“คุณขุนเขาคะ ไม่ทราบว่าไม่ได้อ่านประวัติของมิกิที่ส่งมาให้หรือคะ หรือว่าคุณกรไม่ได้ส่ง” แทนที่จะตอบคำถามกลับย้อนถามเขากลับทันควัน
“สมัยนี้มันก็ต้องสงสัยกันได้บ้าง บางคนเขียนสเตตัสว่าโสด แต่บางทีก็มีสามีอยู่ที่บ้าน เวลาไปไหนมาไหน ทำงานด้วยกัน ก็โทรตามโทรจิกจนน่ารำคาญ”
“แต่นั่นก็ไม่ใช่ อัจฉริยา ค่ะ” เธอทำคอตรง ใบหน้าเชิด นี่แหละเป็นสาเหตุที่ทำให้ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่ตกลงใจทำงานสักที หญิงสาวคิดในใจอย่างเดือดปุด ๆ
“เริ่มงานได้เมื่อไหร่” ชายหนุ่มถามต่อ
“หื้อ... ตกลงคุณรับฉันหรือคะ” เธอทำหน้าฉงน เพราะท่าทางของเขาไม่เห็นอยากจะได้เธอทำงานด้วยซ้ำ
“ก็ใช่นะสิ” เขาหันมามองใบหน้าของเธอ ตอนนี้รถจอดสนิทรออยู่ที่ไฟแดง
“เงินเดือนตามที่คุณขอมา เบี้ยเลี้ยงตามกฎเกณฑ์ของบริษัท เรื่องอื่น ๆ คุณกรจะเป็นคนประสานมากับคุณอีกที มีปัญหาอะไรไหม”
“เอ่อ... เริ่มงาน....”
เธอตกใจนะสิ อยู่ ๆ เขาก็รับเธอทำงานดื้อ ๆ
“ทำงานพรุ่งนี้ ที่นี่ ที่กระบี่ เพราะพรุ่งนี้ผมมีนัดกับคุณเซกิที่เขาบินตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น เขามาเที่ยวที่ภูเก็ต แล้วเราสองคนต้องไปต้อนรับด้วยกันตอนบ่ายสองโมงที่สนามบินภูเก็ต ผมมีเรื่องต้องคุยกับทางคุณเซกิในเรื่องสัญญาใหม่ คุณอาจจะช่วยผมได้ แต่...เอ๊ะ... หรือว่าคุณมีปัญหา” เขาพูดทิ้งท้าย มือก็ใส่เกียร์แล้วรถก็เริ่มเดินหน้า
“คือว่า...” เธอก้มลงไปมองกระเป๋าเป้ที่เอามาด้วย ไม่มีชุดไหนที่เหมาะจะใส่ทำงานได้เลย อีกอย่างมันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ อะไรจะปุ๊บปั๊บรับโชคขนาดนี้
เธอพ่นลมหายใจออกมา
“เฮ้อ... นี่แหละที่ผมเบื่อจริง ๆ กับผู้หญิงสมัยนี้ที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”
“หื้อ... มันหมายความว่ายังไงคะ ขี้ไก่มันอยู่ของมันดี ๆ จะไปเหยียบให้มันเลอะรองเท้าทำไมคะ เสียเวลาล้างเปล่า ๆ ค่ะ อีกอย่างต้องเหม็นแน่ ๆ เห็นขี้ไก่ปุ๊บจะเอาเท้าไปเหยียบทำไม” ด้วยความเป็นลูกครึ่งของเธอทำให้เธอไม่รู้สำบัดสำนวนไทยบางคำ หญิงสาวก็เลยไม่เข้าใจ
ขุนเขาถึงกับหลุดขำออกมา เสียงหัวเราะของเขาทำให้เธอยกหน้าขึ้นไปดูหน้าตาที่ยิ้มแย้มของเขา หลังจากที่เห็นเก๊กนั่งหน้าเคร่งเครียดอยู่นานแล้ว
‘หน้าตาก็ดี ผิวพรรณก็ดี แต่เอ๊ะ... เจาะหูด้วยเหรอ อายุปูนนั้น สงสัยเป็นเกย์แน่ ๆ’ เธอเริ่มสำรวจเขา เพราะนั่งใกล้มาก
“ว่าไง จะทำหรือไม่ทำครับ” เขาหันมาสบตา
เธอที่แอบจ้องมองเขาถึงกับชะงักกับแววตาเอาจริง
“ที่พัก...”
“ผมจัดให้” เขาสวนคำตอบออกไปทันที
“เสื้อผ้าของดิฉัน...”
เขาเลี้ยวหัวรถเข้าไปในห้างเอาต์เลตมอลล์ที่ตั้งอยู่ระหว่างทาง เมื่อรถยนต์จอดสนิท แล้วก็หยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋า ยื่นส่งให้หญิงสาว มิกิยกหน้าขึ้นมองเจ้านายด้วยความสงสัย
“คะ” เธอรับมันไปถือยังงง ๆ
“ก็เอาไปซื้อเสื้อผ้าของใช้ตามที่คุณต้องการ และจำเป็น” เขาพูดขึ้น
“อย่าทำให้ผมขายหน้า ทุกอย่างต้องเนี้ยบ ดูดี แต่ก็ตามสบายนะ ผมให้เวลาคุณแค่สี่สิบห้านาทีในการลงไปชอปปิง อย่าใช้เวลามากกว่านั้น” ขุนเขาบอกเธอ
ขุนเขาเอื้อมมือไปปลดล็อกประตูและเปิดให้ เธอรีบก้าวขาลงไปด้านล่างทันที แล้วเท้าก็ไวกว่าความคิดเธอตรงดิ่งเข้าไปเลือกเฟ้นหาเสื้อผ้าตามคำบัญชาของเขา
“อะไรกันเนี่ยยายมิกิ” เธอตามตัวเองออกมา งง ๆ กับพฤติกรรมของเจ้านาย
‘หรือเขาจะเป็นไบโพลาร์’ เธอส่ายหน้า แต่ก็ต้องรีบชอปปิง เพราะเขาให้เวลาเธอแค่สี่สิบห้านาที ซึ่งปกติเธอชอปเสื้อสักตัวยังใช้เวลาเกือบครึ่งวัน
ขุนเขามองตามร่างเล็ก ๆ น่ารัก มันช่างตรงกับหัวใจเหลือเกิน คุณากรส่งเลขามาให้เขาตามสเปกของนายอย่างรู้ใจ
‘นายกรนะนายกร คุณจะทำให้ผมบ้าใช่ไหม’
ระหว่างนั้นที่รอเธอ เขาจัดการจองที่พักให้กับเธอ ซึ่งเป็นโรงแรมเดียวกัน วิลล่าติดกับวิลล่าของเขาที่มาเปิดเช่าเป็นรายเดือน เพราะบางครั้งชายหนุ่มก็คิดว่า การกลับไปนอนที่บ้านพ่อเขมกับแม่ใหม่ไม่สะดวกเท่าไหร่ หากเขาต้องทำงานกลับดึก ๆ พานจะทำให้แม่นอนไม่หลับด้วยความเป็นห่วงเสียเปล่า ๆ
อัจฉริยาวิ่งเสียให้วุ่น เดินเข้าชอปนั้นออกชอปนี้เพื่อเลือกเสื้อผ้า เธอคิดว่าตัวเองมีรสนิยมอยู่มากกับการแต่งตัว ไม่อยากจะบอกเจ้านายเลยว่าในตู้เสื้อผ้าที่บ้านยายนั้นเสื้อผ้าสวย ๆ ของเธอมีมากมายขนาดไหน
“ฮึ... จะเอาให้ขนหน้าแข้งร่วงเลย” เธอพูดออกเสียง กะจะชอปปิงให้นายหัวหมดตัว หญิงสาวยิ้มมีเลศนัย
ขุนเขาที่นั่งรออยู่ในร้านกาแฟใกล้ ๆ ลานจอดรถ มองข้อความในมือถือที่เด้งขึ้นมาเป็นระยะ
(บัตรเครดิตของท่านถูกใช้ที่.... จำนวน 12,790 บาท)
(บัตรเครดิตของท่านถูกใช้ที่.... จำนวน 7,480 บาท)
(บัตรเครดิตของท่านถูกใช้ที่.... จำนวน 2,850 บาท)
(บัตรเครดิตของท่านถูกใช้ที่.... จำนวน 14,570 บาท)
แล้วก็เด้งขึ้นมาอีกเป็นสิบข้อความ
‘อัจฉริยา’ ขุนเขานึกไปถึงใบหน้าน้อย ๆ ขาวหมดจดของเธอแล้ว
‘เธอทำแบบนี้ ก็ได้...’ เขากัดฟันกรอด ๆ