บทที่ 4

1176 Words
“แหม...ก็คุณแม่ของพริ้นซ์ถักโครเชต์ได้สวยที่สุด ใครๆ ได้เห็นก็ต้องเป็นปลื้มและก็ยอมจ่ายเงินให้โดยไม่คิดเสียดาย” ปิณฑิราระบายรอยยิ้มทั่วใบหน้าขณะที่เอ่ยชมมารดาอีกครั้ง “กลายเป็นว่าสองแม่ลูกมาป้อนลูกยอกันเอง” คุณปิยาพัชรแซวลูกสาวคนสวยพร้อมกับหัวเราะออกมาด้วยความขบขำผสมโรงกับเสียงหัวเราะหวานใสของลูกสาว “เออ...พริ้นซ์ยังไม่บอกแม่เลยว่าทำไมกลับบ้านแต่หัววัน หรือว่าหนูไม่สบาย” เมื่อนึกถึงเรื่องที่ถามลูกสาวค้างไว้และยังไม่ได้รับคำตอบทำให้คุณปิยาพัชรเอ่ยถามอีกครั้ง พอคิดว่าลูกสาวอาจจะไม่สบายก็ตีสีหน้าเป็นกังวลยกมือบางที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลวัยไปอังหน้าผากลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ปิณฑิราฝืนยิ้มให้มารดาพลางเอื้อมไปจับมือมารดามากุมไว้ด้วยความรัก ใบหน้างามหวานนวลละออถอดสีอย่างหนักใจเมื่อนึกถึงเรื่องงานที่เพิ่งรับมา “พริ้นซ์สบายดีค่ะแม่” “จริงหรือเปล่า หนูอย่าโกหกแม่น่ะ” เนื่องจากเห็นว่าใบหน้างามของลูกสาวยังซีดอยู่ทำให้นางเอ่ยย้ำเพื่อความมั่นใจ          ปิณฑิราหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบมารดาให้คลายกังวล “โธ่...คุณแม่เห็นพริ้นซ์เป็นคนขี้โกหกไปได้ พริ้นซ์แค่ไม่สบายใจเรื่องงานนิดหน่อยก็เท่านั้นเองค่ะ”          “ทำไมหรือลูก หรือว่ามีหนุ่มๆ มาพูดจาเกาะแกะให้ลูกแม่ไม่สบายใจอีก”          หญิงหม้ายตีหน้าขึงเอ่ยถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ตลอดระยะในการทำงานที่บริษัทโฆษณาของคุณกรกฏ ลูกสาวนางได้เล่าเรื่องราวต่างๆ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัทให้ฟังโดยไม่คิดปิดบัง รวมทั้งเรื่องที่มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งนอกและในบริษัทที่พยายามตีสนิทชิดใกล้ต้องการจะเป็นเจ้าชีวิตของลูกสาวนาง และเมื่อได้รับคำปฏิเสธไม่คิดจะเกี่ยวดองด้วยก็พากันพูดกระแหนะกระแหนให้ร้าย แต่ลูกสาวนางกลับเห็นเป็นเรื่องขบขำตอกกลับเปรียบเทียบพวกผู้ชายเหล่านั้นเหมือนหมาที่เห็นองุ่นเปรี้ยว          ปิณฑิราคลี่ยิ้มหวานขอบคุณในความเป็นห่วงของมารดา “ตั้งแต่คุณกรกฏเรียกพนักงานผู้ชายไปอบรมเรื่องมารยาทเมื่อหลายปีก่อนก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าพริ้นซ์อีกแล้วค่ะ ส่วนมากก็แค่แอบมองแล้วพากันยิ้มซุบซิบเบาๆ ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าพริ้นซ์หรือพูดให้คุณกรกฏได้ยินอีกแต่ถึงเขาจะพูดให้ได้ยิน พริ้นซ์ก็ไม่สนใจหรอกค่ะ” “อ้าว...แล้วหนูไม่สบายใจเรื่องอะไรล่ะลูก หรือว่างานหนักเกินไป” “ก็ไม่เชิงว่าหนักเกินไป ที่พริ้นซ์ไม่สบายใจก็เพราะว่าคุณกรกฏจะให้พริ้นซ์เดินทางไปต่างประเทศ ให้เอาเอกสารคู่สัญญาไปให้ลูกค้าเซ็นค่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกมารดาแค่เพียงครึ่งหนึ่งยังไม่กล้าบอกเรื่องที่เธอต้องไปเผชิญหน้ากับผู้ชายที่เป็นคนกุมหัวใจของเธอไว้นานแรมปี “ทำไมต้องเอาไปให้เซ็นถึงที่ล่ะลูก แค่ส่งเอกสารไปให้พวกเขาเซ็นต์ชื่อเสร็จแล้วก็ส่งกลับมาไม่ได้หรือลูก”       คุณปิยาพัชรเสนอความคิดเห็นตามประสาคนที่ชอบทำอะไรง่ายๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อนวุ่นวาย