กิตติธัชแยกไปขับรถอีกคันของตน แพรวพรรณและอัญญดาโดยสารมากับอัศม์เดช บรรยากาศภายในรถชวนอึดอัดยิ่งนัก โชคดีที่หอพักอยู่ไม่ห่างจากมหาลัยเท่าไหร่ เมื่อมาถึงอัญญดาจึงพอได้หายในทั่วท้อง
ข้าวของในห้องพักไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือสำหรับอ่านเล่นและหนังสือเรียนเสริมต่างๆ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย
"ตายจริง! สี่โมงพอดีเลย เดี๋ยวพี่หมอไปส่งแพรวก่อนได้ไหมคะ" แพรวพรรณดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็ชักสีหน้าหวาดหวั่น เพราะกว่าจะได้ไปออกงานอีเว้นเธอต้องใช้เวลานานมากในการแต่งตัว
"ได้ครับ...เอางี้นะเคน แกเอารถฉันกลับไปก่อนเพราะของเต็มไปหมด เดี๋ยวฉันเอารถแกไปส่งแพรวเสร็จแล้วจะตามไปหาที่ร้านไอ้ภุชงค์นะ จะได้หาไรกินกันด้วย" อัศม์เดชตบมือแปะๆ ไล่ฝุ่นในมือ ณ ตอนนี้ทุกคนมารวมอยู่ตรงหน้าหอเสร็จสรรพเตรียมตัวเดินทางกลับกันเรียบร้อย
"ยุ่งยากไปป่ะวะ เอางี้ฉันไปส่งให้เองก็ได้แกกับน้ำมนต์ก็เอาของกลับไปเก็บแล้วเราค่อยไปเจอกันที่ร้าน ง่ายกว่าเยอะ"
"แต่/เอ่อ!..." สองสาวอุทานพร้อมมองหน้ากันด้วยความไม่สมัคใจ แต่อัศม์เดชกลับนึกเห็นดีเห็นงาม เขาจะได้ถือโอกาสคุยบางอย่างกับอัญญดาด้วยเสียเลย
"ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะเคน ฉันจะไปรอที่ร้านภุชงค์สั่งอาหารรอแกเลยก็แล้วกัน ขอบใจมากนะแพรวอุตส่าห์มาช่วย" พูดจบก็จูงมืออัญญดาไปเปิดประตูรถด้านข้างคนขับให้และดันร่างเล็กขึ้นไปนั่งโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอเจรจาสิ่งใด
เช่นเดียวกับแพรวพรรณที่ยืนตะลึงงัน อ้าปากเหวอแต่ไม่มีช่องว่างให้เธอได้ปฏิเสธหรือออกความคิดเห็นใดๆ
"อ้าว! เร็วสิเธอ ไหนบอกว่ารีบ" กิตติธัชเดินไปเปิดประตูรถเก๋งสีดำคันของตัวเองบ้าง แต่ไม่ได้เผื่อแผ่ไปถึงผู้โดยสารแปลกหน้า
"..." แพรวพรรณไม่มีทางเลือกอื่น ทั้งที่เธอไม่อยากข้องแวะกับนายตำรวจหนุ่มผู้นี้แม้แต่น้อย ตอนช่วยกันเก็บกวาดห้องพักเก่าของอัญญดาก็มีเรื่องกระทบกระทั่งกันประปราย รับรู้ได้เลยว่าเขาไม่ชอบขี้หน้าเธอ พอๆ กับที่เธอก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ในที่สุดก็จำยอมต้องให้เขาพากลับ ด้วยไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้
เธอพลาดไปแล้วจริงๆ...
