“ขี้จุ๊เบเบ้ ขี้จุ๊ตาละลา~”
ฉันกัดฟันกรอดอย่างนึกเจ็บใจ ที่ได้เห็นธาตุแท้ของคนตรงหน้า ทางเลือกเดียวที่มีคือการสะบัดหน้าหันกลับเข้าห้องพัก ทว่า ก่อนจะได้ทำแบบนั้น เท้าดันต้องหยุดลงเสียก่อน เมื่ออ้ายกอล์ฟเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาอย่างประชดประชัน …
“ใจร้ายจังเลยนะ พูดด้วยและเมินใส่แบบนี้เนี่ย…” เวลาในตอนนี้ หากฉันเอาแต่นิ่งไม่โต้ตอบ ปล่อยให้เขาพูดจาดูแคลน ดูถูกความรักของฉันแต่เพียงฝ่ายเดียวมันอาจทำให้เขาได้แสดงนิสัยเสียๆของตัวเองแบบนี้ไม่รู้จักจบสิ้นก็ได้ เพราะคิดแบบนั้นฉันจึงอดไม่ได้ที่จะต่อว่าเขากลับไปบ้าง
“คนที่หลอกลวงแถมยังตั้งใจจะทำชีวิตรักคนอื่นพัง แต่ยังหัวเราะได้แบบนี้น่ะ ไม่สิทธิ์ดูถูกความรักคนอื่นหรอกนะคะ!” ฉันเอียงหน้ามองไปที่ใครอีกคนหลังจากต่อว่าเขาเสร็จ ก่อนพบว่าเขากำลังยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ได้สนใจคำต่อว่าดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย แถมยังพูดยอกย้อนกลับมาได้อย่างหน้าตาเฉย
“บูชาความรักมาก แต่ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับคนรัก มันก็ไม่มีสิทธิ์ว่าคนอื่นเหมือนกันนะรู้ป่ะ?” ว่าแล้วเขาก็ค่อยๆ หันหน้าออกไปนอกระเบียง ปรายตามองออกไปในที่ไกลๆ พลางเสพสารนิโคตินในมือท่าทางสบายอารมณ์ ส่วนปากก็พูด“ถ้าแน่จริงทำไมไม่บอกไอ้ก็อตไปล่ะ ว่าเมื่อคืนเกิดไรขึ้นกับเราสองคน…”
อะไรกัน ท่าทางแบบนั้นน่ะ เขาไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดเลยหรือไง
“อ้ายก็อตเป็นน้องชายพี่ไม่ใช่เหรอคะ…” คำพูดประโยคต่อมาจากปากฉันทำคนฟังเหลียวมองเล็กน้อย “พี่ไม่รู้สึกผิดต่อน้องชายตัวเองบ้างเลยหรือไง”
“ทำไมต้องรู้สึก?” คำตอบกึ่งคำถามถูกย้อนกลับมาอย่างทันควันจนเกิดเป็นข้อสงสัย แต่ไม่นานข้อสงสัยทั้งหมดก็หมดไป “ในเมื่อพี่เกลียดมันยิ่งกว่าอะไรดี…”
เกลียดยิ่งกว่าอะไรงั้นเหรอ…
ทำไมล่ะก็ในเมื่ออ้ายก็อตดูจะรักเขาขนาดนั้น ถึงขนาดพูดออกมาเต็มปากเต็มคำอย่างภูมิอกภูมิใจ…
‘พี่กับไอ้กอล์ฟสนิทกันมากเลยนะรู้ไหม พี่กับมันไม่เคยมีความลับต่อกันเลยสักครั้ง น่าอิจฉาใช่ไหมล่ะ?’
“หรือว่าทนไม่ไหว อยากพูดจะความจริงกับมันก็ได้นะ พี่ไม่ซี…” ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเสียงเข้มเอ่ยขึ้นราบเรียบ ด้วยท่าทางนิ่งๆ “อยากรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายรักแท้ที่เธอเชื่อนักหนา จะรับได้ไหมที่คนรักของตัวเองเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แถมยังเป็นคนใกล้ตัวมันมากซะด้วย…”
อย่าว่าแต่ท่าทางเขาเลยที่นิ่ง น้ำเสียงกับแววตาที่เขาใช้มองฉันตอนนี้ก็เช่นกัน ทำไมเขาถึงต้องเอาความเกลียดของตัวเองมาลงกับคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนี้
“แต่เชื่อพี่เถอะ เก็บเป็นความลับแบบนี้ดีกว่า…เป็นชู้กันน่ะ มันสนุกจะตาย” แถมยังเห็นแก่ตัวสุดๆ!
