หลังจากที่พี่ขุนทัพมาส่งฉันที่คอนโด ฉันก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพราะวันนี้ฉันต้องเข้าร้านซึ่งเป็นร้านเสื้อผ้าของฉันเองชื่อแบรนด์ Spicy และชื่อแบรนด์ก็ร้อนแรงเหมือนกับชื่อฉันและตัวฉันนี่แหละค่ะ
เหตุผลที่ฉันทำแบรนด์เสื้อผ้าเนื่องจากฉันเป็นคนที่ชอบแต่งตัวมากเลยตัดสินใจศึกษาและขอเงินพ่อกับแม่มาลงทุนจนสามารถเปิดสาขาหลักได้ตอนที่ฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมหก
แน่นอนว่าฉันประสบความสำเร็จเสื้อผ้าของฉันขายหมดทุกคอลเลคชั่น ปัจจุบันนี้ฉันมีสาขาย่อยห้าสาขาทั่วกรุงเทพและในทุกๆเดือนฉันจะต้องเข้าร้านทุกสาขาเพื่อตรวจสอบบัญชีและดูเอกสารต่างๆ เหมือนกับวันนี้ที่ฉันจะต้องเข้าสาขาหลัก
“สวัสดีค่ะคุณพริก” พี่แววหรือผู้จัดการสาขาทักฉันขึ้นทันที
“เรียกคุณอีกแล้วนะคะพี่แวว” ฉันพูดกึ่งดุเพราะพี่แววแก่กว่าฉันหลายปีแต่มักจะเรียกฉันว่าคุณ
“พี่ติดแล้วค่ะคุณพริก เอาของว่างไหมคะพี่จะให้เด็กไปเตรียมให้” พี่แววถามขึ้นอีกครั้ง
“ขอเป็นน้ำส้มกับขนมละกันค่ะ” ฉันตอบกลับไปทันทีก่อนจะเดินเข้ามาในห้องทำงาน
ฉันตรวจเอกสารและทำการเซ็นอนุมัติสั่งตัดคอลเลคชั่นใหม่ประจำฤดูกาลนี้ จนพี่แววเดินเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน
“มีอะไรคะพี่แวว” ฉันถามขึ้นทันทีเพราะนอกจากพี่แววแล้วข้างนอกยังมีเสียงดังโวยวายอีกด้วย
“ลูกค้าวีนค่ะ พนักงานของเราที่กำลังยกของว่างมาให้คุณพริกสะดุดล้มน้ำเลยหกใส่เธอ”
“เดี๋ยวพริกจัดการเองค่ะ” ฉันตอบกลับไปทันทีก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมา
“เธอจะเอายังไง มีปัญญาซื้อชุดคืนฉันไหม” กล้ามากที่มาว่าคนของฉันไม่มีปัญญา
“ขอโทษนะคะคุณลูกค้า ดิฉันขอโทษค่ะ” พนักงานร้านของฉันพูดขึ้นทันทีพร้อมกับสองมือเล็กๆที่ยกขึ้นไหว้ผู้หญิงขี้วีนตรงหน้า
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณลูกค้า” ฉันถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพถึงแม้ในใจจะโกรธที่เธอใช้คำพูดดูถูกคนของฉัน
“แหกตาดูสิ ชุดฉันเลอะหมดแล้วเจ้าของร้านอยู่ไหนไปเรียกมาไม่งั้นฉันไม่คุย”
“ฉันเป็นเจ้าของร้านคุยกับฉันได้เลยค่ะ” ฉันพูดขึ้นอีกครั้ง
“เธอจะรับผิดชอบยังไงชุดฉันราคาตั้งเท่าไหร่” ไม่อยากจะว่าหรอกนะแต่ราคาชุดในร้านฉันบางตัวแพงกว่าชุดยัยขี้วีนคนนี้อีก
“คุณลูกค้าอยากเรียกเท่าไหร่ว่ามาเลยค่ะ”
