ตอนที่ 4
“บ้า!” นิศามณีทุบอกของว่าที่คู่หมั้นอย่างกระดากอายเบาๆ เธอตวัดค้อนใส่คนพูดวงโต
“พูดจาอะไรไม่รู้น่าเกลียดที่สุดเลย เรายังเป็นเพียงแค่คู่หมั้นเท่านั้นเองนะคะ” นิศามณีตวัดค้อนใส่ศรวัณ หากในดวงตากลับหวานฉ่ำ นิ้วยาวหยอกล้อกับปลายคางแข็งแกร่ง
“อย่างอื่น...ไว้รอหลังแต่งงานนะคะที่รัก” หญิงสาวยังเอ่ยด้วยเสียงนุ่มหวาน แต่ปลายตาไปมองแม่สาวร่างเล็กพร้อมด้วยรอยยิ้มหยามหยัน
เกลียด! เกลียดผู้หญิงตรงหน้าเหลือเกิน อยากมีมีดปลายแหลมและคมกริบสับใบหน้าที่ยิ้มเย้ยนั้นอยู่ให้เละเป็นหมูสับเหลือเกิน มณีมณฑ์เกร็งมือกำหมัด ขบกัดฟันกรามจนแก้มนูน ประกายในดวงตาแข็งกร้าวและดุร้าย แต่ต้องรีบสลัดทุกความรู้สึกทิ้งไป เมื่อหันไปเห็นศรวัณกำลังจะเดินจากไป
“เดี๋ยวสิคะพี่สอง” มณีมณฑ์รีบดึงแขนของศรวัณไว้ ยอมไม่ได้ถ้าหากไม่ได้คุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่อง คืนนี้ทั้งคืนเธอคงนอนไม่หลับ ส่วนหนึ่งเพราะถูกหมางเมินจากคนตรงหน้า และอีกส่วนก็เพราะผู้หญิงที่ยืนอิงแอบแนบชิดอยู่นั่นแหละ
“พี่สองจำน้องผึ้ง ลูกแม่มณีวรรณ เด็กคนที่พี่สองคอยดูแล พาขี่หลัง คอยวิ่งไล่จับกันตอนยังเป็นเด็กไม่ได้หรือคะ” มณีมณฑ์ถามเสียงสั่น น้ำตานองหน้าแต่ก็ไม่คิดที่จะเช็ด
“เด็กขี้โรคที่อยู่ข้างบ้านพี่สองไงคะ” มณีมณฑ์บอกอีกครั้ง “ไหนพี่สองบอกว่าจะไม่ลืมน้องคนนี้ไงคะ”
ศรวัณมองสาวน้อยตรงหน้าใหม่อีกครั้ง ใบหน้ารูปหัวใจ ดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกและปากนิดหน่อยชวนมองไม่น้อย เห็นแล้วต้องมองซ้ำ แต่เท่าที่จำได้เด็กหญิงมณีมณฑ์เป็นเด็กน้อยขี้โรคผอมกะหร่องกะแหร่ง แต่คนตรงหน้าให้ดูเท่าไหร่กลับไม่คุ้นตาเลยสักนิด
สงสัยว่าเขาจะจากบ้านไปนานเกินไป ยายเด็กขี้โรคที่ตามติดเหมือนกับตังเมแกะไม่ออก คอยร้องเรียกจะเอาโน่นนี่อยู่ตลอดเวลา ทำให้ปวดหัวเวียนเกล้าและรำคาญจนอยากจะกระทืบให้จมดินอยู่บ่อยครั้ง เปลี่ยนตัวเองเป็นสาวน้อยที่น่ารักไปแล้ว ศรวัณเพ่งพิศและมองดูอย่างพินิจพิเคราะห์แทบไม่ให้ส่วนใดบนหน้าสวยและกายสาวหลุดรอดไปเลยแม่แต่น้อย
รูปกาย...ถ้าเป็นเมื่อก่อน แม่เด็กขี้โรคจะต้องมีแขนขาเล็กและเก้งก้าง มีแต่หนังหุ้มกระดูก แต่ในตอนนี้กลับบอบบางแต่ดูกลมกลึงและอวบอิ่มไปหมดทั้งตัว
ใบหน้า...ที่จำได้ แก้มตอบซีดเหมือนกระดาษ เรียกว่าเห็นแล้วหงุดหงิดรำคาญใจมาก ดวงตาก็ลึกโป๋เหมือนจะถลนออกมานอกเบ้า ปากก็ซีดแตกระแหง แต่คนตรงหน้ากลับชวนมอง ที่สำคัญคือ…
ประกายในดวงตากลมโตคู่นั้นสะกิดต่อมความจำของเขาให้ตื่นขึ้นมาในทันใด ดวงตาที่มันเปิดเผยให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ จงรักและภักดีที่มีต่อเขาไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะวันนี้หรืออดีตที่ผ่านมา มันทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมในหัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
“ผึ้ง...”
