“ฮึก! ฮึก! คุณหนู เอ่ยว่ากระไรนะเจ้าคะ ผู้ใดปาสิ่งใดของท่านหรือเจ้าคะ”
เมื่อสาวใช้ตั้งสติได้แล้วว่าคุณหนูของนางยังมีชีวิตอยู่จึงหยุดร้องไห้ แล้วสอบถามในสิ่งที่นางไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยได้ยินผู้ใดพูดจาเช่นนี้มาก่อน ช่างเป็นคำพูดที่แปลกประหลาดยิ่งนัก
จางเย่วชิง ไม่ได้ตอบคำถามผู้หญิงรูปร่างผอมบางจนสายลมแทบจะพัดปลิวไป หญิงสาวผู้นี้สวมใส่ชุดจีนโบราณในรูปแบบของสาวใช้ เย่วชิงกวาดสายตามองสำรวจไปรอบๆห้องนอนที่ทรุดโทรม ทว่ายังดีที่สะอาดสะอ้านไม่มีกลิ่นเหม็นอับให้รำคาญใจ
จางเย่วชิง สายลับสาวจากหน่วย FBI ของสหรัฐอเมริกา ที่จดจำได้ว่าตนเองขับรถยนตร์ยี่ห้อเฟอรารี่สีแดงสดของตนเอง หลบหนีผู้ร้ายออกไปทางชานเมืองของกรุงปักกิ่ง เพราะเธอทำงานผิดพลาดจนถูกจับได้ว่าเป็นสายลับแฝงตัวเข้าไปในองค์กรผู้ร้ายข้ามชาติ แต่ทำไมเวลานี้ถึงได้มานอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ในบ้านเก่าๆหลังนี้ได้
ด้วยหน้าที่การงานที่ถูกฝึกฝนมาให้รักษาความสงบนิ่งบนใบหน้าในทุกๆสถานการณ์ สาวใช้ที่กำลังจ้องมองคุณหนูว่านางจะตอบสิ่งใดออกมา จึงมองเห็นเพียงแววตาที่เฉยชาปรากฏออกมาให้เห็น หาได้เป็นแววตาที่มีแต่ความตื่นกลัวเฉกเช่นเคยตามอุปนิสัยขลาดกลัวทุกสิ่งอย่างของจางเย่วชิงคนเดิม
ผ่านไปเพียงครู่ความทรงจำสายหนึ่ง ก็วิ่งจู่โจมเข้าสู่เซลล์สมองอันชาญฉลาด ของคนที่มีระดับไอคิวเกิน200 จางเย่วชิงหลับตาลงเพื่อบันทึกเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ใจที่เธอพึ่งได้รับรู้ หากไม่เห็นกับตาและรับรู้ด้วยตนเอง เธอคงไม่มีทางเชื่อเป็นอันเด็ดขาดว่า เรื่องราวของการทะลุมิติมาสวมร่างสวมวิญญาณในโลกคู่ขนานจะมีอยู่จริง
“ไม่มีอันใดจูลี่ ข้าเพียงแค่ฝันร้ายไปก็เท่านั้น ยามนี้ข้าหายป่วยแล้วเจ้าไปพักผ่อนสักหน่อยเถิด เพราะใบหน้าของเจ้าช่างอิดโรยและทรุดโทรมยิ่ง และไม่ต้องไปขออาหารที่ห้องครัวของตำหนักใหญ่มาให้ข้ากินอีกแล้ว เพราะมีคนจงใจวางยาพิษในอาหารให้ข้ากิน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสวามีชั่วช้าผู้นั้นสั่งการบ่าวไพร่เอาไว้ก็เป็นได้”
จางเย่วชิงเอ่ยสั่งการออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ผิดแปลกไปจากอุปนิสัยเดิมแต่เก่าก่อนที่ทั้งขลาดกลัวและหัวอ่อน จนจูลี่สาวใช้คนสนิทซึ่งรู้จักนิสัยของคุณหนูของนางมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย เอ่ยถามออกไปในสิ่งที่นางนึกสงสัยทันที
“ท่านไม่ใช่คุณหนูของข้า”
“อืม ข้าไม่ใช่นาง แต่จากนี้ไปข้าก็คือนางเพราะคุณหนูของเจ้านางจากไปยังที่แสนไกลแล้ว เจ้าจงตัดสินใจเอาเถิดว่าจะกลับไปอยู่ที่จวนตระกูลจาง หรือจะไปตายเอาดาบหน้ากับข้าผู้นี้ เพราะตำหนักของชินอ๋อง ย่อมมิใช่หลุมฝังศพของข้าเป็นแน่”
“ฮึก! ฮึก! คุณหนูจากไปแล้วจริงๆหรือเจ้าคะ”
“นางหมดเคราะห์กรรมในภพนี้แล้ว เหลือแต่เพียงข้าที่ต้องมาชดใช้กรรมต่อจากนาง”