“มีอะไรกันส้มโอ” น้ำเสียงที่ฉันคุ้นเคยดังขึ้นทันที
“พี่ขุนทัพ” เธอกับฉันพูดขึ้นพร้อมกัน
“เกิดอะไรขึ้น” ฉันเลือกที่จะไม่ตอบคำถามเพราะฉันมั่นใจว่าพี่ขุนทัพไม่ได้ถามฉันแน่ๆ
ถ้าจำไม่ผิดตอนแรกบอกฉันว่าไปทำงานแต่ทำไมตอนนี้ถึงมาโผล่ที่ห้างได้ละ
“ก็พนักงานร้านนี้ทำน้ำหกใส่ชุดส้มโอ” เธอพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปควงแขนพี่ขุนทัพพร้อมกับซบลงไปที่แขนแกร่ง
“ฉันยินดีรับผิดชอบค่ะ” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งเพราะพนักงานร้านฉันผิดจริง ถึงเธอจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ
“รับผิดชอบทำไมครับน้องพริก ไหนบอกพนักงานทำ” พี่ขุนทัพพูดขึ้นอีกครั้ง
“เขาเป็นเจ้าของร้านไงคะ พี่ขุนทัพให้เขารับผิดชอบเถอะ ชุดส้มโอแพงมากเลยนะคะ” ยัยขี้วีนพูดขึ้นทันที
“คุณลูกค้าจะเรียกค่าเสียหาย ค่าตกใจ ค่าทำขวัญเท่าไหร่บอกมาเลยค่ะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเพราะไม่อยากจะเสวนากับยัยขี้วีนมากนัก
“ไม่ต้องหรอกครับน้องพริก”
“ไม่ได้นะคะพี่ขุนทัพ ส้มโอไม่ยอมนะ” ยัยขี้วีนทักท้วงขึ้นทันที
“ถ้าไม่ยอมก็เรื่องของเธอ” น้ำเสียงดุๆเอ่ยออกไปอีกครั้งทำเอายัยขี้วีนอย่างส้มโอหน้าสลด
“โอเคส้มโอยอมแล้ว กลับกันเถอะค่ะส้มโออยากเปลี่ยนชุด”
“ใครบอกฉันจะกลับกับเธอ” และแล้วละครบทใหม่กับก็เกิดขึ้นเพราะพี่ขุนทัพกับยัยขี้วีนอย่างส้มโอกำลังเริ่มเถียงกัน
“ส้มโอจะกลับกับพี่ขุนทัพ” ส้มโอพูดขึ้นทันที
“ส้มโออย่าให้ฉันพูดซ้ำ”
“ฉันว่าคุณลูกค้าเลือกชุดที่ร้านเปลี่ยนกลับไปก่อนไหม ฉันไม่คิดเงิน” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเพราะฉันเองก็ต้องการที่จะรับผิดชอบเพื่อที่จะไม่ทีปัญหาอะไรตามมา
“เชิญทางนี้ค่ะ” พี่แววพูดขึ้นพร้อมพายัยส้มโอไปอีกด้านของร้าน
ทำให้ตรงนี้เหลือแค่ฉันกับพี่ขุนทัพและพนักงานที่ทำน้ำหก
“หนูขอโทษนะคะคุณพริก” เธอพูดขึ้นทันทีด้วยสีหน้าและแววตารู้สึกผิด น้ำตาคลอเบ้าราวกลับจะร้องไห้
“ไม่เป็นไรมันเป็นอุบัติเหตุ” เพราะเธอเองก็คงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นหรอก
“ค่าชุดของคุณคนนั้นหักเงินเดือนหนูเลยนะคะ”
“ไม่หักหรอกมันเป็นอุบัติเหตุ ตัวเองก็เลอะเหมือนกันกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดเถอะ”
“ขอบคุณนะคะคุณพริก” พูดจบก็ยกมือไหว้ฉันส่วนฉันก็พยักหน้ารับเพราะพนักงานคนนี้เป็นรุ่นน้องพึ่งจะเข้าปีหนึ่ง