นางเห็นว่าการเดินทางไปเดินทางมาเสียเวลาเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการส่งแค่เอกสารไปเสียอีก ปิณฑิราถอนหายใจยาวด้วยความหนักใจก่อนจะเอ่ยตอบ “ถ้าหากลูกค้าเขายอมให้เราส่งเอกสารไปให้เซ็นก็ดีสิค่ะ แต่นี่เขาต้องการให้ทางเราเอาเอกสารไปให้เขาถึงที่และอีกอย่างคุณกรกฏก็ต้องการให้พริ้นซ์ไปเก็บข้อมูลสถานที่ที่จะถ่ายทำโฆษณาด้วย” “พริ้นซ์จะไปที่ประเทศอะไรลูก ทำไมแม่ฟังน้ำเสียงของหนูแล้วรู้สึกว่าหนูกำลังหวาดกลัวกับการเดินทางไปในครั้งนี้” คุณปิยาพัชรเอ่ยถามด้วยความสงสัยโดยหารู้ไม่ว่าคำถามที่เอ่ยถามออกมากำลังแทงใจดำลูกสาวเป็นที่สุด “พริ้นซ์กำลังจะไปประเทศอัสดารานส์และคนที่พริ้นซ์ต้องเอาเอกสารไปให้เซ็นคือชีคฟาซิซต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาแทบจะไม่พ้นลำคอ ดวงตาคู่สวยกะพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกว่าน้ำตากำลังเอ่อขึ้นมาคลอเบ้าตา “คุณพระช่วย!...” คุณปิยาพัชรยกมือทาบอกร้องออกมาด้วยความตกใจถึงตอนนี้ใบหน้าของนางซีดขาวยิ่งกว่าลูกสาวเสียอีก และจะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไรก็ต่อเมื่อชีคฟาซิซต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ ที่ลูกสาวนางจะไปพบเป็นคนๆ เดียวกันที่เป็นพ่อของหลานชายนางคือเด็กชายฟารีสต์ กุลยา “ทำไมต้องเป็นชีคฟาซิซต์ ซัลฮาบินด์ อัลวาสต์ ด้วย พริ้นซ์...หนูยกเลิกการเดินทางแล้วให้คนอื่นไปไม่ได้หรือลูก” นางเอ่ยถามเสียงสั่นรู้สึกหวาดกลัวและเป็นกังวลในการเดินทางไปยังประเทศอัสดารานส์ของลูกสาวในครั้งนี้ “ถ้าคุณกรกฏยอมก็ดีสิค่ะ แต่นี่คุณกรกฏยืนกรานคำเดียวว่าต้องเป็นพริ้นซ์เท่านั้น คุณกรกฏเขาวางแผนงานให้พริ้นซ์หมดแล้ว ทั้งเรื่องตั๋วเครื่องบิน ที่พักก็สั่งให้น้องพันธิสาจองให้เรียบร้อย แล้วที่ทำให้พริ้นซ์ปฏิเสธไม่ลงก็คือการที่คุณกรกฏหยิบยกเรื่องปากท้องของพนักงานทั้งบริษัทมาพูด”        “เฮ้อ...คุณกรกฏช่างรู้จุดอ่อนของพริ้นซ์ดีนัก แล้วคราวนี้จะทำยังไงล่ะลูก” คุณปิยาพัชรถอนหายใจยาวด้วยความหนักใจ “ก็คงต้องไปที่อัสดารานส์ตามกำหนดการเดิมนะคะ” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบาก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือมารดาที่เย็นเฉียบไม่แพ้มือเธอมากุมไว้แน่น ใบหน้างามเนียนนัยน์ตาคู่สวยเป็นทุกข์กังวลขณะที่จ้องมองมารดาและเอ่ยถามออกมา “แม่คะ ถ้าหาก...ชีคฟาซิซต์รู้ว่าพริ้นซ์มีลูกกับเขา ชีคจะมาพรากฟารีสต์ไปจากพริ้นซ์มั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่าต้องเสียแก้วตาดวงใจไป ถ้าหากชีคฟาซิซต์รู้ความจริงว่าผลพวงจากการที่เธอและเขาได้อยู่ร่วมกันในคืนนั้นทำให้มีเด็กน้อยหน้าตาคมเข้มนัยน์ตาสีดำสนิทลึกลับที่ถอดแบบมาจากเขาไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่กระเบียดนิ้วเดียว คุณปิยาพัชรโอบแขนไปรอบตัวลูกสาวแล้วดึงมากอดไว้แน่นก่อนจะเอ่ยปลอบลูกสาวและตนเองไปในตัว “แม่คิดว่าพริ้นซ์อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลยน่ะลูก...เอ่อ...บางทีแม่คิดว่าถ้าหากชีคฟาซิซต์เขาได้เห็นหนูเขาคงจำไม่ได้หรอกมั้งว่าหนูเป็นใคร”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD