มหาลัยคิงเวลล์
“คนนี้ครับพี่วาโย ไอ้เท่มันไปสืบมาผิด”
“เอารูปมาดู”
ร่างสูงโยนก้านบุหรี่ลงกับพื้นก่อนจะรับรูปถ่ายมาจากลูกน้องดวงตาคมกวาดตามองหญิงสาวในรูปก็พอคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้าง
ว่าแต่คนนี้หรอที่หักอกไอ้ต้าร์เขาชักไม่แน่ใจว่าคนอย่างมันจะเอาคู่นอนชั่วคราวมาเป็นแฟนถึงรูปร่างหน้าตาจะสวยเซ็กซี่ก็เถอะ
เขายังไม่ปักใจเชื่อ เดี๋ยวพลาดอีก
“คนนี้สวยดีนะพี่ ต่างจากยัยแว่นวันนั้นลิบลับ”เปรมชะโงกหน้ามามองหญิงสาวในรูปก่อนจะออกความคิดเห็น
“กูไม่ได้ขอความเห็น!”
“ครับๆ แล้วพี่วาโยจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้”
“ยังก่อนกูจะรอดูท่าทีมันก่อน กูไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นคนนี้”
ไม่รู้ทำไมภายในใจวาโยไม่ยอมปักใจเชื่อว่าจะเป็นผู้หญิงที่ชื่อ ติน่า ที่ได้หัวใจของต้าร์อาจเพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูร้ายเกินไปต่างจาก ยัยแว่น คนนั้นที่ดูยังไงก็ใสซื่อไม่ต่างจากกระต่าย
“อ้าว แล้วพี่จะไปไหนไม่ขึ้นเรียนหรอ”
เปรมเห็นวาโยลุกออกจากเก้าอี้เหมือนจะไปที่ไหนเขาเลยรีบทักท้วงเพราะวันนี้มีเรียนและอาจารย์ยังโหดมากอีกด้วยถ้าโดดอีกมีหวังไม่จบแน่
แต่คงใช้ไม่ได้กับวาโยที่เคยซิ่วเรียนมาแล้วเพราะมีปัญหากับอาจารย์เลยย้ายมาเรียนที่คิงเวลล์แต่พี่เขาเกิดปลายปีทำให้อายุไม่ต่างกับคนรุ่นเดียวกัน
“กูจะไปมอแอล”
“แต่วิชานี้ขาดไม่ได้นะพี่”
“พวกมึงเข้าเรียน..ส่วนกูจะโดด”
“พี่ไปคนเดียวมันจะดีหรอพี่เดี๋ยวก็เจอ”
“กู-จะ-ไป”
วาโยหมุนตัวเดินจากไปโดยที่ลูกน้องต่างไม่เห็นด้วยเพราะพวกตนกับพวกวิศวะมหาลัยแอลต่างมีปัญหากันมาตลอดถ้าเกิดลูกพี่ไปแล้วโดนรุมตีนก็เสียชื่อแย่น่ะสิ
คณะอักษรศาสตร์
ร่างบางเดินก้มหน้าก้มตาอย่างประหม่าเพราะวันนี้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในมหาลัยเธอก็เหมือนตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง
ซ่า!
ความเย็นสายหนึ่งโดนสาดกระทบบนร่างตั้งแต่ศีรษะลงมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าเสื้อนักศึกษาสีขาวถูกย้อมเป็นสีกระดำกระด่างและยังแนบลู่ไปกับร่างกาย
พินอินตัวสั่นด้วยความกลัวพร้อมกับความอับอายทุกคนในบริเวณนี้ต่างหัวเราะอย่างสะใจและมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
เธอหันไปต้นทางที่น้ำสาดมาก็เห็นข้าวสวยดาวคณะยืนกอดอกหัวเราะเยาะอยู่และพื้นที่ข้างกายเธอก็มีถังน้ำใบหนึ่งไม่ต้องให้ใครบอกเธอก็รู้ว่าเป็นฝีมือข้าวสวยร่างบางหอบร่างเปียกปอนเดินเข้าไปหาข้าวสวยทันที
“ฝีมือเธอใช่ไหม!”
