ตอนที่ 2 จากคุณหนูใหญ่กลายเป็นบ่าวในจวน

1134 Words
หวังกุ้ยฉินเจ็บแค้นอยู่ในอกแต่ไม่กล้าปริปากบอกมารดาสักคำ ได้แต่ก้มหน้าอดทนต่อชะตากรรมอันเลวร้ายนี้ ทั้งที่หวังซานเย่ทำให้ตระกูลหวังมีการค้าใหญ่โตจนญาติพี่น้องอยู่กันอย่างสุขสบาย ทว่าเมื่อสิ้นเขาแล้วเมียและลูกกลับถูกไล่ราวกับไร้ความสัมพันธ์ต่อกัน เดิมทีตระกูลหวังทำการค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษไม่ได้ร่ำรวยเหมือนทุกวันนี้ ดีว่าหวังซานเย่ฉลาดหันมาค้าเกลือซึ่งเป็นของจำเป็นที่ทุกบ้านต้องใช้และขาดไม่ได้ ต่อมาก็ขยายอาณาเขตไปไกลถึงต่างแคว้น ผูกขาดกับหลายร้านในเมืองใหญ่หรือแม้แต่วังหลวงทำให้การค้าของตระกูลหวังรุ่งเรืองขึ้นมาก “ท่านแม่ อยู่ได้รึไม่เจ้าคะ” ใบหน้าพริ้มเพราหมดจดหันไปถามมารดาด้วยความสงสาร ร่างของสตรีวัยกลางคนกำลังนั่งพับผ้าลงหีบไม้อย่างเหม่อลอย สูญเสียสามีไม่พอยังต้องสูญเสียทุกอย่างโดยไม่ทันตั้งตัวอีก กุ้ยฉินนั้นอดทนได้เพราะยังไม่มีที่ไป ไร้สินทรัพย์ติดตัว กลัวอย่างเดียวคือมารดาจะลำบากก็เท่านั้น “แม่อยู่ได้ ฉินเอ๋อร์ของแม่ไม่ต้องห่วง คงลำบากเจ้าไม่น้อยเลย” ฮูหยินใหญ่เอ่ยเสียงเครือพลางส่งยิ้มอ่อนแรงให้ลูกสาว เมื่อไร้สามีเคียงข้างแล้ว ลูกก็คือสิ่งล้ำค่าที่สุดที่นางมี “ข้าทนได้เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะดูแลท่านแม่เองเจ้าค่ะ” ย้ายมาเรือนนี้แล้วเรื่องบ่าวรับใช้คงไม่ต้องพูดถึง ไม่แคล้วต้องทำทุกอย่างด้วยตนเองเป็นแน่ หญิงสาวแจ้งแก่ใจดีแต่นางแค้นใจอยู่เพียงเรื่องเดียวคือ ในยามที่ฮูหยินเอกต้องลำบาก อนุภรรยาอย่างหลินหยุนผิงและน้องสาวต่างมารดาหวังซื่ออิงกลับได้อาศัยอยู่ในจวนหวังอย่างสุขสบายเสียอย่างนั้น เพียรคิดเท่าไรก็ไม่ได้คำตอบจึงเลิกใส่ใจสองแม่ลูกนั่นเสีย เพราะอย่างไรท่านอาของนางคงไม่เปลี่ยนใจอยู่ดี นับตั้งแต่ย้ายมาคุณหนูใหญ่กับฮูหยินต้องทำงานไม่ต่างจากบ่าวในจวนเพื่อแลกกับอาหารและเงินเพียงเล็กน้อย ทั้งทำความสะอาดคอกม้า ซักเสื้อผ้า ตักน้ำ ทำสวนและอีกสารพัดหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ หวังกุ้ยฉินเลือกทำงานหนักแล้วให้มารดาไปช่วยงานในครัวดูแลเรื่องอาหารการกินของคนในจวนแทนซึ่งเหนื่อยน้อยกว่ามากนัก ดีว่าบ่าวคนอื่นที่ยังภักดีต่อฮูหยินใหญ่ยังมีจึงพอจะฝากฝังให้ช่วยดูแลได้ แต่ลำบากกว่าทำงานหนักคือการที่ถูกน้องสาวต่างมารดาอย่างหวังซื่ออิงเรียกไปรับใช้ที่เรือนบ่อยครั้งต่างหาก แม้รู้ว่านั่นเป็นการจงใจกลั่นแกล้งตามประสาคนไม่ลงรอยกันมาก่อนก็โต้ตอบกลับไม่ได้ เพราะท่านอาจงใจหลับตาข้างหนึ่งทำเป็นไม่รับรู้ในสิ่งที่สองแม่ลูกนั่นทำกับนาง “นี่! เจ้านวดให้มันแรงกว่านี้หน่อยสิกุ้ยฉิน” เสียงหวานใสตวาดดังเมื่ออีกฝ่ายปรนนิบัติไม่ถูกใจ ดวงตากลมมองหน้าพี่สาวผู้ตกต่ำอย่างไร้ความเวทนาใด ๆ นับแต่ลืมตาดูโลกมาในฐานะลูกของอนุคนหนึ่ง