หลังจากที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ไทเฮาก็ได้มีรับสั่งให้นางเข้าวังหลวงไปพร้อมกับชินอ๋องเฉินเทียนอี้ เมื่อได้จัดแจงธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางจึงได้มายืนรอเขาอยู่ที่หน้าตำหนัก ด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไร้ซึ่งท่าทีกังวลหรือความเสียใจใดๆ ในเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ให้ได้เห็นบนใบหน้าของนางแม้แต่น้อย
เมื่อชินอ๋องได้เดินออกมาจากภายในตำหนักของตนเอง ก็พบเข้ากับร่างบางที่ยืนอยู่หน้าตำหนัก ด้วยท่าทีที่ไร้ความรู้สึกของนางที่แสดงออกมาเช่นนั้น ถึงกับทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
"สามารถลุกขึ้นมาแต่งตัวได้ถึงเพียงนี้ คงจะสบายดีแล้วสินะ เปิ่นหวางคิดว่าเจ้าจะตายไป ตั้งแต่เมื่อวานเสียแล้ว" ถ้อยคำประชดประชันของชินอ๋องเฉินเทียนอี้ ในครั้งนี้ไม่สามารถทำอันใด ให้หลิวเยี่ยนจือรู้สึกเสียใจได้อีก เขาได้แต่จ้องมองไปที่ใบหน้างามผุดผาดนั้นด้วยความสงสัย
เพราะในทุกครั้งเวลาที่เขากล่าวถ้อยคำปรามาสนางเช่นนี้ นางมักจะแสดงออกถึงความเสียใจออกมาบนใบหน้าอย่างไม่ปิดบัง
"หม่อมฉันเกรงว่าครั้งนี้ต้องทำให้พระองค์ทรงผิดหวังเสียแล้ว สตรีชั่วช้าเช่นหม่อมฉัน นรกคงจะมิได้ต้องการวิญญาณให้ไปชดใช้กรรมเร็วถึงเพียงนี้ คงต้องอยู่ ให้พระองค์ ชังน้ำหน้าของหม่อมฉันไปอีกนาน"
นางยิ้มละมุนไปให้กับเขาในขณะที่กล่าวออกมา
"หึ!!! "
ชินอ๋องเฉินเทียนอี้ เดินผ่านร่างบางของหลิวเยี่ยนจือไปด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่
สตรีไร้ยางอายชอบสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน
เกลียดนัก!!! ยิ่งได้เห็นรอยยิ้ม ที่ไม่รู้สึกรู้สานั้นของนาง ยิ่งทำให้เขารู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หลังจากที่ได้อยู่ด้วยกันลำพังในรถม้า ทั้งสองคนต่างนิ่งเงียบไร้ซึ่งถ้อยคำใด อารมณ์ของชินอ๋องที่กำลังคุกรุ่นไปด้วยความไม่พอใจแตกต่างกันกับหลิวเยี่ยนจือในตอนนี้ ที่ดูท่าทางจะตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้พบเห็น 2 ข้างทาง ในขณะที่เดินทางเข้าสู่วังหลวง
หลิวเยี่ยนจือกำลังเกาะหน้าต่างของรถม้า ด้วยความตื่นเต้น ท่าทีราวกับเด็กน้อยของนางในตอนนี้ ได้สร้างความแปลกใจให้กับชินอ๋อง เป็นอย่างมาก จนเขาอดที่จะกล่าวประชดประชันกับนางไม่ได้
"มีสิ่งใดที่น่าตื่นเต้นถึงเพียงนั้นกัน ทำอย่างกับว่าไม่เคยได้พบเจอมาก่อน"
"หึ! เหตุใดจะต้องกล่าวถ้อยคำประชดประชันเช่นนั้นด้วย ต่างคนต่างอยู่หม่อมฉันก็ถือว่าดีแล้วสำหรับพวกเราทั้งสองคน หากพระองค์ไม่ทรงกล่าวสิ่งใดในตอนนี้ ก็ไม่มีผู้ใดว่าพระองค์ทรงเป็นใบ้หรอกเพคะ" หลิวเยี่ยนจือ อดที่จะด่าว่าเขาออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ด้วยความที่เกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อม และไม่เคยถูกผู้ใดสบประมาทตรงๆ เช่นนี้มาก่อน จึงทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