ทว่า ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรกลับไป จังหวะนั้นดันมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดเสียก่อน
อ้ายกอล์ฟกระตุกยิ้มร้ายกาจคล้ายกับพึงพอใจ เมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบโต้ใดๆ กลับไป พร้อมทั้งผละตัวออกห่างจากระเบียงเดินย้อนกลับเข้าห้องไป แต่ครู่เดียวเขาก็กลับออกมาที่นอกระเบียงอีกครั้งพร้อมด้วยโทรศัพท์เจ้าปัญหาที่ส่งเสียงเรียกดังไม่หยุด
เพราะระเบียงของเราอยู่ห่างกันไม่ถึงครึ่งแขน จากจุดที่ฉันยืนอยู่จึงสามารถมองเห็นท่าทางของอ้ายกอล์ฟได้อย่างชัดเจน ว่ากำลังกำลังแสดงสีหน้าและท่าทางออกมาในรูปแบบไหน
และใช่! เขากำลังเยาะเย้ยฉัน
“ดูสิ พูดถึงไอ้ก็อต ไอ้ก็อตก็โทรมาเลย…” อ้ายกอล์ฟพึมพำพลางชูโทรศัพท์มือถือในมือไปมาให้เพื่อแสดงให้เห็นว่าเสียงเรียกดังกล่าวมาจากโทรศัพท์ในมือของเขาจริงๆ “จะให้บอกมันตอนนี้เลยไหมล่ะ ว่าเราสองคนได้กันแล้ว…”
อ่า… คำพูดของผู้ชายคนนี้ช่างกดดันฉันสิ้นดี
“แต่ถ้ามันรับไม่ได้แล้วบอกเลิก ก็โทษกันไม่ได้นะ” รับไม่ได้แล้วบอกเลิก นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันกลัว เพราะแบบนั้นฉันจึงไม่อยากให้อ้ายก็อตรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อขึ้น จำต้องใช้นิสัยเสียๆ อย่างการพูดโกหกเพื่อใช้ปกปิดความจริง ตามอย่างที่ถูกอ้ายกอล์ฟต่อว่า
“ฮัลโหลว่าไงวะไอ้ก็อต…กูกำลังคิดถึงมึงอยู่พอดี ว่าจะโทรไปหาเนี่ย…” อีกครั้งที่คำพูดคำจาเสมือนสนิทสนมของผู้ชายตรงหน้าดึงฉันให้หลุดออกจากภวังค์ความคิดเหลือบไปยังต้นเสียง อ้ายกอล์ฟเองก็เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่ ถึงได้เหลือบมองกลับมา ขณะเคลื่อนย้ายตัวเองไปยืนพิงชิดขอบระเบียงด้วยท่าทางสบายๆ ขณะปากก็พูดคุยโทรศัพท์ไป ทำราวกับว่าที่ตรงนั้นไม่มีฉันอยู่
ไม่สิ! เขาจงใจทำให้ฉันเห็นมากกว่า
“เมื่อคืนมีผู้หญิงคนหนึ่งย้ายมาพักอยู่หอเดียวกับกู…ห้องงี้ติดกันเลยว่ะ...” หัวใจฉันเต้นถี่ขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เมื่ออ้ายกอล์ฟใจพูดเรื่องราวที่เหมือนจะโยงฉันเข้าสู่บทสนทนา เขาจงใจพูดแกล้งฉัน “แถมหน้าตาผู้หญิงคนนั้นเหมือนน้องพริกแฟนมึงด้วย…”
ร่างกายฉันมันสั่นไปหมด บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกอะไร ระหว่างหวาดกลัวความจริงที่อ้ายกอล์ฟพยายามจะเปิดโปงหรือหวาดกลัวว่าอ้ายก็อตกำลังจะรู้เรื่องราวที่เป็นความลับระหว่างฉันกับพี่ชายตัวเอง
‘อ้ายก็อตทิ้งน้องย้ายกลับไปกรุงเทพฯจริงๆ ก่อ?’
‘ทิ้งอะไรคะ พี่ไม่ทิ้งพริกหรอก… ถึงเราจะอยู่ไกลกัน พี่สัญญาว่าพี่จะไม่นอกใจพริกเด็ดขาด’ พอคิดถึงคำสัญญาระหว่างเราขึ้นมา มือก็เผลอบีบกำแน่นจนสั่น ‘ถ้าน้องพริกจบม.6 เมื่อไหร่ ย้ายเข้ามาเรียนมหา’ลัยเดียวกับพี่ เดี๋ยวพี่จะรอ’
ฉันอดทนและพยายามทำทุกอย่างเพื่อรอวันที่จะได้มาเหยียบเมืองกรุง พยายามทำทุกอย่างก็เพราะอยากมีชีวิตคู่ที่เหมือนคนอื่นบ้างก็เท่านั้นเอง…
‘เราจะได้อยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทนแทนเวลา 4 ปีที่หายไป เอาแบบนี้ดีไหมคะ?’
