บทที่ 6 ตอนที่ 7

1636 Words
โรงพยาบาล          "น้องแพรวอยู่กับคุณแม่ในสวนน่ะค่ะ มากันเยอะแยะเลยนะคะวันนี้" พยาบาลสาวประจำเคาน์เตอร์เอ่ยบอกอย่างเป็นกันเองเมื่ออัญญดาเข้ามาสอบถามข้อมูล            "อ๋อ น้ำมนต์มีธุระด่วนนิดหน่อยค่ะพี่ลิส ขอบคุณมากนะคะ" หญิงสาวออกปากขอบคุณนางพยาบาลในชุดขาวด้วยความสนิทสนมเนื่องจากรู้จักมักคุ้นกันดียามเธอแวะมาพร้อมกันกับแพรวพรรณ            "คุณเคนไปพบแพรวทางโน้นเลยค่ะ น้ำมนต์กับคุณหมอจะรออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน" หญิงสาวกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเขาอาจมีธุระสำคัญเป็นการส่วนตัวกับเพื่อนสาว เนื่องจากถามครั้งใดก็ถูกบิดเบือนอยู่เสมอ            "อ๋อครับ..." กิตติธัชพยักหน้าและรีบหันหลังไปตามทางเดินที่อัญญดาบอกเอาไว้ สองหนุ่มสาวปลีกตัวไปหาที่นั่งใกล้ๆ เพื่อรอให้อีกฝ่ายเสร็จธุระ            "น้ำมนต์บอกพี่ได้ไหมเกิดอะไรขึ้นกับแพรว...พี่รับรองว่าไม่เคยคิดดูถูกเขา แค่อยากรู้เท่านั้นเผื่อพี่อาจช่วยอะไรได้บ้างเพราะพี่ก็รู้จักหมอที่นี่หลายคน"            "อืม...."            "หืม..."            "แม่แพรวไม่สบายค่ะ แม่ของแพรว...ถูกข่มขืนแล้วเสียสติไปเลย หลังจากนั้นก็ท้องแพรว...แพรว...คลอดที่นี่ค่ะ"            ร่างใหญ่เดินย่ำเท้าไปตามทางเดินที่ทอดยาว...ความคิดพลุ่งพล่าน หาข้อสรุปไม่ได้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งนำทางเขาไปพบยังคนที่ต้องการหาตัว หญิงสาวนั่งคุกเข่าอยู่ในสวนหย่อมกว้างขวางตรงหน้าหญิงวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น สีหน้ายิ้มแย้มแต่สายตาเลื่อนลอย...            "แพรวนั่งอยู่ตรงนั้นน่ะครับ...ผมส่งแค่นี้นะ"            "ขอบคุณครับ..." เขารู้สึกตัวและละสายตาจากร่างระหงหันมายิ้มขอบคุณเจ้าหน้าที่คนนั้น ชะงักเท้าเล็กน้อยเมื่อจะเดินเข้าไปหาแพรวพรรณ หญิงสาวพูดคุยอะไรบางอย่างอยู่กับมารดา อีกฝ่ายมองเคลิ้มนึกเดาไม่ออกว่ารับรู้สารนั้นหรือไม่            แพรวพรรณมัวแต่สนใจการดูแลมารดา จึงไม่ได้ระวังตัวเรื่องอื่นๆ ไม่รู้เลยว่าบัดนี้ร่างใหญ่ของผู้ชายที่เธอชิงชังสุดหัวใจกำลังยืนอยู่ด้านหลังนี่เอง            แต่คนคนป่วยที่นั่งบนวิวแชร์แลเห็น นางละสายตาจากบุตรสาวไปจ้องบุรุษหนุ่มที่ยืนมองละห้อยอยู่ไม่ห่าง ทำให้แพรวพรรณหันหลังกลับไปมองตามด้วย            "คุณ!!!!"            "แพรว..."            "มาได้ยังไง มาทำอะไรที่นี่!!"            "ผมขอร้องน้ำมนต์ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วยนะ"            "ไปซะ..." คนตัวเล็กยื่นคำขาด แววตามั่นคงจริงจัง ไม่เหลือเค้าผู้หญิงอ่อนแอที่เป็นเหมือนซากชีวิตก่อนหน้าในวันที่ถูกเขาข่มเหง            "เดี๋ยวแพรว นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ของคุณถึง..."            "มันไม่ใช่เรื่องของคุณ...อีกอย่างเราไม่มีอะไรต้องคุยกัน ฉันไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้นขออย่างเดียวอย่ามาวุ่นวายในชีวิตของฉันอีกก็พอ มันจะเป็นพระคุณมากถ้าคุณหายไป หรือตายๆ ไปซะ!!"            มือเล็กสะบัดหนีร่างใหญ่ที่กำลังคุกคามเข้าหา แล้วเดินอ้อมไปจับรถเข็นพาแม่ของเธอออกไปจากตรงนั้นด้วยความรีบร้อน            "ผมกำลังจะไปทำงานต่างจังหวัด คงไม่ได้มากวนใจคุณอีกนาน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องคุยกันให้รู้เรื่องไม่อย่างนั้นผมจะไม่เลิกราวีคุณเด็ดขาด...เข้าใจไหมแพรว..." กิตติธัชเดินตามหลัง ห่างๆ รักษาระยะให้เธอรู้สึกว่าไม่ถูกรุกล้ำมากนัก            "ฉันไม่เอาเงินชดเชยอะไรนั่นที่คุณพูดถึงหรอก ไม่ต้องการอะไรด้วย ไม่คิดจะฟ้องคุณ...พอใจหรือยัง" แพรวพรรณหยุด แต่ยังไม่ยอมหันมาเผชิญหน้า มือน้อยชื้นเหงื่อกำแน่นกับตรงที่จับวิลแชร์ รับรู้ว่าเขาก็หยุดฝีเท้าเช่นเดียวกัน            "เปล่า...ไม่ใช่เรื่องนั้น..."            "งั้นก็รีบพูดมา! ถ้าอะไรที่มันทำให้คุณไปจากชีวิตฉันได้อย่างสงบฉันจะทำทุกอย่าง" แพรวพรรณถอนหายใจ ไม่นึกว่าจะถูกตามรังควานยืดเยื้อถึงเพียงนี้ เพราะดูจากอุปนิสัยผิวเผินแล้วกิตติธัชก็แค่ผู้ชายมักง่ายคนหนึ่งซึ่งมักมากและเห็นแก่ตัว ไม่นึกเลยว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยมือหาทางจะเอาเปรียบกันอีก ทั้งๆ ที่มันควรจบไปได้แล้วและเขาก็น่าจะดีใจด้วยซ้ำที่เธอไม่คิดจะเอาความกลับ            "แพรว...ท้องหรือเปล่า..."            "..." หญิงสาวรู้สึกควันร้อนออกหู ผิวหน้าระอุผ่าวๆ จนแดงก่ำเมื่อถูกตั้งคำถาม หันขวับไปมองร่างใหญ่ที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าถอนหายใจเฮือกใหญ่            "พูดเรื่องบ้าอะไร!"            "แพรว...แพรวอยู่ไหนลูก" เสียงเรียกแหบแห้งของมารดาทำให้เธอรีบไปนั่งด้านหน้าของท่านและพูดบางประโยคเพื่อปลอบใจ หญิงวัยกลางคนพยักหน้าและยิ้มให้ เธอจึงลุกเดินกลับมาตรงหน้ากิตติธัชอีกครั้ง            "ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจัดการเองได้ ขอตัวนะ..."            "แพรว! เดี๋ยว...จัดการคุณจะจัดการยังไง คุณหมายความว่ายังไง!" หัวใจวูบไหวกับคำตอบ เขารู้ดีว่าความเป็นไปได้มีน้อยเนื่องจากมีความสัมพันธ์กันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และมันคงไม่บังเอิญเกิดความผิดพลาดมากมายอย่างที่คิดหรอก เพียงแต่อยากถามเพื่อความแน่ใจ และเขาไม่เคยคิด...อย่างที่เธอกำลังคิดเลยสักนิด            ให้ตายเถอะ...            "..." แพรวพรรณหันกลับมาอีกครั้ง...หยุดรถเข็นที่กำลังจะพามารดาไปพักบนห้อง กิตติธัชมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกผิดเต็มประดา ในขณะที่สาวเจ้าเริ่มมีน้ำตาปริ่ม            "คุณรู้ไหม...ทำไมแม่ของฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่..."            "แพรว...ถ้าคุณท้อง ผมอยากให้คุณดูแลตัวเอง...และลูก ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างได้โปรดเถอะนะ จะให้ทำอะไรก็ยอม"            "ฉันคงไม่โชคร้ายเหมือนแม่..." เธอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความเจ็บฝืน และประโยคนั้นก็เรียกสายตาเจ็บระทมให้หันมองเธอด้วยความแปลกใจ แลเหลือบไปยังร่างที่นั่งพูดคนเดียวอยู่บนรถเข็นเล็กน้อย            "เพราะความเห็นแก่ตัวมักมาก...ของผู้ชายอย่างคุณนี่แหละแม่ถึงได้เป็นแบบนี้...และมีฉัน แต่แม่ก็อ่อนแอเกินกว่าจะรับความจริงได้ ส่วนฉัน...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ยอมเป็นเหมือนแม่เด็ดขาด!!"            "อธิบายผมหน่อยแพรว...ผมไม่เข้าใจแต่ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณเผชิญหน้าตามลำพังแน่ๆ" กิตติธัชให้คำมั่น ใจเขา...มันกำลังเรียงลำดับเหตุการณ์อยู่เงียบๆ แต่ก็ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่ตัวเองกำลังคิดอยู่            มันโหดร้าย...