“จะไปทำงานที่ไหนล่ะ”
“มองๆ ไว้หลายที่ค่ะ”
นวลฉวีมองหน้าคนพูดแล้วถอนหายใจ
“สภาพอย่างนี้ใครเขาจะรับ หน้าตานี่ดูไม่ได้”
มินตราหน้าเง้า “มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะคะ ร้านที่หนูทำงานพาร์ตไทม์ เขายังรับเลย”
“เอาแป้งโบกหน้าหนาเป็นนิ้วน่ะสิ กว่าจะพอดูได้ นี่ละมั้ง สาเหตุที่ทำให้หน้าเยิน”
มินตราไม่รู้จะตอบโต้ยังไงดี แม่ของเขามาทีไรก็มาบ่นเรื่องหน้าเธอตลอด คนมันไม่สวยอะ มันก็เหนื่อยที่จะดูแลตัวเอง
“พี่สั่งให้ไปเข้าคลินิกแล้วค่ะ กว่าจะสอบเสร็จ กว่าจะได้ยื่นใบสมัครงาน หน้าก็คงดีขึ้น”
“ดี พ่อตัวแสบนึกครึ้มอะไรขึ้นมานะ อยู่ๆ ให้แฟนไปทำสวย เมื่อก่อนไม่เห็นจะใส่ใจ”
“เมื่อก่อนผมกลัวคนอื่นมาแย่งไงครับ ถ้ามินสวยกว่านี้ ผมคงไม่เป็นอันทำงานทำการ ต้องมานั่งเฝ้าเมีย”
“เจ้าเต! พูดอะไรน่าตีจริงเชียว เมียเมอที่ไหน!” คนเป็นแม่ท้วงเสียงขรม เขาเดินออกจากห้องนอนมาพร้อมกับผ้าเช็ดผมคล้องคออยู่ หน้าตาเนื้อตัวหล่อเหลาขาวสะอาด ไฝสักเม็ดยังไม่มี ต่างจากแฟนสาวลิบลับ
“เมียก็แถวๆ นี้แหละครับ ถ้าคุณแม่อนุญาต ให้แต่งกับมินเลยก็ได้”
เขาเอ่ยกับมารดา แต่แอบส่งสายตาไปให้คนที่ยืนงง ขยับไปใกล้หล่อน มือหนึ่งโอบเอว อีกมือปัดช่อผมที่ไหลมาระใบหน้าว่าที่เมีย เอาให้คนที่มองอยู่ อดหมั่นไส้ไม่ได้ มารดาเขาก็ยืนอึ้งตะลึงไป
ยัง...ยังไม่พอ เขายังยื่นปากไปจูบหน้าผากมินตราอีกทีหนึ่ง
จุ๊บ!
ปึก!
เสียงนวลฉวีวางจานปลาทอดลงโต๊ะแรงๆ ก่อนจะเดินลงส้นตึงตังเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ ไปหยิบแก้วน้ำมาวางให้
มินตรารู้เลยว่าอีกฝ่ายเคืองอยู่
“พี่คิดจะทำอะไรเนี่ย” เธอพูดด้วยเสียงลอดไรฟัน พยายามแกะมือเขาออกจากเอว แต่เขาเกาะไว้แน่นนัก
“เดี๋ยวแม่ไม่เชื่อ”
“เกินไปน่ะสิ”
เขายิ้มทะเล้น หล่อนก็ถลึงตาใส่ ก่อนจะแกะมือเขาจนหลุดแล้วไปช่วยแม่เขาจัดโต๊ะอาหาร เขารู้ว่ามินตราเกรงใจแม่เขาเอามากๆ แต่คุณแม่ที่เคารพ กลับไม่เคยเกรงใจเจ้าหล่อนเลย แม่แสดงออกอยู่เสมอว่ามินตราจะเป็นเพียงผู้หญิงที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีสิทธิ์ได้แต่งงานกับเขาแน่ๆ
คนทั้งสามนั่งกินมื้อเช้าไปเงียบๆ กระทั่งนวลฉวีเอ่ยปากขึ้นมา
“จำหนูรดาได้ไหม ที่บ้านติดกันกับเรา แม่หนูนั่นกลับมาจากเมืองนอกแล้ว ไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปี สวยขึ้นเยอะเลย แม่ชวนมางานวันเกิดแม่ด้วย ถ้าเจอกันที่งานก็ชวนเธอคุยบ้าง อย่างน้อยก็บ้านใกล้เรือนเคียง”
“คิดจะจับคู่เหรอ”
“เปล่า! ก็หนูรดาเรียนเมืองนอกมา แม่เลยว่าจะให้มาช่วยสอนพิเศษที่โรงเรียนเรา”
“ไม่ใช่ว่าคนจบนอกจะเป็นครูได้ทุกคนนะแม่”
“ได้สิ! แม่เป็นเจ้าของโรงเรียนแท้ๆ”
คนเป็นลูกทำหน้าอ่อนเพลียละเหี่ยใจ แต่คนเป็นแม่ไม่ละความพยายาม
“ทำไมไม่ยอมทำความรู้จักผู้หญิงคนอื่นบ้าง ผู้หญิงดีๆ มีอีกเยอะนะลูก” สั่งสอนแล้วเหลือบมองมินตราอย่างเคืองๆ แม่คนขี้เหร่นี่เอาอะไรมามัดใจลูกชายของนางนะ เขาถึงไม่ยอมเปลี่ยนใจซะที
“สำหรับผมมินตราดีที่สุดแล้ว แค่มินตราก็พอแล้ว แม่อย่าเหนื่อยแนะนำใครอีกเลย”
“เจ้าลูกคนนี้นี่ ขัดใจ!”
