ตอนที่ 4 งานแต่งที่แสนเงียบเหงา

1244 Words
ครั้นพอประกาศออกมาแล้วหวังซ่านซูก็ไม่อนุญาตให้หลานสาวเข้ามาแก้ต่างใด ๆ พ่อบ้านคอยกันไว้ไม่ให้เข้าพบผู้เป็นอา ใบหน้าอันเศร้าหมองของโฉมสะคราญทำให้คนเป็นแม่อดห่วงไม่ได้ นางรู้สึกแย่ไม่น้อยเมื่อไม่อาจช่วยอะไรลูกตนเองได้เลย “ฉินเอ๋อร์ของแม่ แม่รู้นะว่าเจ้าไม่ได้ผูกสมัครรักใคร่กับหนุ่มเลี้ยงม้าผู้นั้น แม่ว่าเราย้ายไปอยู่นอกจวนกันดีกว่า แม่ทนลำบากได้เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียสละถึงเพียงนี้เลย” เสียงของมารดาสั่นเครือจนหญิงสาวต้องยิ้มปลอบทั้งที่ในใจเหมือนอยู่ในห้วงความทุกข์อันดำมืด “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ เพียงท่านแม่เชื่อใจข้าก็ดีใจมากแล้ว ข้าคุ้นเคยกับพี่อวี่ถงมาไม่นานเท่าไรแต่รู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนดีเจ้าค่ะท่านแม่” หากไม่นับเรื่องฐานะชาติกำเนิดและอาการติดอ่างเวลาพูดแล้วนับว่าเขาเป็นบุรุษที่ดีคนหนึ่ง อันที่จริงฐานะของนางตอนนี้ก็ไม่ต่างจากอีกฝ่ายสักเท่าไรนัก “อย่างนั้นแม่ก็เบาใจ ขอเพียงเขาไม่ทำร้ายเจ้าก็พอ” นางคงสงสารลูกมากหากต้องแต่งงานไปแล้วโดนสามีทำร้ายให้เจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ “เจ้าค่ะท่านแม่” ร่างอ้อนแอ้นนอนหนุนตักมารดาอย่างต้องการที่พึ่งพิง โชคชะตาช่างโหดร้ายเหลือทนจนไม่รู้ว่าต่อไปภายภาคหน้าจะต้องเจอกับอะไรอีก พวกนางสองคนแม่ลูกจะทนอยู่กับการถูกรังแกได้นานเพียงใด ขณะว่าที่เจ้าสาวกำลังเศร้าเสียใจอีกฝั่งหนึ่งในจวนตระกูลหวังมีสตรีสองนางกำลังรินสุราดื่มกันอย่างรื่นเริง สำหรับหลินหยุนผิงและหวังซื่ออิงแล้วการได้ดูสองแม่ลูกที่อยู่เหนือกว่ามาตลอดตกต่ำลงจนชีวิตน่าอนาถเป็นเรื่องที่น่าดูชมที่สุด “เพราะเจ้าฉลาดคิดแท้ ๆ เราถึงจัดการม่านจิวเม่ยกับลูกของมันได้” อนุหลินเอ่ยชมลูกสาวของตน หลังจากอดทนอยู่ภายใต้อำนาจของเมียเอกมานานนับสิบปีในที่สุดก็หลุดพ้นเสียที ทั้งยังเป็นการหลุดพ้นที่สาสมใจอีกด้วย ไม่ต่างจากความคิดของคุณหนูรองเท่าใดนัก นางแอบอิจฉาพี่สาวต่างมารดามาตั้งแต่เด็ก ด้วยหวังซานเย่ผู้เป็นบิดาแม้จะรักทั้งนางที่เป็นลูกอนุ แต่ก็ใส่ใจน้อยกว่าพี่สาวนัก พอเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ความอิจฉาก็แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังโดยไม่รู้ตัว “ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าเห็นพวกมันสองคนชอบคุยกันบ่อยครั้งผิดจากบ่าวชายคนอื่น จึงคิดแผนการนี้ขึ้นมาได้” การที่คุณหนูใหญ่ของตระกูลมีข่าวลือเสื่อมเสียกับบ่าวชั้นต่ำนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก หากทนอับอายขายหน้าไม่ไหวถึงกับยอมตายหนีความอายเลยก็มี “ต่อไปกุ้ยฉินก็จะได้ชื่อว่าแต่งงานกับคนเลี้ยงม้า เทียบไม่ได้กับวาสนาของเจ้า” ริมฝีปากสีชาดฉีกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ “วาสนาของข้าย่อมดีกว่านางอยู่แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่คอยดูเถิด” หวังซื่ออิงลั่นวาจาอย่างมาดหมาย บุรุษใดเล่าจะไม่อยากเกี่ยวดองกับตระกูลหวังที่มีเงินเป็นอำนาจในมือ หลังผ่านพ้นจากการไว้ทุกข์ของหวังซานเย่ พิธีแต่งงานของกุ้ยฉินกับอวี่ถงก็จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในจวน บ่าวไพร่ทั้งหลายต่างยินดีและสงสารคุณหนูใหญ่ไปพร้อมกัน ทว่าพวกเขาไม่มีอำนาจจะช่วยเหลืออะไรมากเกินกำลังตน