ทารุณเกินไป...            "แม่ของฉัน...ผู้หญิงคนนี้ถูกผู้ชายกลุ่มหนึ่งข่มขืนจนเป็นบ้า! แล้วก็ท้องฉันโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ฉันโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและรับรู้ปัญหาทุกอย่างที่แม่ต้องเผชิญมาตลอดยี่สิบกว่าปี..." น้ำตาเธอไหลพราก...เมื่อขุดเอาความเจ็บช้ำมาเล่าขานให้เขารับรู้ แค้นใจ...เจ็บปวด...ชอกช้ำ            "ฉันจึง...สาบานกับตัวเองว่าชาตินี้ฉันจะไม่มีวันเข้าใกล้ผู้ชายเด็ดขาด ถ้าต้องตกนรกทั้งเป็นเหมือนแม่ หรือแม้แต่ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ถูกผู้ชายในครอบครัวทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกาย ฉันก็ขออยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตดีกว่า..."            "แพรว..." เสียงทุ้มสั่นพร่าไปกับน้ำตาที่ร่วงรินบนแก้มขาว ผู้ป่วยคนอื่นๆ เดินผ่านไปมาประปราย แต่เขาเหล่านั้นก็ดูไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น            "ฉันรู้ว่าแม่ทุกข์ทรมาน แต่ไม่เคยรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด ความกลัว...จากการถูกรุมข่มขืนได้ลึกถ่องแท้ได้เท่าคืนที่คุณทำกับฉัน!!! ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำฉันถึงได้เกลียดคุณนัก! เกลียด!! เกลียดแบบที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับอะไรในโลกมาก่อนเลย!!" ดวงตาแดงก่ำฉายแววเจ็บช้ำเคียดแค้น และมันก็แฝงความเข้มแข็งเอาไว้เต็มเปี่ยมเช่นกัน สายตามั่นคงจ้องเขาไม่กะพริบ...ไม่ลดละ            บ่งบอกถึงความไม่ยอมแพ้อ่อนข้อให้เป็นแน่ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม...ผ่านงานมาเยอะ จับคนร้ายและเจอคนพาลมาก็มาก แม้แต่ผู้ชายอกสามศอกที่เคยจับเข้าตะรางหรือซ้อมปางตาย ก็ยังไม่เคยมีใคร...มองเขาได้เหมือนร่ายมนต์สาปให้ทั้งร่างสะท้านไหวได้อย่างนี้เลย            "ผม..."            "หวังว่าความรู้ความสามารถระดับคุณจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ไม่ยากนะ อย่ามายุ่งกับฉันอีก...เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน!!" พูดจบร่างเล็กก็สะบัดตัวหันกลับไปเข็ญวิลแชร์ที่มารดานั่งรออยู่ เธอเร่งฝีเท้าเดินจากไปไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้กิตติธัชยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น ทุกคำพูด ทุกกิริยาและสายตาของแพรวพรรณมันสะกดจิตสำนึกของเขาหยุดอยู่กับที่            ไม่อาจก้าวตามเธอไปได้...            "แพรว....ผม ขอโทษ..." เสียงทุ้มแผ่วพร่ำรำพันอยู่เพียงผู้เดียว หายใจติดขัดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้รู้ที่มาที่ไปของหญิงสาวที่เขาลงมือข่มเหงอย่างป่าเถื่อน เพราะแบบนี้นี่เอง...แพรวพรรณถึงยังสะอาดผุดผ่อง เหลือความดีงามให้เขาทำลายทั้งที่อยู่ในวงจรอบายมุขมากมาย            เขาแน่ใจแล้วในเรื่องนั้น...และไม่คลางแคลงถึงการเติมแต่งศัลยกรรมใดๆ อีกเลย            "ผมจะต้องหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ให้ได้แพรว ผมจะไม่ยอมให้คุณอยู่ในฝันร้ายแบบนี้ไปชั่วชีวิตหรอก เพราะหากมันเป็นอย่างนั้น...ผมก็คงไม่ต่างกัน ต้องตกนรกทั้งเป็นกับบาปที่สร้างไว้กับคุณ รอผมนะแพรว...แล้วผมจะกลับมา"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD