“ไปขึ้นรถ” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม
“คงไม่ละค่ะ...เดินมาเกือบกิโลเมตรยังเดินมาได้ จะเดินต่ออีกสักร้อยสองร้อยเมตร...มันคงไม่เป็นไร” หญิงสาวเชิดหน้าตอบเร่งจังหวะเดินลิ่วออกไป แต่ก็เจอกับก้องหล้าปั่นจักรยานผ่านมาเสียก่อน
“คุณรวี...ผมแวะเอาข้าวไปให้ที่บ้านแต่ไม่เจอ...ผมก็เลยตามออกมาหาที่นี่ ไปไหนมาครับ”
“ไปปลูกกุหลาบมาค่ะ” หญิงสาวตอบไปตามความจริง เสียงดังพอที่จะทำให้คนเดินตามมาได้ยิน
“อ้าว! ทำไมล่ะครับ”
“คำถามนี้ต้องไปถามเจ้านายคุณแล้วละค่ะ รวีแค่ทำตามคำสั่ง” ปารวีตอบกลับ ทว่าพอเห็นคนที่เธอกำลังพูดถึงเดินตามเข้ามาใกล้ หญิงสาวก็เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนน้ำเสียงหันไปพูดกับก้องหล้าทันที
“คุณก้องมารับรวีหรือคะ...น่ารักจังเลย คุณเป็นผู้ชายที่มีน้ำใจที่สุด” ก้องหล้าทำหน้าเหวอ ตามไม่ทัน
“เอ่อ!...”
“ไปกันเถอะค่ะ...รวีเนี้ยวเหนียวตัว อยากอาบน้ำเต็มที” หญิงสาวบอกอย่างออดอ้อนพร้อมกับย่อตัวลงนั่งซ้อนท้าย ลำแขนเรียวเกี่ยวโอบเอวหนาของก้องหล้าเหมือนสนิทสนม พร้อมทั้งหันมาแยกฟันยิ้มให้ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนมองอยู่
คนที่มองกำหมัดแน่นด้วยความโมโห...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ชายหนุ่มเดินกลับไปขึ้นรถ ขับพุ่งทะยานฝุ่นตลบคลุ้งเป็นทางยาวตามทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จและกำลังจะล้มตัวลงนอน แต่ทว่าเสียงทุบประตูห้องก็ทำให้เธอหงุดหงิดอีกครั้ง เสียงอย่างนี้...คงไม่ใช่ใครที่ไหน หญิงสาวตะโกนถามกลับไปทั้งที่ยังนั่งอยู่บนฟูกบางๆ ในห้อง
“มีอะไรอีกล่ะ!...คุณคิดว่าวันนี้ฉันยังเหนื่อยไม่พออีกหรือ” ไม่ใช่เพียงไม่มีคำตอบจากคนทุบ แค่ทว่าเขายังเพิ่มแรงให้หนักขึ้น...ไม่ยี่หระต่อความเสียหายสักนิด หญิงสาวจำต้องเดินไปเปิดประตูออกมา ยืนเท้าแขนมองคนทุบอย่างหงุดหงิด
“มีอะไรบัญชาเวลานี้อีกคะ...คุณเจ้านาย” หญิงสาวเหน็บแนม
“รู้ได้ไงว่าเป็นฉัน...” ชายหนุ่มบอกอย่างตำหนิ “ถ้าเป็นคนอื่นแล้วเธอเปิดประตูรับง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ”
“ก็คนไร้มารยาท บ้าอำนาจ...คงมีคนเดียวในไร่ ไม่ต้องใช้สมองคิดให้เปลืองหรอก มีอะไรก็ว่ามา ฉันเหนื่อย ฉันง่วง ฉันต้องการเวลาส่วนตัว” ชายหนุ่มยัดถุงที่ถือมาใส่มือให้หญิงสาว อาการเรียกว่ากระแทกกระทั้นเหมือนโยนใส่ตัวมากกว่า
“เอา!” หญิงสาวรับไว้ทันและมองหน้าชายหนุ่มอย่างงงๆ
“ชุดที่เหมาะสมกับงานในไร่...” หญิงสาวเปิดถุงมองของที่อยู่ข้างในทันทีที่รับมา “แต่ไม่ต้องคิดไปไกลหรอกนะ ฉันไม่อยากให้เธอไปแต่งตัวเปิดโน่นเปิดนี่ยั่วคนงานในไร่ บอกตามตรง...มันอุจาดตา ถ้าจะอ่อยจะยั่ว ก็ไปทำที่อื่น” เขาบอกต่อท้าย
หญิงสาวพ่นลมออกจมูกพรืด...มองคนพูดอย่างเอือมระอา เขาจะมาเพื่อที่จะประชดเหน็บแนมเธอให้เจ็บแสบเพียงแค่นี้น่ะหรือ
“เสร็จธุระแล้วใช่ไหมคะ...คุณเจ้านาย ถ้าหมดธุระแล้วก็เชิญ คราวหน้าหวังว่าจะไม่มีธุระนอกเวลางานอีก”
“นี่เธอกล้าไล่เจ้าของไร่เลยหรือ”
“เข้าใจภาษาไทยดีนี่...ไม่ต้องให้บอกซ้ำ” พูดจบหญิงสาวก็ปิดประตูทันที ยังดีที่ชายหนุ่มดึงมือออกจากขอบประตูได้ก่อนที่จะโดนมันหนีบ
“โถ่เว้ย!” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสียเดินกลับออกไป
หญิงสาวเปิดถุงออกดูทันทีที่เดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบของในถุงออกมาดู มีทั้งชุดทะมัดทะแมงอย่างที่เขาบอก แต่ก็ต้องแปลกใจที่เห็นยาทาและอุปกรณ์ทำแผล รวมไปถึงยาลดเลือนริ้วรอยที่เธอเองก็คาดไม่ถึง
“ตบหัวแล้วมีหน้ามาลูบหลัง...ชิส์! ทำดี...แต่ฉันจะไม่มีวันหยุดเกลียดผู้ชายอย่างคุณหรอก พ่อเลี้ยงบ้าอำนาจ ถ้าไม่เพราะพี่ชาย ฉันจะตบปากร้ายๆ ของคุณแล้วด่าซะให้หนำใจ จากนั้นก็เชิดหน้าออกจากไร่นี้ไปอย่างไม่ไยดี”
หญิงสาวบอกตามหลัง ในขณะที่คนถูกว่าเดินออกไปถึงรถของเขา ไม่มีโอกาสได้ยิน
วันต่อมาหญิงสาวก็ต้องแปลกใจ เมื่อเจ้าของไร่ไม่มาทุบห้องปลุกอย่างที่เคย แต่ก็ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องเจอเขา หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดที่ชายหนุ่มเอามาให้ มันพอดีตัวจนเธอยังแปลกใจ
ยังดีที่ก้องหล้าหาจักรยานเก่าๆ มาให้เธอได้ใช้ ทำให้สามารถปั่นไปในไร่ และขากลับก็สามารถปั่นเที่ยวชมรอบไร่หลังเลิกงานได้ ยิ่งได้มาสัมผัสหญิงสาวก็ชอบอากาศของที่นี่มากขึ้นทุกที ไม่มีเจ้าของไร่ปากร้าย มันคงจะกว่านี้อีกหลายเท่าตัว
ก้องหล้ามาถึงท้ายไร่ในตอนสาย หญิงสาวกำลังง่วนอยู่กับการเรียนรู้สิ่งใหม่ตรงหน้าจากการสอนของหัวหน้าคนงาน “คุณรวี...แต่งตัวอย่างนี้ดูแปลกไปเลยนะครับ เป็นอย่างไรบ้างกับงานใหม่”