“อะไรของแกยัยจืด มีใครเห็นรึไงว่าฉันทำแกอาจจะซวยเองก็ได้” ข้าวสวยพูดอย่างไม่ยี่หระ
“หลักฐานก็นี่ไง” พินอินชี้ไปที่ถังน้ำที่ยังหลงเหลือคราบน้ำสกปรกอยู่และมีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ก็ยังเหมือนกับกลิ่นบนตัวเธออีก
“พวกเธอเห็นฉันทำด้วยหรอ”สาวสวยดาวคณะไม่ยอมแพ้เธอหันไปถามนักศึกษาหลายคนในบริเวณนี้ซึ่งทุกคนต่างก็ส่ายหัวว่าไม่เห็นข้าวสวยทำ
“เห็นไหม ทุกคนเป็นพยานว่าฉันไม่ได้ทำ” เธอเบะปากก่อนจะมองพินอินตั้งแต่หัวจรดเท้าและหัวเราะออกมาอีกครั้ง
พินอินยืนกัดปากแน่นนัยน์ตาภายใต้แว่นตาหนาเตอะแดงก่ำไปด้วยความโกรธเธอพยายามข่มกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาเพราะจะมาร้องไห้เพราะโดนคนแกล้งไม่ได้เดี๋ยวพวกเขาได้ใจถึงจะโดนนินทาหรือแซวเรื่องยัยแว่นยัยจืดหรือยัยเฉิ่มแต่เธอไม่เคยเจอที่แกล้งแรงขนาดนี้มาก่อน
พวกเขาต่างมีความสุขสะใจโดยที่ไม่คำนึงเลยว่าเธอก็แค่คนคนหนึ่งมีชีวิตมีจิตใจและไม่เคยทำอะไรให้พวกเขาเลยทั้งที่เธอก็ทำตัวตามปกติไม่ได้มีปัญหากับใครเลยทำไมต้องตั้งใจกลั่นแกล้งกันขนาดนี้ด้วย
“รีบไปไกลๆ เลยเหม็นฉิบ!” ผู้ชายคนหนึ่งที่เธอจำได้ว่าเรียนห้องเดียวกันยกมือขึ้นมาปิดจมูกและทำท่าโบกมือไล่เรียกเสียงหัวเราะของคนแถวนี้ได้เป็นอย่างดี
“เออโคตรเหม็น ยังไม่ไปอีก”
“สภาพโคตรแย่เลยวะ ฮ่า ฮ่า”ตามด้วยเสียงผู้หญิงอีกคนซึ่งเธอไม่ได้รู้จักเลย พินอินกอดกระชับกระเป๋าผ้าแน่นก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้
“ถึงตัวฉันจะเหม็น ก็ดีกว่าพวกเธอที่จิตใจสกปรกเหม็นเน่าเกินเยียวยาก็แล้วกัน!” น้ำเสียงนิ่งสงบพูดจบก็เดินออกจากบริเวณนี้ไปทันทีทำให้คนที่เหลือต่างหน้าชาไปตามๆ กัน
เหมือนความซวยยังไม่จบเมื่อเธอเดินออกมาจากลานคณะอักษรสวนทางกับคนที่เธอไม่อยากให้เห็นในสภาพนี้มากที่สุด ภูผา ที่ข้างกายของเขายังคงเป็นใบบัวทั้งฉันและเขาต่างชะงักทันทีเมื่อเจอกัน
ดวงตาคมกริบเพ่งมองสภาพของฉันอยู่นานพร้อมกับขมวดคิ้วฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ไม่ยอมเดินไปไหนสักทีแต่กลับยืนมองฉันนิ่งส่วนฉันก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันที่เจอเขา
“ต๊าย นี่ไปตกท่อที่ไหนมาเนี่ย” เสียงหวานร้องทักขึ้นมาพลางกระชับมือที่กอดแขนภูผาแน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหนีอย่างไรอย่างนั้น
“เรื่องของฉัน” เธอไม่อยากจะเสวนากับใบบัวเพราะที่มีสภาพแบบนี้ก็เพราะเพื่อนเธอนั่นแหละ
