ผู้คนกำลังลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ กับผลการประกวด Miss Thailand Universe ภาพของผู้หญิง 2 คนกำลังกอดกันอยู่กลางเวที จิตใจของทั้งสองคนกำลังจดจ่ออยู่กับผลคะแนน ที่กำลังจะประกาศในไม่อีกกี่วินาทีข้างหน้า
นาถลดากำลังหลับตา อยู่บนเวที หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง สิ่งที่เธอคาดหวังมาตลอดทั้งชีวิต มันจะเป็นความจริงในไม่อีกกี่วินาทีข้างหน้าอย่างที่เธอได้คาดหวังไว้หรือไม่? เพราะเธอคือตัวเต็ง ในการประกวดครั้งนี้
ชีวิตของหญิงสาว ถือว่าสมบูรณ์แบบ เธอมีดีกรีเป็นถึงนักเรียนนอก ที่มากความสามารถ มีพ่อแม่เป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงระดับโลก ทุกอย่างในชีวิต ไม่เคยพบกับความยากลำบากมาก่อน
ความสมบูรณ์แบบเหล่านี้หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจ และไม่เคยพบเจอกับความผิดหวัง เมื่อต้องการสิ่งใด เธอมักจะได้ในสิ่งที่ต้องการเสมอ
เงินทอง อำนาจ สิ่งเหล่านี้ หญิงสาวล้วนไม่เคยขาด จะมีก็แต่เพียงชื่อเสียงที่เธอต้องการสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวของเธอเอง โดยที่ไม่ได้อาศัยบิดามารดา เธอจึงได้ มาร่วมแข่งขันในครั้งนี้ และในไม่กี่วินาทีข้างหน้า เธอก็จะได้รู้แล้วว่า ความปรารถนาของเธอมันจะเป็นจริงหรือไม่...
แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูป และเสียงหัวใจของหญิงสาว ที่กำลังเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งอยู่ในตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าแทบอยากจะหยุดหายใจ …
ตึก ตึก ตึก ตึก!!!
"ผลการประกวด…" ยังไม่ทันที่ผู้ประกาศจะได้ประกาศผลคะแนน ทุกคนก็ ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างตกใจของผู้หญิงที่อยู่บนเวทีอีกคนหนึ่งขึ้นมาเสียก่อน
กรี๊ด!!!
"ขอพร!! ... เธอเป็นอะไรเกิดอะไรขึ้น ช่วยด้วยค่ะ" ในขณะที่ความตื่นเต้นกำลังเข้าครอบงำ ทันใดนั้นเธอก็ได้รู้สึกถึงน้ำหนักตัวของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ที่กำลังกอดเธออยู่ เธอคือผู้แข่งขันอีกคนหนึ่งที่กำลังลุ้นอย่างระทึก กับการประกาศผล และเมื่อเธอได้รับรู้ว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้น เธอจึงได้ลืมตาขึ้นมาถึงได้พบว่า คู่แข่งของเธอ อย่างนาถลดาหรือ ขอพร ได้มีใบหน้าซีดเผือดและทิ้งน้ำหนักตัวลงมาที่ตัวของเธออย่างไร้น้ำหนัก ด้วยความตกใจเธอจนกรีดร้องออกไป เพื่อขอความช่วยเหลือ
"เกิดอะไรขึ้นคะ" หนึ่งในพิธีกรที่อยู่บนเวทีได้รีบรุจเข้าไปตรวจสอบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่านาถลดาหรือขอพร ได้มีใบหน้าที่ซีดขาว ราวกับว่าคนตาย ไปเสียแล้ว
กรี๊ด!!!
"นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นหมอคะช่วยด้วย"
และความโกลาหลก็ได้เกิดขึ้นบนเวที ทีมแพทย์ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดก็ได้พบว่า นาถลดาหนึ่งในผู้เข้าประกวด Miss Thailand Universe ในปีนี้ ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ด้วยภาวะ หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนทั่วทั้งประเทศ และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมากด้วยไม่คิดว่า เรื่องราวเช่นนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้
หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันจากการลุ้นผลการประกวดนางงาม…
ณ วังหลวงแคว้นฉู่ วันนี้เป็นวันครบรอบ วันพระราชสมภพของไทเฮาของแคว้น งานเฉลิมฉลองได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
แต่ภายในตำหนักหนึ่งของวังหลวง ก็ได้มีเสียงร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นมา
"หลิวเยี่ยนจือ เจ้าช่างเป็นสตรีที่ชั่วช้าสามานย์ อย่างที่จะหาใดเปรียบ ถึงขนาดกล้าใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้กับเปิ่นหวาง เจ้ายังมี ยางอายอยู่หรือไม่" เฉินเทียนอี้ ร้องตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล เขาจ้องมองไปที่หญิงสาว ที่นอนเปลือยกายอยู่ด้านข้างอย่างรังเกียจ
"แค่เพียงชีวิตนี้ของหม่อมฉัน ได้อยู่เคียงข้างกับพระองค์ ไม่ว่าจะใช้วิธีชั่วช้าสามานย์เพียงใด หม่อมฉันก็หาได้สนใจไม่"
"เจ้าคิดว่าใช้วิธีเช่นนี้แล้ว จะสามารถมาอยู่เคียงข้างข้าได้เช่นนั้นหรือ"
"ใช่เพคะ!! ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใด หม่อมฉันก็ยอมทั้งนั้น เหตุใดพระองค์ถึงไม่ได้เห็นถึงความจริงใจนี้ของหม่อมฉันบ้าง"
"ให้หัวเด็ดตีนขาดเช่นไร เปิ่นหวางก็จะไม่ยอมรับเจ้าเข้าไปในตำหนักอย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้ฝันหวานไปนักเลย สตรีที่เปิ่นหวางจะตกแต่งเข้ามาในตำหนักมีเพียงผู้เดียว คือถิงเอ๋อร์เพียงเท่านั้น"
"พระองค์มั่นใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ" หลิวเยี่ยนจือ ยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ นางลงทุนวางแผนการ อย่างแยบยลถึงเพียงนี้ คงจะไม่ยอมให้ แผนการนี้พังไปได้โดยง่าย เป็นแน่
นางถึงขนาดวางแผนลดเกียรติ ลดศักดิ์ศรีของตนเอง เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างของบุรุษผู้นี้ ถึงแม้นว่าผู้คนทั่วทั้งใต้หล้าจะประณามว่านางเป็นสตรีที่ไร้ยางอาย นางก็หาได้สนใจไม่ แค่เพียง ได้อยู่ข้างกายของบุรุษผู้นี้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดนางก็จะยอมทั้งนั้น
ชินอ๋องเฉินเทียนอี้ เป็นบุรุษที่สตรีทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็หมายปองที่จะเข้ามา เป็นหนึ่งในสตรีของเขา แต่ด้วยความเย็นชา และไม่เคยสนใจสตรีใด จึงทำให้สตรีน้อยใหญ่ต่างก็ยอมถอดใจล่าถอยไป จะมีก็แต่เพียงนางเท่านั้น ที่ยังคงรักมั่นในตัวของบุรุษผู้นี้
แต่แล้วในวันหนึ่ง นางก็ได้ค้นพบว่าบุรุษที่ได้ขึ้นชื่อว่าไร้หัวใจผู้นี้ ได้ตกหลุมรัก กับสตรี ที่เป็นเพียงบุตรของอนุภรรยาที่มีบิดามีตำแหน่งขุนนางเล็กๆ ที่ทำงานอยู่ในตำแหน่งของกรมราชทัณฑ์
ซึ่งแตกต่างกันกับนางที่เป็นถึง บุตรีหัวแก้วหัวแหวน ของท่านเสนาบดีฝ่ายขวาอย่างหลิวฉุนเหลียน เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงไม่ได้แลเห็นถึงความรักที่นางมีให้มาเนิ่นนาน
หากเขาไม่มีใจให้กับสตรีใดก็แล้วไปเถิด นางยังจะพอทำใจรับได้ แต่หลังจากที่ได้รับรู้ว่าเขาได้ปักใจรักกับสตรี ต่ำต้อยเช่นนั้น ก็ทำให้นางเกิดความรู้สึกไม่ยินยอมที่จะเสียเขาไป
แผนการนี้จึงได้ถูกสร้างขึ้นมา และทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่นางได้วางแผนเอาไว้เป็นอย่างดี ยาปลุกกำหนัดที่นาง ได้วางเอาไว้คงได้ออกฤทธิ์แล้ว เพราะดูจากใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ และเส้นเลือดปูดโปน ทั่วทั้งใบหน้าของเขา รวมถึงลมหายใจของบุรุษตรงหน้าในขณะนี้ ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าเขาคงจะไม่สามารถอดทนอดกลั้นมันได้อีกต่อไป
ใบหน้าที่ฉายแววความเจ้าเล่ห์ออกมาเช่นนั้นของนาง ถึงกับทำให้ชินอ๋องเฉินเทียนอี้ รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ทั่วทั้งร่างกายของเขากำลังรู้สึกถึงความผิดปกติ ที่กำลังก่อตัวขึ้น…
ยาปลุกกำหนัด?