“ก็ดีค่ะ...ถือว่าได้ออกกำลังกายไปในตัว วันแรกก็ได้เดินชมรอบไร่เลย วิธีสอนงานของเจ้านายคุณแปลกใหม่น่าสนใจมาก แต่รวีก็สนุกที่ได้เรียนรู้...ถึงจะรู้ว่าโดนแกล้งก็ตาม” หญิงสาวบอกติดตลก
“ถ้าบอกน้องรษา...” ชายหนุ่มพยายามที่จะช่วย แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดจบหญิงสาวก็แทรกขัดขึ้นมาก่อน
“อย่าเลยค่ะ...ถ้าเขาตั้งใจที่จะให้รวีทำแล้ว พอไม่มีเรื่องนี้ เขาก็หาเรื่องใหม่มาให้รวีอยู่ดี คุณไม่ต้องห่วงนะคะ รวีเอาอยู่”
“ฮ่าๆๆ ผมเกรงว่าจะอยู่ไม่นานสิครับ” ก้องหล้าหัวเราะเต็มปาก
“ถึงอย่างไรรวีก็จะต้องไปอย่างผู้มีชัยชนะ”
“ได้ยินอย่างนี้ก็ดีครับ มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
ปารวียิ้มอ่อน มองหน้าชายหนุ่มอ้อนๆ “มีเรื่องให้ช่วยพอดีเลยค่ะ...อาทิตย์นี้ช่วยพารวีเข้าไปในเมืองหน่อยได้ไหมคะ ไปอำเภอก็พอ ไม่อยากเข้าเชียงราย”
“ได้สิครับ...ถ้าจะไปวันไหนก็บอกได้เลย ผมจะได้เอารถไปรับที่หน้าบ้านพัก อ้อ...เกือบลืมเลยครับ ผมจะมาบอกว่าให้คุณรวีไปทานข้าวที่บ้านนะครับ คุณไม่ต้องไปทานกับคนงาน รวมถึงตอนเย็นด้วยนะครับ บางวันผมอาจจะไม่ได้อยู่ที่ไร่...ไม่ได้แวะเอาเข้าไปให้” เขาบอกไปโดยเลี่ยงที่จะบอกว่ามาจากรษา เพราะไม่อยากให้เธอว่าเอาได้...ว่านำเรื่องของเธอไปเล่าให้รษาฟัง
“ขอบคุณมากนะคะ”
หญิงสาวเลี่ยงการเจอหน้ากับชายหนุ่มเจ้าของไร่ ดูเหมือนว่าเขาก็ได้มาเกาะแกะเธอหลายวันแล้ว
“ช่วงนี้หน้าคุณรวีดูสดชื่นนะครับ” ก้องหล้าทัก เดินไปหาหญิงสาวที่แปลงท้ายไร่ ในมือของผู้ช่วยสาวยังมีแฟ้มงานที่ชายหนุ่มจงใจแกล้งสั่งหลายรายการครั้งสุดท้าย
จะพูดไปก็เกือบสัปดาห์แล้วเหมือนกันที่เธอไม่ได้เจอหน้าเขา และงานที่เขาสั่งเอาไว้ก็เหลืออีกไม่มากที่เธอจะต้องจัดการ
“ก็ไม่เจอหน้าเจ้านายจอมเผด็จการน่ะสิคะ สุขภาพจิตเลยดีหน่อย”
“ถ้างั้นก็คงสบายอีกสองวันครับ”
หญิงสาวย่นหน้ามองก้องหล้าอย่างแปลกใจ เขาพูดราวกับว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่ได้อยู่ที่ไร่
ก้องหล้ายิ้มบางๆ “พ่อเลี้ยงไปฝรั่งเศสตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วครับ กลับพรุ่งนี้ แต่คงมาถึงไร่ดึกๆ วันเสาร์”
“หรือคะ”
“เขาไม่ได้บอกคุณหรือครับ”
“เขาจะมาบอกรวีทำไมคะ” หญิงสาวถามกลับ
“นั่นสิ” ก้องหล้ายิ้มเก้อ เปลี่ยนเรื่องคุย
“ผมจะแวะไปในเมือง จะมาถามคุณว่าอยากได้อะไรหรือเปล่า หรืออยากไปไหนไหม”