“ปล่อยผมไปเถอะครับ ผมรักของผมจริงๆ”
พอเขาเอ่ยอ้างบ่อยๆ มินตราก็ชักเขิน ก็แหม...เธอไม่ใช่สาวสวยน่ารักที่คู่ควรกับการถูกรักนี่นา
“งั้นลาออกจากมหา’ลัยซะที มาช่วยงานแม่”
“ผมไม่ถูกกับเด็กเล็กๆ หรอกครับ” เขารีบออกตัว โรงเรียนอนุบาลที่มีแต่เด็กตัวเท่าลูกหมาลูกแมว มันไม่ใช่แนวเขาจริงๆ
“ก็ทำโรงเรียนมัธยมสิลูก ไม่ต้องห่วงเรื่องใบอนุญาตนะ แม่จัดการเอง แม่ไม่อยากให้ลูกไปเป็นลูกจ้างเขา เสียดายมันสมอง” คนเป็นแม่เริ่มเกลี้ยกล่อมลูกชายอีกเรื่องหนึ่ง
“ขอผมใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้เหรอครับ เราก็ไม่ได้ยากจนอะไร ไม่ต้องหาเงินเพิ่มไม่ได้เหรอครับ มีกันสองคนจะกินกันสักเท่าไหร่”
“โอ๊ย...อันนั้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่เอา ทำไมชอบขัดใจแม่นักนะ ไม่รู้แหละ ไปลาออกไวๆ อย่าให้แม่ทวงนะ แม่คนนี้ก็จะเรียนจบแล้วด้วย ไม่มีข้ออ้างแล้ว”
‘แม่คนนี้’ หูผึ่งทันใด กำลังจะตักข้าวเข้าปากก็มีอันต้องวางช้อนลง เธอมองเขาอย่างงงๆ ทำไมมีเธอเข้าไปเอี่ยวในการลาออกจากการเป็นอาจารย์ของเขาล่ะ เธอเกี่ยวอะไร
“แม่...พูดอะไร ไม่คุยแล้ว กินข้าวดีกว่า ของโปรดผมทั้งนั้นเลย”
พอถูกลูกชายเบรกเข้าให้ นวลฉวีก็ไม่พอใจ หันมองแฟนของลูกชายก็ยิ่งหมั่นไส้
“ชอบละสิ”
“คะ?”
“ชอบที่เขาคอยดูแล เนี่ย...ไม่ยอมลาออกเพราะต้องอยู่ที่มหา’ลัยต่อไป ต้องคอยดูแลเธอไง ตอนนี้เธอก็เรียนจบแล้ว บอกเขาทีสิ บอกให้เขาลาออกที”
“แม่ครับ...”
เตชิณปรามมารดา มันเรื่องเล็กน้อย ทำไมต้องมาเล่าให้มินตราฟังด้วย
ดวงตาของแม่สาวน้อย จ้องมองคนข้างๆ ไม่มีคำถามใดหลุดจากปาก แต่เตชิณรู้เลยว่าหล่อนจะถามว่าอะไร
“กินไปเถอะน่า แม่ก็พูดอะไรไปเรื่อย อย่าไปใส่ใจ”
ไม่ใส่ใจได้เหรอ ทำไมเขาต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ ทำไมต้องทำอะไรเพื่อเธอโดยไม่ให้เธอรู้ พอเธอรู้อย่างนี้แล้วมัน...ตื้นตันใจน่ะสิ ใจเขาทำด้วยอะไร ทำไมมันอบอุ่นอย่างนี้นะ
“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดเบาๆ ขอบคุณเขาจากใจ เขาส่งยิ้มมาให้ ไม่รู้ว่าเพราะต้องเล่นละครให้แม่เขาดูหรือเปล่า เขาเลยจับมือเธอไปกุมไว้ใต้โต๊ะ เธอไม่ได้ปฏิเสธ มันรู้สึกดีมากๆ เลย
นวลฉวีมองลูกชายกับมินตราแล้วได้แต่ทอดถอนใจ ทำยังไงนะ ทำยังไงถึงจะแยกเจ้าหล่อนออกจากชีวิตของลูกชายได้ คนอย่างเตชิณ ต้องได้คนอย่างหนูรดาเป็นเมียสิ มันถึงจะคู่ควร มินตราน่ะ ไม่มีอะไรคู่ควรสักอย่าง สักนิดก็ไม่มี