"หลิวเยี่ยนจือ เมื่อกี้เจ้ากล่าวสิ่งใดกัน" ด้วยความที่มิคาดคิด ว่านางจะกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นกับตนเองได้เขาจึงต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ และถามออกไปเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
เพราะโดยปกติแล้ว สตรีผู้นี้ หาได้มีความหาญกล้ากล่าววาจาดูหมิ่นเขาแม้แต่ครึ่งคำ แล้วเมื่อสักครู่นี้ มันคือสิ่งใดกัน สตรีผู้นี้ชักจะเหิมเกริมเกินไปหรือไม่
แต่แทนที่หลิวเยี่ยนจือจะหันมาให้ความสนใจกับคำถามนั้นของพระสวามีนางกลับทำเป็นไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น และยังให้ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่สองข้างทาง โดยไม่ได้หันมาสนใจอารมณ์ที่คุกรุ่นของผู้เป็นพระสวามีในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย
"หลิวเยี่ยนจือ เจ้าไม่ได้ยินที่เปิ่นหวางกล่าวกับเจ้าเช่นนั้นหรือ"
เมื่อเห็นว่านางยังคงไม่ได้หันมาให้ความสนใจกับตนเอง เขาจึงได้เข้าไปกระชากต้นแขนของนาง อย่างแรงด้วยโทสะ
"หลิวเยี่ยนจือ เจ้าเป็นใบ้หรือไร เหตุใดถึงไม่ตอบคำถามของเปิ่นหวาง"
หลิวเยี่ยนจือจ้องมองไปที่ต้นแขน ที่ถูกบีบแน่นด้วยมือหนาของบุรุษผู้นั้นอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่นางจะเปลี่ยนท่าที นางใช้มือบางลูบไล้ไปที่แผงอกแกร่งของชินอ๋องเฉินเทียนอี้ ผ่านอาภรณ์อย่างยั่วยวน นางโน้มตัวเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหูของเขา โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
"หม่อมฉันก็คิดว่าพระองค์ทรงรังเกียจหม่อมฉันจนไม่อยากจะแตะเนื้อต้องตัวหม่อมฉันเสียอีก ที่แท้แล้ว ก็ไม่ทรงลืมค่ำคืนวสันต์นั้นใช่หรือไม่"
"เจ้ามันสตรีไร้ยางอายโดยแท้ เจ้ายังจะกล้ากล่าวถึงค่ำคืนนั้น โดยที่ไม่รู้สึกผิดอันใดเลยได้เช่นไร" ชินอ๋องเฉินเทียนอี้ ผลักนางออกห่างจากร่างของเขาอย่างแรง
สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ อย่างไม่ปิดบัง
แต่ก่อนที่เขาจะได้กล่าวถ้อยคำปรามาสนางออกไปมากกว่านี้ พวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงยังวังหลวงเสียก่อน
ในไม่ช้าทั้งคู่ก็ได้ถูกกงกงนำเข้ามาภายในตำหนักของไทเฮา
ผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดในตำหนักกำลังจ้องมองไปที่คู่สตรีและบุรุษเบื้องหน้า โดยใช้สายตาลุ่มลึก ไม่มีผู้ใดรู้ว่า ในตอนนี้พระนางกำลังทรงกำลังคิดสิ่งใดอยู่
หลิวเยี่ยนจือรับรู้โดยสัญชาตญาณ ว่ากำลังถูกจ้องมอง นางจึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองกลับไปยังคนผู้นั้น สายตาอ่อนโยนที่มองกลับมาทำให้นางรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างแปลกประหลาด