“พี่ขอโทษที่ส้มโอมาทำให้วุ่นวายนะ” พี่ขุนทัพพูดทันทีเมื่อพนักงานของฉันเดินออกไป
“ไม่เป็นไรค่ะมันเป็นอุบัติเหตุ” เพราะฉันไม่ติดใจอะไรอยู่แล้ว
“พี่จะจ่ายค่าชุดที่ส้มโอเลือกให้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพริกรับผิดชอบในฐานะเจ้าของร้านแล้วพี่ขุนทัพไม่ทำงานหรอคะ” จะว่าฉันแซะก็ได้นะเพราะฉันแซะจริงๆ
“พี่เซ็นเอกสารเสร็จเร็วเลยมาเดินเล่นกับส้มโอ”
“ส้มโอคนนี้คือใครหรอคะถึงได้มาเดินเล่นกับพี่ขุนทัพได้” เพราะฉันเองก็หาข้อมูลมาบ้างว่าส้มโอคือคู่นอนที่ควงนานสุดของพี่ขุนทัพ
“รุ่นน้องที่มหาลัยครับ” แถไปอีก
“พริกเป็นรุ่นน้องในคณะ ทำไมไม่เคยได้มาห้างกับพี่ขุนทัพเลยละคะ” ฉันถามกลับไปทันที
รุ่นน้องในคณะเจอหน้ากันมากกว่ารุ่นน้องในมหาลัยอีกนะ
“พี่ขุนทัพคะ ส้มโอเสร็จแล้วกลับกันค่ะ” ยัยส้มโอที่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วพูดขึ้นทันทีพร้อมกับควงแขนพี่ขุนทัพ
“ฉันบอกไปแล้วฉันจะไม่พูดซ้ำ ไปซะ” พี่ขุนทัพตอบกลับไปอีกครั้งก่อนจะสะบัดแขนออก
“ส้มโอไปก็ได้ค่ะ” ก่อนจะเดินออกไปยัยส้มโอก็ไม่ลืมที่จะหันมามองฉันด้วยสายตาเหยียดๆ
“งั้นพริกขอตัวนะคะ” เมื่อเห็นว่าตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้วฉันก็พูดขึ้นทันที
“เดี๋ยวสิครับน้องพริก พี่ไม่อยากให้น้องพริกเข้าใจผิดเรื่องส้มโอนะ”
“เรื่องอะไรหรอคะ เรื่องที่เป็นรุ่นน้องหรือเรื่องที่เป็นคู่นอน” ฉันถามกลับทันที
“น้องพริกรู้หรอครับ” พี่ขุนทัพมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“พริกรู้ว่าพี่ขุนทัพเป็นเสือ ขาดผู้หญิงไม่ได้เลยต้องมีส้มโอกับผู้หญิงหลายๆคนไว้ใช่ไหมละ”
“แต่ถึงยังไงพี่ก็สนใจน้องพริกนะครับ”
“สนใจพริกไปเป็นคู่นอนแบบส้มโอหรอคะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเพราะใช่ว่าฉันจะไม่รู้สักหน่อยว่าพี่ขุนทัพคิดอะไร
“ปะ...ป่าวครับ พี่สนใจจริงๆ”
“พริกก็สนใจพี่ขุนทัพนะคะแต่จะสนใจมากกว่านี้ถ้าพี่ขุนทัพเลิกเป็นเสือ”
“น้องพริกก็เสือไม่ใช่หรอครับ เสือสาว” ชื่อเสียงฉันมันเลื่องชื่ออยู่แล้วในเรื่องแบบนี้
เพราะหลายคนก็เอาเรื่องนี้ไปพูดต่อกันเยอะแต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าจริงๆแล้วก็ทำแค่อ่อยไม่เคยเอาร่างกายไปเล่น
“พริกยอมรับ”
“ถ้าพี่เลิกเป็นเสือพี่จะได้อะไรละครับ”
“ได้พริกไงคะ”