นี่เขาโดนนางวางยาแล้วเช่นนั้นหรือ มิน่าเล่า ในตอนที่เขาเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของนางที่อยู่เบื้องหน้า จึงทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่ม และไม่สามารถควบคุมตนเองได้
"เจ้าคิดว่าด้วยยาปลุกกำหนัดกระจอกนี่ จะสามารถทำอันใดกับเปิ่นหวางได้เช่นนั้นหรือ"
"เดี๋ยวพระองค์ก็จะทรงทราบด้วยพระองค์เองเพคะ ว่าได้หรือไม่"
"เจ้าจะดูถูกความสามารถของเปิ่นหวางมากแล้ว แค่เพียงได้เห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของเจ้า ก็คิดว่าเปิ่นหวาง จะหน้ามืดตามัว แตะต้องสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้าได้เช่นนั้นหรือ ฝันไปเถิด" ชินอ๋องเฉินเทียนอี้ กล่าวออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ
ก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงความผิดปกติ อีกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับตนเอง ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขารีบจ้องไปที่ใบหน้าของ สตรีแพศยาตรงหน้า อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
"นี่เจ้าใช้ยาสลายพลังปราณกับเปิ่นหวางด้วยเช่นนั้นหรือ"
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
แต่แทนที่หลิวเยี่ยนจือจะตอบคำถามนั้นของเขา นางกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง และใช้มือเรียวงามของนางลูบไล้ไปที่แกร่งของคนที่กำลังปรามาสนางอย่างรุนแรง ด้วยความหลงใหลเสียนี่
"ใช่แล้วเพคะ เพราะฉะนั้นหากพระองค์ไม่ต้องการที่จะบาดเจ็บภายในจนถึงขั้นพิการ ก็ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างที่มันควรจะเป็นเถิด พระองค์คงกำลังคิดว่า องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกจะเข้ามาช่วยเหลือได้ทันเช่นนั้นหรือ อย่าลืมรับสั่งล่าสุดที่พระองค์จะเข้ามายังตำหนักแห่งนี้" หลิวเยี่ยนจือยังคงกล่าวออกมาอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป
ใบหน้าของนางฉาบไปด้วยรอยยิ้มเพียงแค่จ้องมองไปที่บุรุษเบื้องหน้า
ใช่แล้ว
เพราะเขาคิดว่าสตรีที่อยู่ในห้องนี้คือเหอเฟยถิง สตรีคนรักของเขา ก่อนที่จะเข้ามายังตำหนักนี้ จึงได้กำชับให้องครักษ์ของเขารออยู่ข้างนอก หากไม่มีคำสั่งของเขาก็ห้ามผู้ใดเข้ามารบกวนโดยเด็ดขาด เพียงคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของเขาก็ได้มืดครึ้มลงหลายส่วน เพราะมิคิดว่าตนเองจะตกลงไปในแผนการของสตรีผู้นี้อย่างง่ายดาย
"หลิวเยี่ยนจือ ทุกอย่างเป็นแผนการที่เจ้าได้ตระเตรียมไว้ทั้งหมดแล้ว อย่าคิดว่าทำเช่นนี้แล้ว เจ้าจะสามารถได้ครอบครองหัวใจของเปิ่นหวาง สตรีที่น่ารังเกียจเช่นเจ้า ต่อให้เหลืออยู่เพียงคนเดียวในใต้หล้านี้ ก็คงไม่สามารถทำให้เปิ่นหวางรู้สึกหวั่นไหวได้"
"แล้วอย่างไรเพคะ ในเมื่อสิ่งที่หม่อมฉันต้องการก็คือการได้อยู่เคียงข้างพระองค์ ถึงอย่างไรในสักวัน พระองค์จะต้องหลงรักหม่อมฉันเป็นแน่"
"หึ!!! หลิวเยี่ยนจือ จำเอาไว้ว่าชื่อนี้คือชื่อที่ข้าจะเกลียดไปจนตลอดชีวิต"