"แย่แล้วๆๆ เหลือเวลาอีกแค่ยี่สิบนาที ทันป่ะวะยัยแพรว!!" ร่างเล็กง่วนอยู่กับการจัดการเสื้อผ้าหน้าผมเตรียมพร้อมไปทำงานในเร็วๆ นี้ และเธอเหลือเวลาเพียงไม่มากแล้วด้วย แพรวพรรณแม้จะเรียนไม่เก่ง แต่เป็นเพราะเธอต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองไปด้วย เวลาในการอ่านหนังสือจึงมีน้อย กระนั้นหญิงสาวก็ไม่เคยคิดย่อท้อ
เธอทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เรียนจบและมีงานดีๆ ทำในอนาคตที่สังขารทางกายคงร่วงโรย หาความสวยสดเช่นในตอนนี้ไม่ได้ และยังมีความฝันจะเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัว บั้นปลายชีวิตจะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนพ่อกับแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งท่านก็ได้ลาโลกนี้ไปแล้ว เธอจึงเป็นกำพร้าเหมือนๆ กับอัญญดา จึงย่อมเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี
"ค่อยไปแต่งต่อที่บู๊ธดีกว่าไม่งั้นสายแน่ๆ" คิดได้เช่นนั้นจึงรีบวิ่งไปฉวยกระเป๋าถือซึ่งวางอยู่บนที่นอน และสาวเท้าออกจากห้องไปพร้อมล็อคประตูแน่นหนา
แพรวพรรณดูเวลาไปพลางวิ่งลงบันไดไปพลาง เธอไม่เลือกลงลิฟต์เพราะคนเยอะ เสียเวลาไปอีก แค่ชั้นสามมันก็ไม่นักหนา
เด็กสาวลงมาถึงชั้นล่างก็แตะคีย์การ์ดตรงประตู เดินไปรอรถหน้าคอนโด สายตาจับจ้องแต่นาฬิกาข้อมือแบบวิต่อวิเลยทีเดียว
"วิ้ดวิ้ว!! น้องสาวคนสวยวันนี้รีบไปไหนจ๊ะ ให้พี่ต้อมไปส่งไหม"
"หือ...มึงไปไกลๆ เลยไอ้ต้อม คนยิ่งรีบอย่ามาปากหมา" เธอสวยกลับทันควันไม่นึกเกรงต่อรูปร่างหน้าตาประหนึ่งโจรของชายหนุ่มที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาวนเวียนรอบๆ
"แหม่...น้องแพรว คนกันเองแท้ๆ อย่าทำหมางเมินแบบนี้กับพี่ต้อมสิจ้ะ มาๆ พี่ต้อมไปส่งดีกว่าอย่างอนกันเลย เดี๋ยวไม่สวยเอานา" พูดพลางไอ้ต้อมก็ลงจากมอไซค์ของมัน แล้วเดินไปจับมือสาวเจ้าดึงลากหวังให้เธอยินยอมไปด้วยแต่โดยดี
"ไอ้เหี้ย!!" พลั่ก!! เท้าเล็กสวมรองเท้าส้นสูงเตะถีบไปด้านหน้าจนร่างของไอ้ต้อมหงายถอยไปหลายคืบ
"เล่นแรงไปไหมน้องแพรว พี่หวังดีอยากช่วยแท้ๆ" สีหน้าของมันขุ่นแค้นขึ้นมาทันที พร้อมเดินเข้าหาแพรวพรรณอีกครั้ง
"ทำอะไรน่ะ!! รอตั้งนาน" จู่ๆ รถเก๋งคันหรูก็มาจอดเทียบกะทันหัน พร้อมกระจกลดที่เลื่อนลงเผยโฉมผู้มาใหม่ที่ขัดจังหวะการต่อล้อต่อเถียงของทั้งคู่
"ผู้หมวด!" แพรวพรรณอุทาน รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเล็กน้อยในขณะที่ยามของคอนโดก็เดินมาดูเหตุการณ์เช่นกัน
"เร็วสิรีบไปทำงานไม่ใช่เหรอ เอ้อระเหยอ่อยผู้ชายอยู่ได้" แต่วาจาเผ็ดร้อนของเขาสิ มันทำให้เธอนึกอยากถีบให้จุกเหมือนที่ถีบไอ้ต้อมเมื่อกี้เหลือเกิน
"เดี๋ยวนี้มีกิ๊กเป็นตำรวจแล้วเหรอน้องแพรว"
"มีอะไรเหรอหนูแพรว ลุงเห็นเถียงอยู่กับไอ้ต้อมนานแล้ว มึงทำไรเขาหาไอ้ต้อม" ลุงยามเดินเข้ามาและสอบถามสีหน้าดุดัน
"เปล่าลุง ล้อเล่นนิดหน่อยเอง...ฉัน ฉันไปล่ะ" ว่าแล้วมันก็กระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์และขับไปไม่เหลียวหลังมาอีก
"ขอบคุณคะลุงยาม คือมันก็กวนตีนเหมือนทุกๆ วันนั่นแหละ หนูต้องไปทำงานแล้วค่ะ" แพรวพรรณยกมือไหว้ยามรุ่นพ่อแล้วก็เลือกที่จะหันหลังเดินไปยังถนนใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากเนื้อที่คอนโดประมาณสิบเมตร
"นี่เธอ! บอกให้ขึ้นรถไงจะไปไหนล่ะนั้น" กิตติธัชตะโกนไล่หลังร่างบางที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นซ้ำวับๆ แวมๆ ขาดตรงนั้นปะตรงนี้อย่างขัดใจ และเปิดประตูลงไปลากเธอกลับมาขึ้นรถด้วยกันจนได้
"โอ๊ย! นี่คุณนึกว่าเป็นตำรวจแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ ปล่อยนะฉันกำลังรีบ"
"..." กิตติธัชไม่โต้ตอบแต่มองด้วยสายตาตำหนิพร้อมลากเบลคาดให้เรียบร้อย จากนั้นก็ออกรถ...
"ไปที่ไหนล่ะ..."
"ปล่อยลงเลยนะ ไม่ได้ขอให้พาไป"
"น้ำมนต์ขอร้องน่ะ เขารู้ว่าเธอรีบกลัวจะไปทำงานสายเพราะไปช่วยเก็บของวันนี้"
"แท็กซี่เยอะแยะ"
"ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไปส่งฟรีไม่ต้องตอบแทนอะไรให้เหมือนไอ้หนุ่มวินมอไซค์คนนั้นกับคนอื่นๆ หรอกนะ หึ..."
"หมายความว่าไง" คำพูดเหยียดๆ ทำเอาแพรวพรรณหน้าชา เธอกัดริมฝีปากจ้องนายตำรวจหนุ่มเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้
"ก็หมายความตามนั้นแหละ" สายตาคมเหลือบมองสำรวจร่างบางในชุดวาบหวิวเล็กน้อยก่อนจะแสยะยิ้มระอา ในสังคมปัจจุบันเขาเห็นผู้หญิงประเภทนี้มากขึ้นทุกที ผู้หญิงที่ไม่รู้จักรักศักดิ์ศรีของตัวเอง ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองดูสวย ดูเด่นยอมแม้กระทั่งเจ็บตัวหรือเอาชีวิตเข้าแลกกับการศัลยกรรม
ทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะอยากใช้ร่างกายหาเงินและความสะดวกสบายให้ตัวเองทั้งนั้น
"ถ้าไม่อยากไปส่งก็จอดเลย...ฉันไม่ได้ขอร้อง แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย"
"ฮึ..." กิตติธัชส่ายหน้ากับนิสัยสก็อยของแพรวพรรณ เด็กมีปัญหาทางครอบครองพ มักก้าวร้าวไม่รู้จักไหนเด็กไหนผู้ใหญ่ ไม่มีสัมมาคารวะ ใช่ว่าเขาจะอยากมาแต่ด้วยถูกเว้าวอนจากอัญญดาหรอกนะถึงจำใจ
เขาพอจะเดาออกแล้วว่าที่อัญญดากับอัศม์เดชทะเลาะกันบ่อยๆ เรื่องที่หญิงสาวชอบนี้มาทำงานกลางค่ำกลางคืนนั้น เด็กสาวถูกยั่วยุจากใคร เด็กดีอย่างอัญญดา ไม่ควรมาข้องแวะกับสก็อยข้างถนนอย่างแพรวพรรณเลย เห็นทีเขาต้องเตือนๆ เพื่อนรักบ้างแล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เด็กในปกครองของเพื่อนอาจจะกลายเป็นไซค์ไลน์ในที่สุด