รู้สึกสาแก่ใจที่สุดก็วันนี้เอง วันที่มีชีวิตเหนือกว่าหวังกุ้ยฉินกับมารดาของนางทุกอย่าง สิ่งเดียวที่พี่สาวต่างมารดาผู้นี้ยังพอมีดี ก็แค่สกุลหวังที่นำหน้าชื่ออยู่ก็เท่านั้น... “เจ้าค่ะคุณหนู” คุณหนูคนใหม่ของจวนเชิดหน้าลำพองใจสะบัดพัดในมือคลายร้อน อารมณ์โมโหมลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินบุตรีคนโตของจวนเรียกเช่นนั้น “รู้ก็ดีแล้วว่าข้าคือคุณหนูคนใหม่ของตระกูลหวัง เจ้ามันก็แค่บ่าวคนหนึ่ง จำใส่หัวไว้!” หวังกุ้ยฉินเม้มปากแน่นเก็บความแค้นฝังลึกลงในใจทุกคราที่ถูกกระทำย่ำยีจากคนพวกนี้ หมายมั่นว่าวันหนึ่งหากกลับมายืนจุดเดิมได้อีกครั้งจะไม่มีทางปล่อยพวกมันลอยหน้าลอยตาเด็ดขาด หลังจากปรนนิบัติรับใช้คุณหนูคนใหม่เสร็จแล้ว คนงามก็ต้องไปช่วยทำความสะอาดคอกม้าและเตรียมอาหารให้ม้าต่อ ที่บอกว่าช่วยนั่นก็เพราะมีคนเลี้ยงม้าคอยดูแลอยู่แล้ว ‘อวี่ถง’ คือคนเลี้ยงม้าที่บิดาของนางรับมาอยู่ในจวนนานหลายปี เขามักพูดติดอ่างอยู่ตลอดหลายคนจึงไม่ชอบพูดกับเขาด้วยรำคาญอาการนั้น...กว่าจะพูดจบแต่ละคำก็แทบหมดวันกระมัง เดิมทีหญิงสาวไม่สนิทกับอีกฝ่ายเท่าไร แต่พอมาทำงานร่วมกันได้พูดคุยบ่อยครั้งเข้าก็กลายเป็นถูกคอ พอมีเวลาว่างจึงมักมานั่งเล่นช่วยดูแลม้าอยู่บ่อย ๆ อีกนัยหนึ่งก็คิดหลบหน้าหวังซื่ออิงที่ชอบเรียกใช้งานเพื่อแกล้งนางด้วย ชายหนุ่มอายุไม่มากนักจึงสนิทกันได้ง่าย อีกทั้งเขายังมีเรื่องน่าสนใจมาเล่าให้นางฟังโดยบอกว่าเขาชอบเดินทางไปหลายแคว้นจึงพบเจอเรื่องแปลกใหม่มากมาย “ข้าคะ...เคยเห็นขะ...ขะ...เขาเอามันไปพะ...พอกหน้าด้วยขอระ...รับ” อวี่ถงยังคงนอบน้อมต่อนางเสมือนเก่าก่อน เขาเล่าอย่างออกรสเรื่องสมุนไพรที่เคยเจอในชนเผ่าบนภูเขาซึ่งหญิงสาวก็ตาลุกวาวด้วยความสนใจใคร่รู้ ยิ่งบอกว่าสามารถนำมาใช้พอกหน้าบำรุงผิวได้ยิ่งเรียกความตื่นตาตื่นใจจากคนฟังไม่น้อย “จริงหรือพี่อวี่ถง พอกแล้วคงหน้าขาวจนตกใจเป็นแน่ ฮ่าๆ” โฉมสะคราญว่าพลางคิดภาพตามในหัวแล้วหลุดหัวเราะออกมา “จริงขะ...ขอรับ” ใบหน้าคมเปรอะเปื้อนจากการทำงานพยักหน้ารับ “เดี๋ยวข้าเอาไปลองทำดูบ้างดีกว่า ผิวจะได้ขาวเนียนเหมือนสตรีในเมืองนั้น” เสียงหัวเราะของคุณหนูใหญ่ดังไปถึงจุดที่หวังซื่ออิงยืนอยู่ นางแอบดูทั้งสองคุยกันสนิทสนมมาสักพักแล้ว ดูราวกับคู่รักกำลังหยอกล้อกันก็ไม่ปาน ริมฝีปากสีระเรื่อเหยียดยิ้มเย้ยหยันให้กับสภาพของพี่สาวต่างมารดา ทว่าก่อนจะจากไปกลับฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ บางอย่างที่ทำให้นางสามารถเหยียบสตรีนางนั้นให้ต่ำต้อยลงยิ่งกว่าเดิม... ...................................................................................... ลูกอนุเปิดมาก็หางานให้ลูกสาวไรท์เลยค่ะ /รี๊ดมองว่าที่ลูกเขยไว้เลยนะคะ ฮาาา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD