“เจ้านายคะ พริ้นซ์ต้องอยู่ที่อัสดารานส์กี่วันคะ” หญิงสาวรวบแฟ้มเอกสารทั้งสองแฟ้มมาถือไว้ในมือขณะที่เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
“อันนี้ขึ้นอยู่กับท่านชีคฟาซิซต์น่ะพริ้นซ์ ผมตอบไม่ได้ ถ้าหากท่านชีคเห็นว่าสัญญาไม่มีปัญหาท่านเซ็นเอกสารให้เร็ว คุณก็ได้กลับเร็ว แต่ถ้าท่านเห็นว่าสัญญามีปัญหาไม่เซ็นให้ คุณก็ต้องอยู่จนกว่าจะได้ลายเซ็นของท่านชีคมา”
“แบบนี้ก็แย่สิคะ ถ้าชีคฟาซิซต์ไม่เซ็นให้สักที พริ้นซ์ไม่ต้องติดแหง็กอยู่ที่อัสดารานส์หรือคะ”
หญิงสาวเอ่ยประท้วงเสียงอ่อยหมดหนทางที่จะปฏิเสธงานชิ้นเอกชิ้นนี้แล้ว
“เพราะเหตุนี้ไงผมถึงตัดสินใจเลือกให้คุณเป็นคนส่งสาส์น ถ้าหากชีคฟาซิซต์ไม่ยอมเซ็นเอกสารให้สักทีคุณก็ต้องใช้นี่...หาหนทางและวิธีที่จะให้ท่านเซ็นให้ได้”
กรกฏเอ่ยแนะนำพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หัวสมองของตนเอง เขาเชื่อว่าเรื่องเพียงแค่นี้หญิงสาวจะสามารถจัดการได้อย่างสบายๆ และอีกอย่างข้อสัญญาที่เขียนขึ้นมาเขาก็ได้ส่งตัวอย่างสัญญาเข้าอีเมล์ของท่านยาฟัสส์องครักษ์ของท่านชีคได้ดูล่วงหน้าแล้ว เมื่อฝ่ายท่านชีคพึงพอใจกับสัญญาที่เขียนขึ้นมาก็ได้ตอบตกลงให้นำเอกสารมาให้เซ็นที่อัสดารานส์
“แล้วก็อย่าลืมถ่ายภาพสถานที่ต่างๆ ของอัสดารานส์มาด้วยน่ะพริ้นส์ เอาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้าหากถ่ายทุกซอกทุกมุมของประเทศมาได้ก็ยิ่งดี จะทำให้ทีมงานของเราที่นี่วางแผนการทำสื่อได้ง่ายมากขึ้น”
“เอ่อ...เจ้านายคะ ทำไมไม่ให้ใครไปกับพริ้นซ์อีกสักคนล่ะคะ”
ที่เอ่ยขอไม่ใช่เพราะกลัวลำบากในเรื่องการทำงานตามที่สั่ง แต่หญิงสาวต้องการให้เพื่อนร่วมงานที่จะเดินทางไปด้วยเป็นคนเอาเอกสารไปให้ชีคฟาซิซต์แทนเธอ
กรกฏโบกมือปฏิเสธว่อน “ไม่ได้หรอกพริ้นซ์ คุณไม่รู้หรือไงว่าค่าใช้จ่ายในประเทศนี้แพงลิบลิ่วพอๆ กับราคาน้ำมันที่เขาส่งออกขายทั่วโลก ผมอยากให้คุณเข้าไปเก็บข้อมูลก่อน เอาเท่าที่คุณจะสามารถเก็บรวบรวมมาได้ จากนั้นค่อยให้ทีมงานของเราลงพื้นที่อีกครั้ง”
“ถ้างั้นก็ได้ค่ะ พริ้นซ์จะพยายามค่ะ”
หญิงสาวรับคำเสียงอ่อนอย่างหมดหวังสำหรับหนทางในการหลีกเลี่ยงที่จะต้องเผชิญหน้ากับชีคหนุ่มผู้มีนัยน์ตาลึกลับยากที่จะหยั่งถึง
“อย่าทำให้ผมผิดหวังน่ะพริ้นซ์” กรกฎเอ่ยย้ำหนักแน่นจริงจัง
“ไม่ผิดหวังค่ะ”
ปิณฑิราตอบรับด้วยสีหน้าและน้ำคำที่หนักแน่นพอๆ กัน ทั้งๆ ที่ในใจแอบหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่กล้าเผยให้เจ้านายรับรู้และผิดหวังในตัวเธอ
“กลับไปได้แล้วพริ้นซ์ ไปพักผ่อนเตรียมตัวออกเดินทาง เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วงถ้าหากคุณอยู่นานแค่ไหนทางบริษัทจะออกให้ทั้งหมด”
เจ้านายผู้ใจดีเอ่ยบอกก่อนจะหมุนเก้าอี้เข้าหาเครื่องโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานใหญ่บ่งบอกว่าต้องการตัดบทการสนทนาแล้ว
ปิณฑิราลอบถอนหายใจยาวอย่างหนักใจก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้หนานุ่ม เท้าเรียวเล็กพาเรือนร่างโปร่งบางก้าวเดินออกไปจากห้องทำงานใหญ่แต่ยังไม่ทันจะได้เดินออกพ้นจากห้องดี เจ้านายวัยค่อนคนก็เอ่ยเรียกอีกครั้งพร้อมกับเตือนออกมาด้วยความหวังดี
“พริ้นซ์...ก่อนเดินทาง คุณเข้าไปค้นหาข้อมูลศึกษาขนบธรรมเนียมของประเทศอัสดารานส์ไว้บ้างน่ะ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งก็ชนะทั้งร้อยครั้ง”
ปิณฑิราชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องหันมายิ้มบางๆ ให้เจ้านายแต่ไม่ได้เอ่ยตอบออกมา เมื่อก้าวพ้นห้องทำงานและประตูบานใหญ่ปิดลง หญิงสาวก็ค่อยๆ เอนกายพิงประตูไว้อย่างอ่อนล้าทั้งกายและใจพร้อมกับเปล่งเสียงพึมพำออกมาอย่างรู้สึกท้อแท้
“คุณกรกฏพูดถูก รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่ใช้ไม่ได้กับชีคฟาซิซต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์”
หญิงหม้ายวัยห้าสิบปีต้นๆ ที่ยังคงความสวยไม่ส่างกำลังถักโครเชต์อยู่ใต้ร่มต้นมะม่วงภายในบ้านหลังเล็กถึงกับรีบวางงานในมือลงพร้อมกับผุดลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูรั้วเหล็กให้ลูกสาวเดินเข้ามาในบ้าน
“ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วจังเลยพริ้นซ์” คุณปิยาพัชรเอ่ยถามด้วยความสงสัยแกมแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกสาวกลับบ้านแต่หัววัน
ปิณฑิราทรุดตัวลงนั่งพับเพียบบนเสื่อกกพร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมาซับเหงื่อที่แตกแพรวพราวเต็มใบหน้าหวานด้วยความร้อนจากการเดินตากแดดตั้งแต่ปากซอยเข้ามาในตัวบ้าน
“พริ้นซ์ขอพักเหนื่อยสักครู่นะคะ แดดร้อนเหลือเกิน” หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานให้มารดาจากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าโบกพัดเพื่อให้ลมเย็นบางเบาตีหน้าตนเอง
“ถ้างั้นเดี๋ยวแม่เอาน้ำใบเตยเย็นๆ มาให้น่ะ รอแป๊บหนึ่งน่ะลูก”
คุณปิยาพัชรเอ่ยบอกพร้อมกับกุลีกุจอสาวเท้าเร็วๆ เข้าไปในบ้านและกลับมาอีกทีพร้อมกับน้ำใบเตยเย็นเจี๊ยบหอมกรุ่นชื่นใจฝีมือของนางเอง
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
หญิงสาวรับน้ำใบเตยมาดื่มรวดเดียวหมดไปครึ่งแก้วก่อนจะวางลงบนพื้นเสื่อแล้วหยิบงานฝีมือที่มารดาถักค้างไว้ขึ้นมาดู
“คุณแม่ถักอะไรอยู่คะ”
“ผ้าปูโต๊ะน่ะลูก คุณอรพิมเธอจะขึ้นบ้านใหม่เร็วๆ นี้ก็เลยมาสั่งให้แม่ถักให้ มีลูกค้าตั้งหลายรายมาสั่งให้แม่ถักทั้งผ้าคลุมตู้เย็น ผ้าคลุมทีวี ถักปลอกหมอน งานแม่เยอะจนแทบจะล้นมืออยู่แล้ว”
คุณปิยาพัชรบ่นกับลูกสาวเล็กน้อย ซุ่มเสียงไม่ได้บ่งบอกว่าเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายแต่กลับเต็มไปด้วยความสุขใจกับงานฝีมือที่ตนเองทำอยู่
“แบบนี้คุณแม่ก็รวยเละสิคะ”
ปิณฑิราเอ่ยแซวยิ้มๆ ดีใจที่มารดามีงานทำ ทำให้ไม่มีเวลาคิดฟุ่งซ่านและใช้เวลาในทางที่ไม่ถูกเหมือนอดีตที่ผ่านมา
คุณปิยาพัชรยิ้มเขินๆ กับคำแซวของลูกสาว นางหยิบผ้าปูโต๊ะที่ถักไปได้ครึ่งหนึ่งมาลูบคลำด้วยความรักและภาคภูมิใจงานฝีมืออันประณีตละเอียดอ่อนก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยตอบลูกสาว
“เรื่องเงินไม่เท่าไหร่หรอกพริ้นซ์ แต่แม่ภูมิใจและก็ดีใจเวลาที่ลูกค้าเขามารับงานที่สั่งไว้แล้วก็เอ่ยชมฝีมือแม่ไม่ได้หยุดปาก แม่ดีใจที่มีคนเห็นคุณค่างานที่เราเหน็ดเหนื่อยหลังขดหลังแข็งตั้งใจทำน่ะลูก”