“เรื่องของเธอคนเดียวที่ไหนกัน มันเรื่องของฉันด้วยเพราะกลิ่นเน่าจากตัวเธอกำลังทำให้จมูกฉันพังและเสียการรับรู้”
ดัดจริต
“ถ้าดมแล้วทำจมูกพังขนาดนั้น ก็กลั้นใจตายไปเถอะ!” พินอินเอ่ยเสียงเข้มก่อนจะเดินกระแทกไหล่ใบบัวเดินออกมาไม่สนใจเสียงกรี๊ดไล่ตามหลังมา
เธอหงุดหงิดมากและเหนื่อยมากทำไมต้องเจอเขาด้วยทำไมเขาไม่หายไปจากชีวิตของเธอไปเลยไม่ต้องมาให้เห็นหน้ากัน
ฉันคบกับเขามาเป็นปีแต่ฉันกลับมองไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ทุกครั้งที่สบตากันฉันอยากจะถามเขามากว่า ทำกับฉันแบบนี้ทำไม! เราจบกันได้ไม่ค่อยดีหลังจากที่เจอเขานอกใจเราไม่มีแม้คำพูดดีๆ ต่อกัน
ไม่ใช่สิ ไม่มีอะไรจะพูดเลยต่างหาก หมายถึงเขานะ ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันยังต้องการคำตอบแต่เขากลับหายไปเลยมีแค่ข้อความที่ตอบกลับมาว่าโอเคหลังจากเรื่องราวไม่ได้รับการสะสางฉันส่งข้อความไปขอเลิกและนั่นแหละจุดสิ้นสุดความสัมพันธ์ของเรา
จะบอกว่าไม่เสียใจคงไม่ได้ เขาคือแฟนคนแรก เป็นรักแรกของฉัน ความผูกพันในช่วงเวลาหนึ่งปีมานี้มันคงไม่สามารถลืมได้ในไม่กี่วันหรอกฉันถึงอยากหลบหน้าเขาไง
พินอินเดินเหม่อลอยมาจนถึงบริเวณสระน้ำหลังคณะใกล้กับรั้วมหาลัยไล่สายตามองสภาพตัวเองที่มันเริ่มแห้งบ้างแล้วแต่กลิ่นกลับไม่ไหวเลยเธอทรุดตัวนั่งลงกับพื้นหญ้า
ทอดมองความสงบเยือกเย็นของผืนน้ำเบื้องหน้าเหมือนกับจิตใจผู้คนที่เบื้องหน้าอีกอย่างภายใต้ความสงบนั้นอาจมีความดำมืดซ่อนอยู่
มือบางหยิบก้อนหินเล็กๆ โยนลงไปในน้ำ มองผิวน้ำแตกกระจายสักพักก็สงบนิ่งลงหลังจากกลืนกินก้อนหินเล็กลงไปแล้ว
เฮ้อ! ระบายอารมณ์หน่อยแล้วกัน
เธอมองหาก้อนหินขนาดเหมาะมือขึ้นมาหนึ่งก้อนก่อนจะเขวี้ยงไปยังดงไม้เลื้อยใกล้กำแพงเพราะอยากลองเปลี่ยนที่โยนบ้างพินอินจินตนาการว่าเป็นหน้าข้าวสวยทำให้รอบนี้นอกจากก้อนหินจะใหญ่กว่าเดิมแล้วยังออกแรงมากกว่าเดิมอีก
ปึก!
“โอ๊ย!!”
เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นบริเวณที่เธอเขวี้ยงก้อนหินเข้าไปทำให้พินอินตกใจผุดลุกขึ้นมายืนอย่างรวดเร็ว
ตายแล้ว ใครจะไปรู้ว่ามีคนไปอยู่ตรงนั้น
“ใครน่ะ เป็นอะไรไหม”
ถึงจะตกใจแค่ไหนเธอก็ไม่ลืมร้องถามคนเจ็บไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างหัวแตกไหม ก้อนหินมันใหญ่อยู่นะยิ่งออกแรงมากด้วยสักพักเสียงร้องก็เงียบไปเธอไม่กล้าเข้าไปดูหลังดงไม้นั้นกลัวว่าจะมีงูและไม่รู้ว่าคนที่ร้องเจ็บอยู่ตรงนั้นจะมาดีหรือร้าย
อย่างที่บอกคนปกติที่ไหนจะมาอยู่ตรงนั้น!