จางเย่วชิงได้เห็นความทรงจำของตนเอง ตอนถูกคนร้ายปาระเบิดใส่รถเฟอรารี่สีแดงของเธอจนเสียชีวิตคาที่ จึงได้ยอมรับโดยง่ายที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างของจางเย่วชิงในภพนี้ต่อไป ซึ่งทั้งสองคนต่างมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการ เพียงแต่จางเย่วชิงในยุคโบราณนั้น อ่อนเยาว์และผอมแห้งกว่าจางเย่วชิงที่เป็นสายลับสาวผู้แข็งแกร่ง
“ข้าจะไปกับกับท่านจะทุกข์หรือจะสุขข้าก็ขออยู่กับท่านไปตลอดชีวิต จากนี้ไปข้าคือคนของท่านต่อให้ท่านจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม ข้าขอแค่เพียงให้ท่านดูแลรักษาร่างกายของคุณหนูให้ดีก็พอเจ้าค่ะ”
จูลี่ก้มหัวลงทำความเคารพเจ้านายคนใหม่ของนางด้วยความเต็มใจ เพราะอย่างน้อยๆร่างกายของคุณหนูที่นางรักยิ่งกว่าชีวิตก็ยังไม่สูญสลายหายไป
“อืม ข้าสัญญาว่าจะดูแลร่างกายคุณหนูของเจ้าให้ดีที่สุด ข้าขอเวลาฟื้นฟูร่างกายที่อ่อนแอนี้เพียงไม่นาน หลังจากนั้นเราทั้งสองคนจะออกไปจากตำหนักเก่ารกร้างแห่งนี้ แล้วเดินทางไปอาศัยอยู่ที่เมืองอื่น เพื่อใช้ชีวิตให้มีความสุขตามที่ควรจะเป็นมาตั้งแต่แรก”
สายตาอ่อนโยนจ้องมองสาวใช้ข้างกายของเจ้าของร่างด้วยความเอ็นดู หากเชื่อใจและไว้ใจนางก็ย่อมต้องได้รับสิ่งดีๆตอบแทนกลับไปอย่างแน่นอน
“เจ้าค่ะ แต่คุณหนูมีตำลึงหรือเจ้าคะ สินเดิมของท่านฮูหยินรองก็ไม่แม้แต่จะมอบให้สักชิ้น ท่านเสนาบดีก็เอาแต่ปิดหูปิดตาเชื่อฟังนาง ตำลึงสักอีแปะก็ไม่มอบให้ท่านติดกายทั้งๆที่รู้ว่าท่านไม่มีสมบัติติดตัวมาสักชิ้น ทุกวันนี้ข้ากับคุณหนูคนเดิมต้องรอคอยเศษอาหารจากห้องครัวของตำหนักใหญ่ จนถูกวางยาพิษในอาหารอย่างที่ท่านรับรู้”
จูลี่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงท้อถอยในโชคชะตาชีวิตของคุณหนูผู้น่าสงสาร
“ข้ามีหยกจักรพรรดิที่ท่านแม่มอบไว้ให้ติดกาย นางบอกให้ข้านำไปขายเมื่อถึงคราลำบาก ซึ่งยามนี้เราสองคนก็ลำบากมากแล้วหากข้านำหยกไปขายคงได้ตำลึงมาไม่น้อย และท่านแม่ที่อยู่ในปรโลกคงเห็นด้วยกับการกระทำที่ต้องเอาตัวรอดของข้า หลังจากนั้นค่อยคิดหาช่องทางทำมาหากินกันต่อไป เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลอันใด ข้าผู้นี้มีความรู้ความสามารถมากกว่าที่เจ้าคิด ลำพังจะหาตำลึงมาซื้อจวนสักหลังข้าเชื่อว่าไม่ยากนักหรอก”
จางเย่วชิงอมยิ้มมุมปากออกมาเมื่อเห็นความกังวลของสาวใช้คนสนิท ซึ่งแน่นอนว่าสตรีที่นิสัยรวยอย่างนางคงไม่ยอมใช้ชีวิตยากลำบากกัดรากไม้ใบหญ้ากินเป็นแน่
ทรัพย์สมบัติเป็นแค่เพียงของนอกกาย การเอาตัวรอดในช่วงเวลาที่ยากลำบากย่อมสำคัญกว่า นางเชื่อว่ามารดาของร่างเดิมคงเข้าใจเพราะนางคงไม่ยอมใช้ชีวิตอดสูเยี่ยงบุตรสาวคนเดิมอย่างแน่นอน
“คนของชินอ๋องจะไม่ว่ากระไรหรือเจ้าคะ แล้วพวกเราจะอยู่อาศัยกันเองเพียงแค่สตรีได้เยี่ยงไร จะไม่ถูกรังแกหรอกหรือ ท่านยิ่งมีใบหน้างดงามเพียงนี้ ข้าล่ะอดเป็นกังวลไม่ได้จริงๆ”
จูลี่ยังคงอดกังวลมิได้ด้วยความที่ถูกตีกรอบความคิดมาตั้งแต่เยาว์วัย ว่าสตรีต้องอยู่ใต้ชายคาของบุรุษอยู่ร่ำไป ซึ่งแตกต่างจากจางเย่วชิงสายลับสาวสวย ที่ใช้ชีวิตด้วยตนเองมาตั้งแต่อายุ15ปี