‘อ้ายก็อตสัญญาแล้วเน้อ’ ซึ่งฉันยอมและทำใจไม่ได้แน่ๆ หากสิ่งที่พยายามประคับประคองมาทั้งหมดพังทลายลงต่อหน้าต่อตา
“อย่า...” เสียงลึกๆ จากก้นบึ้งหัวใจสั่งให้สมองสั่งการให้ริมฝีปากขยับเขยื้อนไปเองแบบไม่สามารถควบคุมได้ โดยสายตายังจับจ้องไปที่หน้าของคนใจร้ายอย่างอ้อนวอนราวกับเป็นการร้องขอ
“แป๊บนะไอ้ก็อต เหมือนแม่สาวข้างห้องที่กูบอกหน้าเหมือนแฟนมึงจะมีปัญหา…” ว่าแล้วเขาก็ลดโทรศัพท์ในมือลงต่ำ มืออีกข้างขยี้บุหรี่ที่เกือบหมดมวนลงกับราวกั้น
อ้ายกอล์ฟหันหน้ามาสบสายตากับฉันแบบตรงๆ ราวกับเปิดโอกาสให้ฉันพูด
“อย่าพูดนะ…” และใช่ ประโยคนี้ประโยคเดียวที่ฉันพอจะนึกได้ในตอนนี้ ทุกอย่างมันชัดเจนหมดแล้วว่าฉันต้องการอะไรและไม่ต้องการอะไร ซึ่งฉันไม่อยากเสียรักแรกไปเพราะเรื่องบ้าๆ แบบนี้!
“พูดเรื่อง?” คนตัวใหญ่ถามขึ้นในระดับเสียงที่มีเพียงแค่ฉันกับเขาที่ได้ยิน
“เรื่องของเรา…” ส่วนฉันก็ได้แค่ย้ำคำพูดเดิมๆ “อย่าบอกอ้ายก็อตเน้อ หนูขอ…”
ไม่มีเสียงใดตอบรับคำขอร้องอันน่าสมเพชของฉัน มีเพียงแววตาคมดุจสุนัขจิ้งจอกเท่านั้นที่จ้องมาพร้อมด้วยเสียงหัวเราะดังหึในลำคอ
“มีข้อแลกเปลี่ยนไหมล่ะ?” อ้ายกอล์ฟถามขณะเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่บริเวณราวกันซึ่งชิดกับขอบราวกับระเบียงของฉันในระยะประชิด คงเพราะฉันไม่ได้ตอบ เขาก็เลยกระดิกปลายนิ้วชี้เหมือนกับเป็นการเรียก ร่างกายเหมือนถูกตรึงเอาไว้ด้วยสายตาและปลายนิ้วของเขาที่ดูจะเหนือกว่าทุกอย่าง โดยเฉพาะกับตอนนี้ตอนที่เขากำลังคุยกับอ้ายก็อตค้างไว้ในสาย จำต้องเดินไปหาเขาอย่างไม่มีทางเลือก
ในหัวมันว่างไปหมด ไม่มีแม้แต่คำตอบในสิ่งที่เขาถามเลยด้วยซ้ำ
“เขาบอกกันว่าสาวเหนือเป็นคนนุ่มนิ่ม ใจเย็น ว่าง่ายและไว้ใจได้…” อ้ายกอล์ฟพูดพลางละมือที่จับขอบระเบียงเอื้อมส่งมาหาฉัน ปลายนิ้วแกร่งทั้งหาแตะลงอย่างแผ่วเบาที่ข้างแก้มโดยที่ฉันไม่ได้คิดจะหนีไปไหน “พี่เองก็เป็นแบบนั้น…”
ฉันไม่สนอีกแล้วว่าเขากำลังเล่นมุกหรือว่าอวยตัวเองอยู่ เพราะที่สนใจที่สุดก็คือ แค่ความลับของเราไม่รู้ไปถึงหูอ้ายก็อตก็พอแล้ว
“อ้ายกอล์ฟต้องการอะหยัง?” ฉันถามเพราะอยากให้ช่วงเวลาน่าอึดอัดนี่จบลงสักที
แล้วรู้ไหมคำตอบของเขาคืออะไร
“ต้องการให้เธอเลิกพูดภาษาเหนือเวรๆเหมือนตอนคุยกับไอ้ก็อตซะ เพราะพี่ฟังไม่ออก”
“…”
“และสอง พี่ต้องการเรา…” พูดจบอ้ายกอล์ฟก็ละมือเลื่อนไปที่ต้นคออย่างแผ่วเบา ก่อนออกแรงเพียงเล็กน้อยดึงฉันให้เข้าไปหา “ให้ได้หรือเปล่า?”
อ้ายกอล์ฟกระซิบถามในระยะประชิดเป็นหนสุดท้าย แม้ไม่มีคำพูดใดถูกเอื้อยเอ่ยออกมาหลังจากนั้นเพื่อให้คำตอบก็ตามแต่เขาก็คงจะรู้คำตอบดี สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นจึงมีเพียงแค่ความอุ่นร้อนของผิวปากจากอีกฝ่ายที่ถูกจรดเข้ามาบนผิวปากฉันราวกับเป็นการตีตราทำสัญญา
ที่แย่ที่สุดก็คืออ้ายกอล์ฟจูบฉันทั้งที่มือยังถือโทรศัพท์ค้างสายกับน้องตัวเองเอาไว้…