ตอนที่ 9

1374 Words
ตอนที่ 9 “นึกว่าจะใจกล้าหน้าด้านกว่านี้ ที่จริงก็กลัวเป็นกับเขาเหมือนกัน แต่ก็น่ากลัวอยู่หรอกนะ ไปทำเอาคนอื่นเกือบจะตาย ป่านนี้ก็ยังไม่ฟื้นเลยนี่” มันเป็นเสียงที่ดังมาจากหนึ่งในสองคนที่ยืนจ้องเหมือนกับเธอเป็นเศษขยะเน่าเหม็น ที่เธอได้แต่สงสัย คนพวกนี้เป็นใคร โกรธเกลียดเธอเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้แสดงอาการรังเกียจเกลียดชังเธอถึงขนาดนี้ เท่าที่จำได้ เธอไม่เคยเจอคนพวกนี้มาก่อน เพราะชีวิตที่มีก็วนเวียนอยู่แต่บ้าน โรงเรียนและโรงพยาบาลที่เหมือนจะเป็นบ้านหลังที่สอง มณีมณฑ์เหลียวไปมองร่างหนาใหญ่ที่ดูเหมือนกับจะเป็นนายของอีกสองคน “ฉันไม่สนใจว่าพวกคุณเป็นใคร มาที่นี่เพราะต้องการอะไร แต่เชิญออกไปจากบ้านฉัน ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจ” หญิงสาวขู่เสียงสั่น “เรียกตำรวจ” คำพูดของเธอกลับทำให้คนที่บุกรุกหันมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น ราวกับได้ยินเรื่องตลกโปกฮา “เรียกมาจับใคร พวกฉันหรือ...หรือว่าจับเธอกันแน่ละ ยายฆาตกร” น้ำเสียงเข้มห้าวเน้นหนักในทำลงท้าย “ไม่จริง! ฉันไม่ใช่ฆาตกร” มณีมณฑ์เถียงเสียงสั่นปากสั่น มือเรียวยกขึ้นชี้หน้าแต่ละคน “ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตาย พวกคุณอย่ามาโยนขี้ใส่ฉันนะ” “อ้าว! เหรอ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ลากเสียงยาวที่ทั้งเย็นและกร้าวแข็ง มณีมณฑ์ไม่ทันจะได้ตั้งตัว ชายร่างใหญ่ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาหยุดยืนตรงหน้า เขาจับสองมือเรียวไปตรึงไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะดันร่างเล็กจนลอยขึ้นเหนือพื้น พลางแทรก ขาแข็งแกร่งระหว่างขาเล็กเรียว เสียงหัวเราะที่ดังอยู่ใกล้หู มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กบีบคางมนจนมณีมณฑ์รู้สึกเหมือนกับว่ากระดูกกระเดี้ยวแทบจะหัก คำพูดที่จะบอกให้อีกฝ่ายปล่อยตัวเธอเสียก็พูดไม่ได้ คงจะมีเพียงแค่น้ำตาที่ไหลซึมเพราะความเจ็บและกลัว ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้กล้าบุกรุกบ้านของคนอื่นและขู่เจ้าของบ้านแบบนี้กันแน่ ‘พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยด้วย ผึ้งกลัว’ “ถึงเธอจะไม่ใช่ฆาตกรในตอนนี้ เพราะผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตายก็จริง แต่โทษของเธอที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บก็ยังมีอยู่ เธอต้องชดใช้อย่างสาสม!” เสียงแข็งกร้าวที่ดังทะลุโสตประสาท ทำให้มณีมณฑ์ถึงกับตัวเย็นยะเยือก เริ่มโหวงเหวงในอก หายใจแผ่วเบา เมื่อมือหยาบกระด้างสัมผัสกับผิวเนื้อนวลเนียน “อือ...อือ...” (พวกแกเป็นใคร เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ปล่อยฉันนะไอ้บ้า) ” “หน้าตา...ก็ไม่ได้ถือว่าย่ำแย่ รูปร่างก็...” เขาสัมผัสกายเล็กดู ที่เห็นว่าบอบบางจนหากไปเจอลมกระโชกแรงๆ แถวที่เขาอยู่คงจะปลิวไปง่ายๆ ก็ดูเหมือนจะหลอกตาไม่น้อย “ถือว่าใช่ได้อยู่นะ” ตอนแรกก็ไม่คิดที่จะสนใจผู้หญิงใจยักษ์ใจมารคนนี้หรอกนะ แต่ใบหน้าที่แม้จะมอมแมมและอิดโรย บอบช้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก ถึงดวงตากลมโตจะหม่นหมองไม่สดใส แต่ก็ชวนมองไม่น้อย มันทำให้เขาที่ตอนแรกไม่คิดจะสนใจ ก็คิดว่าการจะสั่งผู้หญิงร่านอยากมีผัวจนตัวสั่น คงต้องเอาตัวเองไปเกลือกกลั้วด้วย “หน้าตาอย่างนี้เอง ไอ้ศรวัณถึงได้ดิ้น อยากได้นัก ถ้าไอ้ขี้หลีนั่นรู้ว่ามณีมณฑ์หายไปจากบ้าน หายหน้าหายตาไปกับผู้ชายถึงสามคนด้วยกัน มันคงจะเสียดายแย่ ถ้ารู้ว่าความสาวความสวยของเธอถูกผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่มันเป็นคนได้ไป” ถึงศรวัณจะยังไม่มีทีท่ากับผู้หญิงตรงหน้า แต่เท่าที่ลูกน้องเขาคอยจับตามองอยู่ ชายหนุ่มเคยพยายามหลบเลี่ยงนิศามณีไปพบผู้หญิงคนอื่นอยู่ แต่คงเป็นเพราะการแต่งงาน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่าง เพราะต้องจัดการอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ปลีกตัวไม่ได้ ส่วนตอนนี้ ศรวัณต้องคอยดูแลนิศามณี แต่ใครจะรับประกันได้ละ ชายหนุ่มจะไม่แตกแถวมาหาแม่รีแม่แรดที่พยายามจับทอดสะพานคอนกรีตให้เดิน เขาโน้มใบหน้าลงไปจนริมฝีปากร้อนแนบบนลำคอระหงของคนที่พยายามเบือนหน้าหนี ขบเคลื่อนอย่างเชื่องช้าจวบจนถึงใบหูนุ่ม ขบกัดด้วยฟันแรงๆ จนร่างเล็กบางสะดุ้งเฮือก เขาสอดมือเข้าไปลูบไล้ผิวเนื้อที่นุ่มนิ่ม ครอบครองเนินเนื้อสล้างที่ตอนแรกดูเหมือนว่าจะเล็ก แต่หลอกสายตาเพราะเมื่อได้สัมผัสไปเข้าจริง เขากลับรู้ว่ามันอวบอัดเต็มไม้เต็มมือ “อื้อฮือ...หุ่นเธอนี่มันน่าฟัดจริงๆ นะยายฆาตกร อย่างนี้คงจะทำให้ฉันมีความสุขได้ไม่น้อยเชียวละ” เขาเคล้นคลึงปทุมถันอวบอิ่ม ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้เวียนวนรอบปลายยอดถันนุ่มแผ่วเบา “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ปล่อย! ใครก็ได้ช่วยด้วย น้อยช่วยด้วย” มณีมณฑ์ดึงสติที่มีกลับคืนมา เธอพยายามดึงแขนและกายให้หลุดจากคนตัวใหญ่ที่บดเบียดอย่างแนบชิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ยิ่งขยับกายมากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะใกล้ชิดเสียดสีกับกายใหญ่ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ มือที่มันยุ่มย่ามอยู่บนลำตัวทำให้เธอหายใจหายคอไม่คล่อง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง พลางหลุดเสียงกรีดร้องออกมาเป็นครั้งคราว ต่างจากคนที่บุกรุกเข้ามา พวกเขาต่างก็หัวเราะอย่างขบขันไม่ยอมหยุด หากสายตากลับเปล่งประกายวายจ้า น่ากลัวจนหัวจะเธอเหมือนจะหลุดออกจากร่าง “ฮึ! นอกจากจะใจร้ายแล้ว อารมณ์ก็ขึ้นเร็วไม่น้อยเชียวนะยายฆาตกร” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหยามหยัน ลิ้นสากระคายลากไล้ในช่องหูนุ่ม ตวัดไล้หยอกล้อแรงๆ ในขณะที่มือก็บีบเคล้นปทุมถันอวบอิ่มอย่างรุนแรงไม่ปรานี ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะขบเคลื่อนไปตามผิวกายเนียนนุ่มประทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่ตอนนี้เย็นชืดและแตกระแหงเหมือนกับดินที่ขาดน้ำ กดย้ำขบกัดลงไปอย่างไม่มีการปรานีแม้แต่น้อย อึก...น้ำตาเอ่อล้นและไหลออกจากสองตา กลัวจนตัวสั่น อับอาย...ที่ถูกกระทำอย่างไม่ให้เกียรติ ถึงเธอจะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ควรจะมาเจอกับเรื่องแบบนี้ มณีมณฑ์พยายามขบกับกลีบปากเอาไว้ ไม่ยอมให้ลิ้นอุ่นล่วงล้ำเข้าไปภายใน เธอพยายามเบือนหน้าหนี แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างใจต้องการ กายเล็กเจ็บปวดกับสัมผัสที่รุมเร้าด้วยความหนักหน่วง ปากก็เริ่มเจ็บเพราะถูกคนตัวใหญ่กัดเอา ไหนจะร่างกายที่ถูกแนบชิดที่ทำให้เธอไม่กล้าจะขยับร่างกายมากเกินไป เพราะสัมผัสที่ได้รับทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง “อื้อๆ ...” (ไม่น่ะ...) ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ผิวเนื้อบริเวณสะเอวเล็กคอดไล่ไปถึงเต้าอวบอิ่มที่ไหวกระเพื่อมอย่างรุนแรงตามอัตราการหายใจของผู้เป็นเจ้าของ เขาอยากจะรู้นักว่ามณีมณฑ์จะต้านทานความปรารถนาที่ที่ถูกปลุกเร้าขึ้นได้สักกี่น้ำ ชายหนุ่มครอบครองและบีบเคล้นคลึงจนบัวตูมเต่งตึงตั้งเต้าชูช่อ ริมฝีปากอวบอิ่มก็เผยออ้าให้เขาได้ส่งปลายลิ้นสากระคายล่วงล้ำเข้าไปภายในโถอุ่นนุ่ม เขาหัวเราะกลั้วคอ “จะต่อต้านฉันหรือผึ้ง อย่างเธอนะ เอาชนะฉันไม่ได้หรอกแม่ตัวดี” ก็คิดอยู่แหละว่า มณีมณฑ์ไม่น่าจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่ก็ดี เขาจะทำให้ยายตัวร้ายที่เกือบจะกลายเป็นฆาตกร ฆ่าหลานสาวของเขาได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD