอกหล่อน
“อ้อ ได้ๆ ป้ายินดีอยู่แล้ว” เจ้าของบ้านยิ้มในหน้าอย่างยินดี
นั่นคือคำตอบของเจ้าบ้าน แต่คนที่ชายหนุ่มมองข้ามไป กลับทำหน้าเหมือนเห็นของแปลก และสีหน้าบ่งบอกว่าพร้อมจะเอาเรื่องอีกคน ป้าสายเมื่อเห็นหนุ่มสาวคุยกันจึงเลี่ยงเดินออกอีกทาง ปล่อยให้ทั้งสองได้คุยกันตามสะดวก “ได้ไง... คุณไม่ได้บอกว่าจะพามานอนค้างที่นี่ อีกอย่างฉันมัวแต่เพลิน ลืมคำถามที่คุณยังไม่ได้ตอบเลยนะ หากรู้ว่าคุณโกหก ฉันก็ไม่อยากจะมากับคุณหรอกนะ”
เมื่อได้โอกาสจากคนสูงวัยที่เดินเลี่ยงออกไป ชลิดาก็รัวด้วยคำถามทันที แต่ในใจจริงๆ รู้สึกเสียดายหากไม่ได้มาเห็นความเป็นอยู่ที่เต็มไปด้วยการเกษตรด้วยทฤษฎีใหม่ เพราะความรู้ในห้องเรียนกับการเข้ามาสัมผัสและลงพื้นที่เองมันแตกต่างกัน
“คำตอบผมมีให้คุณอยู่แล้ว... แต่หากคุณฟังแล้วคิดมาก ผมก็ไม่รู้จะบอกคุณไปทำไม ยังไงคืนนี้ผมคงพาคุณกลับไปไม่ได้ เพราะผมต้องออกไปทำงาน กลับก็คงพรุ่งนี้เช้า” น้ำเสียงหนักแน่นบ่งบอกว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
“อ้าว! แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก” ตากลมโต ถลึงตามอง
หากเขาบอกจริงๆ ตอนนี้ เธอก็คงให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้อยู่ดี ว่าต้องการมากับเขาหรือเปล่า...
“แล้วหากผมบอกไป คุณมาด้วยหรือเปล่าล่ะ” ไหวไหล่ รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่พอใจจริงๆ แต่จะทำไงได้ในเมื่อเขาเลือกทำไปแล้ว
“ไม่อยู่แล้ว” เสียงแหลมโต้กลับ สองแขนยกขึ้นกอดอก ทั้งที่ใจจริงไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไร
“นั่นยังไงละ ผมเลยไม่บอก...” เบนเชื่อสนิทว่าหากเขาบอกความจริงออกไปหญิงสาวคงไม่ตามเขามาอย่างแน่นอน
“ไม่ได้ห่วงตัว แต่ห่วงภาพพจน์ของตัวเองสินะ...ชีวิตมันไม่ได้เกิดขึ้นและอยู่รอดมาง่ายๆ หรอกนะ อย่าลืมว่ามีคนที่ส่งเสียเลี้ยงดูมานะ หมดไปเท่าไหร่ กว่าจะเลี้ยงมาได้ขนาดนี้ แล้วจะเอาไปทิ้งไร้ค่าได้อย่างไรกันเล่า”
เบนต่อประโยคแกล้งต่อว่าออกมา ไม่เข้าใจว่าภาพพจน์ที่ทุกคนสร้างขึ้นมาจะช่วยชีวิตให้อยู่รอดได้อย่างไร หากไม่ใช้สมองในการคำนวณหลักความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้น ในกรณีสาวสวยตรงหน้าเป็นต้น
“นิ คุณ!” สีหน้าเรื่อขึ้น เชิดน้อยๆ กัดริมฝีปากด้วยความคับแค้น ทิ้งแขนทั้งสองข้างลงข้างลำตัว “คุณกำลังดูถูกฉันอยู่นะ” ใบหน้าหวานภายใต้เครื่องหน้าที่งามลงตัว เชิดสูงขึ้นกว่าเดิม
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร คุณก็คิดถูกแล้วนิ”
สีหน้าไม่แคร์ ยกยิ้มในหน้า ... เขาดูหล่อนถูกจริงๆ นิ สวยเชิดเลิศหยิ่งไม่มีใครเกินผู้หญิงตรงหน้าอีกแล้ว... เบนคิดหันมองไปอีกด้าน หลบยกยิ้มมุมปากขำกับอาการเจ้าแม่คุณหนู
“หือ... ฉันหลงผิดจริงๆ” กระชากเสียงสะบัดหน้าพรืด ในเมื่อมันจริงทุกอย่างแล้วเธอจะต่อด้วยคำพูดอะไรอีก... ชลิดาเอ่ยจำยอม คร้านจะเถียง
เมื่อไม่อาจทำอะไรไปได้มาก เพราะความไม่สนิทและแท้จริงผู้ชายคนนี้มีจิตใจอย่างไรกันแน่ เธอคงสรุปอะไรไม่ได้ตอนนี้ ที่สำคัญเธอเป็นคนวิ่งขึ้นรถเขามาเอง สิ่งที่ทำได้ตอนนี้เงียบและรอดูเท่านั้น...