ใบหน้าของสตรีเบื้องหน้า มีส่วนคล้ายกับมารดาของนางอยู่หลายส่วน นางจึงยกยิ้มกลับไปอย่างจริงใจ ซึ่งการกระทำของนาง ได้สร้างความพอใจให้กับสตรีที่เป็นใหญ่ในตำหนักแห่งนี้เป็นอย่างมาก
"ถวายพระพรเสด็จแม่"
"ถวายพระพรไทเฮา"
"ลุกขึ้นเถิดอย่าได้มากพิธี แล้วก็เจ้าจือเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงได้เรียกอัยเจียอย่างห่างเหินเช่นนั้น ต่อจากนี้ให้เจ้าเรียกอัยเจียว่าเสด็จแม่เช่นเดียวกับอี้เอ๋อร์เถิด เข้าใจหรือไม่" น้ำเสียงอ่อนโยน ในขณะที่กล่าวกับนางได้สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับชินอ๋องเป็นอย่างมาก
"เหตุใดเสด็จแม่จะต้องให้ความสนิทสนมกับสตรีแพศยาผู้นี้ด้วย เสด็จแม่ก็ทรงทราบ ว่านางได้ทำสิ่งใดลงไป สตรีเช่นนางควรที่จะถูกประนาม มากกว่าที่จะได้รับความอ่อนโยนนี้ตอบแทน"
"อี้เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจะต้องว่ากล่าวนางด้วยถ้อยคำรุนแรงเช่นนั้นด้วย เจ้าก็รู้ว่าที่นางทำลงไปทั้งหมดนั้น ก็เพราะรักมั่นในตัวเจ้ามิใช่หรือ"
"หึ!!! นี่คงเรียกว่าลำเอียงอย่างชัดเจน ไม่ว่าสตรีผู้นี้จะกระทำสิ่งใด ก็ดูจะถูกพระทัยของเสด็จแม่ไปเสียทุกอย่าง แตกต่างกันกับถิงเอ๋อร์ของลูก ที่นางยังไม่ทันได้ทำสิ่งใดก็ดูจะไม่พอพระทัยของเสด็จแม่ไปเสียหมด"
"อย่าได้เอ่ยชื่อของสตรีผู้นั้นให้แม่ได้ยินอีก หาไม่แล้ว อย่าหาว่าแม่จะทำสิ่งใดที่เจ้าไม่คาดคิดกับนาง" ไทเฮาทรงรู้สึกกรุ่นโกรธขึ้นมา แทบจะในทันที แค่เพียงได้ยินชื่อของสตรีที่พระนางทรงไม่ชอบใจผู้นั้น
ไม่ใช่ว่าพระองค์จะทรงกีดกัน ความรักของพระโอรสของพระนาง อย่างไม่ยอมฟังเหตุผล หลังจากที่พระนางได้ส่งคนไปสืบถึงประวัติความเป็นมาของสตรีอย่างเหอเฟยถิงอย่างละเอียด...
สตรีผู้นี้ดูภายนอกแล้วคล้ายกับว่าจะเป็นสตรีที่มีกิริยาอ่อนช้อยงดงามคู่ควร ที่จะแต่งเข้ามาในฐานะชายารองของโอรสของพระองค์ ถึงแม้ว่านางจะเป็นเพียงบุตรของอนุภรรยาของขุนนางขั้น 2 เพียงเท่านั้นก็ตาม แต่พระนางได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสตรีผู้นี้ได้ซุกซ่อนความร้ายกาจเอาไว้มากมาย
นางต้องการที่จะผลักดันตนเองให้มาอยู่ในจุดสูงสุดของตำหนักอ๋องนี้ ก็เพื่อความก้าวหน้าของตัวนางเอง หาได้มีความรักที่ลึกซึ้งต่อพระโอรสของนาง เช่นที่นางแสดงออกมาไม่ แล้วเช่นนี้จะให้พระนางทรงทนดูพระโอรสที่พระนางเฝ้าฟูมฟักมากับมือ ถูกหลอกลวงได้เช่นไร
"เหตุใดเสด็จแม่จะต้องจงเกลียดจงชังถิงเอ๋อร์ถึงเพียงนั้น"
"ลู่กงกงไปนำข้อมูลที่ คนของเราไปสืบทราบมา ให้พระโอรสของอัยเจียได้เห็นด้วยตาของตนเองเถิด เขาจะได้ตาสว่างเสียที"
หลังจากที่สิ้นรับสั่งนั้นของไทเฮา ข้อมูลมากมายที่ประจักษ์ยังเบื้องหน้าของชินอ๋อง ทำให้พระองค์ถึงกับเกิดความสับสนมึนงงไปชั่วขณะ ด้วยไม่คาดคิดว่า สตรีที่พระองค์ทรงปักใจนั้น จะมีเบื้องหลังอันดำมืดที่ชั่วร้ายถึงเพียงนี้