“ค่ะพี่สอง ผึ้งเอง” มณีมณฑ์พยักหน้ารับด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าศรวัณจำตัวเองได้
“ไม่น่าเชื่อเลย ผึ้งจะโตเป็นสาว โตขึ้นและสวยจนพี่จำไม่ได้เชียวนะเรา” ศรวัณถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นนุ่มทุ้มเหมือนจะหยอกเย้าอยู่ในที นัยน์ตาเป็นประกายวาววับและเริงรื่นอย่างชอบใจ เมื่อเข้าใจความหมายในดวงตากลมโตได้
ชายหนุ่มรู้สึกกระชุ่มกระชวยเหมือนกับปลากระดี่ได้น้ำ แม้จะชอบผู้หญิงหุ่นอวบอัดที่จับแล้วเต็มไม้เต็มมือ แต่การที่มีสาวน้อยวัยใสและน่ารักมาให้ความสนใจ ก็ดีไม่น้อยทีเดียว เขาไม่ได้เจ้าชู้นะ แต่ผู้ชายถ้าผู้หญิงเชิญชวนให้ท่าขนาดนี้ ถ้าไม่รับมากินมันคงจะโง่จนควายเรียกพี่แล้วล่ะ
“น้องเป็นใครหรือคะสอง” นิศามณีถามเสียงแข็ง อากาศร้อนทำให้หงุดหงิดไม่พอ ยังต้องเจอกับเด็กหน้าไม่อาย กลางวันแสกๆ ยังส่งสายตายั่วยวนให้ท่าคู่หมั้นจอมเจ้าชู้ของเธอโดยไม่สนใจอะไรเลย น่าเกลียดจริงเชียว นี่ถ้าอยู่กันสองต่อสองเธอคงจะตบให้หน้าบวมแล้วล่ะ
นิศามณีขบกัดฟันข่มโทสะและพยายามซุกซ่อนแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและร้ายกาจเอาไว้อย่างมิดชิด ต่อหน้าศรวัณ เธอคือสาวสวย อ่อนหวานอ่อนโยนและเรียบร้อย เป็นคนเข้มแข็ง แต่ยามที่อยู่ต่อหน้าหญิงคนใดที่พร้อมจะแย่งชิงคู่หมั้นไปจากอก เธอก็พร้อมที่จะแปลงกายเป็นนางมารร้ายในทันทีเช่นกัน ในเมื่อตัดสินใจปล่อยศรวัณไม่ได้ ก็ต้องทำให้ชายหนุ่มเลือกเธออยู่เคียงข้าง...คนเดียวเท่านั้น
“เด็กข้างบ้าน ชื่อผึ้ง” ศรวัณไม่ได้บอกเพิ่มว่า เมื่อก่อนมณีมณฑ์ตามติดแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาจนออกนอกหน้า เขาให้ความสนใจผู้หญิงคนไหน เข้าใกล้ใครหญิงสาวก็จะหาเรื่องหาราว ใช้อาการป่วยของตนเองให้เป็นประโยชน์ ตอนแรกๆ เขาก็ใจอ่อนนะ แต่พอนานวันเข้าก็เริ่มอิดหนาระอาใจและรำคาญ เมื่อจบม.6 เลยเลือกที่จะขอบิดามารดาไปเรียนต่อเมืองนอก เพื่อให้พ้นสถานการณ์ที่ทำให้ชวนลำบากใจ
“แล้วน้องมายืนขวางทางเราทำไมคะ” นิศามณีแสร้งถามอย่างไม่เข้าใจ ขณะปรายสายตามองสาวน้อยที่พอศรวัณเรียกชื่อถูกก็มีสีหน้าระรื่นแช่มชื่นขึ้นมาทันทีอย่างดูถูกเหยียดหยาม คิ้วเข้มได้รูปเลิกขึ้นเล็กน้อย ขณะแสยะปากออก ก่อนจะสอดมือกอดแขนแกร่ง วางมือบางให้สาวผึ้งเห็นเพชรที่สะท้อนแสงพระอาทิตย์บนนิ้วเรียวยาว เพื่อบอกให้น้องสาวนอกไส้ของศรวัณรู้ว่าผู้ชายตรงหน้ามีเจ้าของแล้ว
“ทำไมสองไม่แนะนำให้มุกรู้จักน้องละคะ คงจะดีไม่น้อย ถ้ามุกมีเพื่อนพาไปไหนมาไหนด้วย ในขณะที่สองก็ไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ อีกอย่าง...” นิศามณีเอนตัวอิงแอบแนบไปกับต้นไหล่กว้าง
“น้องผึ้งน่ารักดีนะคะ ถ้าได้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาว...ก็คงจะดีไม่น้อย”
สิ่งที่ได้รับรู้ทำให้มณีมณฑ์เข่าอ่อนจนแทบจะทรุดกองลงตรงนั้น สายตาที่มองไปยังศรวัณกับผู้หญิงที่ชื่อว่ามุกจากที่มีสองคนกลับแปลเปลี่ยนเป็นหลายคนและลอยไปมา มีลมพุ่งมาจากทุกทิศทุกทางจนในหูอื้ออึ้ง มือและเท้าเย็นจัด แม้กระทั่งร่างกายก็เย็นยะเยือกราวถูกน้ำแข็งเกาะ ในทรวงอัดแน่นไปด้วยแก๊สทำให้หายใจไม่ออก ก่อนร่างเล็กบอบบางจะอ่อนระทวยลงเหมือนกับใบไม้ที่มันปลิดปลิวลงจากต้น
“ว้าย! คุณผึ้ง” แน่งน้อยอุทานเสียงหลง หันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าจะต้องรับร่างของนายสาวไว้ไม่ให้ล้ม ก็รีบถลาไปรับร่างของมณีมณฑ์ แต่เพราะคนป่วยทิ้งน้ำหนักตัวลงมาอย่างเต็มที่ แม้แน่งน้อยจะอ้วนพี แต่ก็ยังรับน้ำหนักนายสาวเอาไว้ไม่ได้
“ผึ้ง!” ศรวัณคว้าร่างเล็กไว้ได้ทันก่อนที่มณีมณฑ์จะล้มกองบนพื้นที่ร้อนจัด เขาสอดแขนระหว่างข้อพับและแผ่นหลัง ยกร่างบอบบางขึ้นเหมือนกับว่ามันไม่มีน้ำหนักขึ้น
“เปิดประตูรถให้ผมหน่อยมุก” ศรวัณร้องบอกคู่หมั้นเสียงเหมือนจะตวาดด้วยความเป็นห่วงแม่สาวน้อยที่มาปลุกความต้องการในกายให้ลุกเป็นไฟขนาดย่อมได้ไม่น้อย
นิศามณีขบเม้มกลีบปากขนแบนราบเรียบ แม้ไม่ชอบใจแต่เมื่อเห็นคนตรงไร้สติ เธอก็จำต้องให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน ร่างโปร่งบางถลาไปที่รถเปิดออกพร้อมควานหาอะไรที่พอจะนำมาใช้พัดวีลมให้ผึ้งฟื้นจากอาการเป็นลมอย่างเร็วที่สุด