“ไม่มีอะไรแล้ว ผมกับเจ้าเกรียงจะต้องออกไปแล้วละ ยังไงอย่าทำอะไรให้ป้าสายเดือดร้อนล่ะ” เอ่ยเตือนเหมือนคนตรงหน้าเป็นแค่เด็กเล็กๆ
เอ่ยพอให้อีกคนได้เข้าใจ เบนก็หันหลังกลับ เดินนำหน้าคนตัวเล็กไป ปล่อยให้คนด้านหลังสีหน้าบูดเบี้ยวหายใจฟึดฟัด ก้าวเดินตามทิ้งระยะห่างพอควร
“ชิ...!” เบะปากหมั่นไส้ในความคิดอีกฝ่าย ผู้หญิงอย่างชลิดาไม่เคยมีใครมาสั่ง...! ค่อนขอดในใจ แต่ก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมเธอถึงยอมและไม่คิดโวยวาย
เบนตรงไปยังโรงจอดรถเพราะรถของเขาจอดอยู่ที่นั่น เดินห่างออกมาพอสมควร ลมหายใจร้อนๆ ถูกปล่อยออกมา รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากกับอาการไม่โวยวายของสาวสวย อย่างที่นึกกลัว
เกรียงศักดิ์ ยืนกอดอกรอเอ่ยถาม รู้ว่าสีหน้าเพื่อนเหมือนเพิ่งยกภูเขาออกจากอกกับอาการถอนหายใจที่ดังจนเขาเองได้ยินชัดเจน แต่ก็อดเย้าเพื่อนรักไม่ได้ “เป็นไงโอเคเปล่า... ฉันว่า...”
“อืม... พอไปได้แล้ว” ยกมือห้ามเพราะรู้ว่าเพื่อนจะเอ่ยว่าอะไรอีก
แต่คนอย่างเกรียงศักดิ์มีหรือจะฟัง หากไม่พูดเหมือนเขาจะท้องอืดกระนั้น ความคิดที่คั่งค้างจึงเปล่งออกมาเป็นคำพูด “อะไรวะ ฉันก็แค่จะบอกว่า หากกลัวทนความคิดถึงไม่ไหวก็พาไปด้วยก็ได้ ฉันยอมสละเป็นพลขับให้” แกล้งเอ่ยไป ทั้งที่จริงมันเป็นไปไม่ได้ที่เพื่อนรักอย่างนายเบนจามินจะทำแบบนั้น
“พอเลย” เสียงทุ้มเอ่ยบอกพร้อมเสียงดังปึ๊ก! หนึ่งครั้ง
ร่างของเพื่อนรักช่างเย้าก็คู้ตัวงอลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกห่อปากพร้อมเสียงกดอาการปวดเอาไว้
“โอ๊ย ซี้ดดด...”
สองแขนกอดกดลงไปบนหน้าท้อง ที่โดนตบรางวัลได้อย่างเจ็บแสบ มองเพื่อนรักสายตาประกายวาววับด้วยความชอบใจ โดยอีกคนเข้าประจำตำแหน่งพลขับเรียบร้อย
“ถ้าขืนยังช้าอีก ฉันจะให้นายวิ่งไป”
เบนตะโกนออกมาพร้อมเครื่องยนต์ถูกสตาร์ท์ขึ้น เร่งเครื่องสองสามครั้งจนควันเขม่าฟุ้งกระจาย เพราะรถจอดไม่ใช้งานมาหลายวัน
“โอ๊ย ทำมาเป็นรีบ ทีเมื่อกี้สั่งเสียซะนานสองนาน” ปากบ่นมือโบกสะบัดไล่ควันที่ลอยคละคลุ้ง แล้วรีบวิ่งไปตามคำเรียก