เมื่อไทเฮาเห็นถึงความสับสนมึนงงที่ปรากฏขึ้นยังใบหน้าของพระโอรสของพระนาง จึงไม่รอช้า รีบกล่าวเตือนสติให้กับพระโอรสของพระองค์ให้คิดได้เสียที
"อี้เอ๋อร์ เจ้าก็ลองคิดไตร่ตรองดูให้ดีเถิด ว่าสิ่งที่แม่นำมาให้เจ้าได้ดูนั้น มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด หากเจ้ายังไม่เชื่อ ก็ให้คนของตนเองไปสืบเรื่องราวนี้ได้ แม่ต้องการให้เจ้าตาสว่างเสียที นางเพียงแค่จะใช้เจ้าไต่เต้าขึ้นมาเพื่อความสำเร็จ นางหาได้มีใจรักมั่นในตัวเจ้าอย่างที่เจ้าคิดเลยแม้แต่น้อย"
"ไม่จริง! ลูกไม่เชื่อ ทุกสิ่งยังเบื้องหน้าของลูกนี้ มันจะต้องเป็นเรื่องโกหกเป็นแน่ เสด็จแม่สร้างหลักฐาน เหล่านี้ขึ้นมา เพื่อที่จะทำให้นางดูไม่ดีในสายตาของลูกมากกว่า ทั้งเรื่องวางยาพิษอนุคนอื่นๆ ภายในจวนเหอ อีกทั้งการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของบุตรสาวคนอื่นๆ เสด็จแม่ก็หาได้มีหลักฐานที่แน่ชัดไม่ แล้วเช่นนี้จะไปปรักปรำว่านางเป็นผู้บงการได้เยี่ยงไร"
"อี้เอ๋อร์หลักฐานชัดเจนถึงเพียงนี้ เจ้ายังจะปฏิเสธอีกเช่นนั้นหรือ หากเจ้าต้องการนางมากมายถึงเพียงนั้นจริงๆ เจ้าก็ตกแต่งนางเข้ามาในตำแหน่งชายารองของเจ้าเถิด แต่ว่าหลังจากนี้เจ้าก็ไม่ต้องมาให้แม่เห็นหน้าอีก"
"เสด็จแม่!!! "
"สตรีที่มากเล่ห์เช่นนั้นหากได้เข้ามาอยู่ภายในตำหนัก เจ้าคิดว่าบุตรของเจ้ายังจะได้เกิดมาลืมตาดูโลกอีกเช่นนั้นหรือ หากไม่ใช่บุตรของนางเกรงว่านางคงจะสังหารบุตรของเจ้าทุกคนที่เกิดกับสตรีอื่นเป็นแน่ และสตรีที่ร้ายกาจเช่นนี้เจ้ายังจะกล้านำนางเข้ามาเป็นสตรีในตำหนักของเจ้าอีกได้เช่นไร เหตุใดเจ้าถึงได้ดูสตรีที่มากเล่ห์เช่นนั้นไม่ออก หรือในตอนนี้ความหลงมันได้ปิดบังดวงตาของเจ้าให้มืดบอดไปแล้วเช่นนั้นหรือ"
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้หลิวเยี่ยนจือเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อหูตนเองเช่นกัน สตรีอย่างเหอเฟยถิงจะมีความร้ายกาจถึงเพียงนี้ซุกซ่อนอยู่ ในความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ บอกว่าสตรีผู้นั้น เป็นเพียงแค่สตรีที่บอบบาง คล้ายจะปริแตกได้ง่ายไม่ใช่หรือ
หากสตรีผู้นั้น เป็นสตรีที่ร้ายกาจอย่างที่ไทเฮาได้กล่าวมาทั้งหมด เกรงว่าชีวิตของนางในตำหนักแห่งนี้คงจะเต็มไปด้วยความมืดบอดเสียแล้ว
แต่หลักฐานที่ไทเฮาทรงนำมากล่าวอ้างทั้งหมดนั้น ก็ยังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าสตรีผู้นั้น เป็นผู้กระทำทั้งหมดได้ เพียงแต่เรื่องราวทุกอย่างนั้นเกี่ยวโยงไปถึงตัวนางแทบจะทุกเรื่องเท่านั้นเอง
แต่เหตุใดไทเฮาถึงได้ทรงมั่นใจเช่นนั้น เรื่องนี้นางคงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงทั้งหมดเสียแล้ว