อาภรณ์สีแดงกรุยกรายและเครื่องประดับงดงามคงเป็นสิ่งเดียวที่อาของนางจัดให้สมฐานะ ไม่ใช่เพราะรักหลาน แต่เพราะเกรงจะถูกชาวเมืองครหานินทาเสียมากกว่า อวี่ถงเองก็ดูหล่อเหลามิใช่น้อย เนื่องจากในเวลาปกติจะมีเศษดินเศษโคลนเปรอะเปื้อนอยู่ตลอดเวลา พอถูกจับล้างหน้าล้างตาก็ดูดีขึ้นมาก นับตั้งแต่รู้ว่าต้องแต่งงานกับนางเขาแทบไม่พูดอะไรเลย บ่าวไพร่ในจวนบางส่วนก็พาลมองเขาแปลก ๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจทำหน้าที่ดูแลม้าของเขาต่อ ในพิธีไม่มีการมอบสินสอดจากฝ่ายเจ้าบ่าว ไม่มีการมอบสินเดิมจากฝ่ายเจ้าสาว มีเพียงการคำนับฟ้าดินและดื่มสุรามงคลร่วมกัน สาบานต่อบรรพบุรุษเพื่อต่างฝ่ายต่างยอมรับกันเป็นสามีภรรยา ม่านจิวเม่ยน้ำตาคลอยามมองหน้าลูกสาวกับลูกเขย นึกขอโทษสามีที่ตายจากอยู่ในใจเพราะตนไม่อาจปกป้องดูแลลูกได้ดีกว่านี้ แม้กระทั่งวันสำคัญที่สุดในชีวิตหญิงสาวยังไม่อาจเลือกบุรุษที่พึงใจเองได้ ครั้นสิ้นพิธีถึงเวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ ฮูหยินใหญ่จึงได้พูดคุยกับอวี่ถงเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มคุกเข่าคำนับแม่ยายด้วยความเคารพทำให้ได้รับรอยยิ้มเอ็นดูกลับมา “แม่ฝากเจ้าดูแลฉินเอ๋อร์ด้วยนะอาถง นางลำบากมามาก แม่ขอให้เจ้าทั้งสองคนครองคู่กันราบรื่น ช่วยปกป้องนางจากคนพวกนั้นที” นางอวยพรฝากฝังเสียงสั่น แม้จะรู้ว่าลูกเขยไม่มีอำนาจถึงเพียงนั้นก็ตาม “ข้าจะดะ...ดูแลนะ...นางเองขอระ...รับ” อวี่ถงรับปากอย่างหนักแน่นก่อนปล่อยให้แม่กับลูกคุยกันสองคนส่วนตัวเขาเพียงนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ เมื่อมารดาของเจ้าสาวออกไปประตูห้องหอก็ปิดลง ห้องหนึ่งในเรือนหลังเล็กถูกใช้เป็นห้องหอเพื่อความสะดวก บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความเงียบงันยามอยู่กันตามลำพัง “ข้า...ขอโทษท่านพี่นะเจ้าคะ ที่ทำให้ต้องเดือดร้อนไปด้วย” คุณหนูใหญ่กล่าวขอโทษเจ้าบ่าวของนางอย่างรู้สึกผิดท่วมท้นใจ การผูกติดด้วยพันธะสามีภรรยาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่งแล้วย่อมต้องอยู่ด้วยกันตราบจนชั่วชีวิต หากมีการหย่าร้างเป็นม่ายย่อมถูกมองด้วยสายตารังเกียจจากผู้คน “พี่...ขะ เข้าใจ ระ เรื่อง...ของ จะ...เจ้าดี ฉะ...ฉินเอ๋อร์ ไม่ต้องขอทะ...โทษหรอก” ชายหนุ่มบอกตะกุกตะกัก เขาทำงานในจวนมาตั้งแต่นายท่านคนเก่ายังมีชีวิตอยู่ย่อมรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เขาก็เลือกจะเดินลงสู่แผนการร้ายของสองแม่ลูกนั่นเพียงเพื่อต้องการปกป้องนางอันเป็นที่รัก เขาแอบพึงพอใจในตัวคุณหนูใหญ่ตระกูลหวังมานานแล้วแต่เพราะฐานะแตกต่างราวฟ้ากับดินจึงไม่อาจเอื้อมไปเกี้ยวพานางได้ ไม่คิดว่าวันนี้จะมีโอกาสได้แต่งงานกับนาง “ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี แต่ข้าสัญญาว่าจะพยายามเป็นฮูหยินที่ดีของท่านพี่นะเจ้าคะ” ดวงหน้าที่แต่งแต้มเพียงน้อยแย้มยิ้มหวาน นางมิใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเลยไม่เคยรังเกียจฐานะของบุรุษตรงหน้า “พะ...พี่ ก็เช่นกะ...กัน” ดวงตาคมพราวระยับอ่อนโยนยามจ้องมองภรรยาหมาด ๆ ...................................................................................... อุ๊ย ตกลงลูกเขยแอบส่องลูกสาวเรามานานแล้ว ว่าแต่ใครหาไม้หน้าสามไปดักตีนังสองแม่ลูกนั่นทีค่ะ ฝากเผื่อไรท์ด้วย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD