"แพรว..." เสียงเรียกไม่มีผลต่อโสตประสาทการรับรู้ของร่างเล็กที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอีกต่อไป เธอได้ยินคำขานนี้หลายต่อหลายครั้งในแต่ละวันจนเคยชิน ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตลอดสามวันที่ผ่านมา จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปสนใจ
การทรุดตัวของที่นอนทำให้รู้ว่าใครบางคนที่เธออยากให้หายไปจากโลกนี้และโลกหน้ากำลังทิ้งตัวนั่งข้างๆ เช่นที่เขาทำทุกวัน
"มีคำสั่งมาแล้ว...เรื่องคดีของคุณ..." กิตติธัชเว้นจังหวะการหายใจเหมือนประหนึ่งการเอื้อนเอ่ยแต่ละคำออกมานั้นยากเย็นนักหนา
ร่างเล็กขดตัวเกร็งคล้ายหวั่นหวาดในอารมณ์ ไม่นึกอยากรู้การถูกตัดสินนั้น ด้วยใจแหลกละเอียดย่อยยับหมดสิ้น บาปใดหนอที่เธอได้ก่อไว้ ผลแห่งบาปนั้นย้อนคืนฝืนศรได้สาสมเพียงนี้
"แพรว...ผมขอโทษ..."
เพี้ยะ!!! มือเล็กตวัดปัดอุ้งมือกร้านที่แตะต้องเพียงหัวไหล่เล็กแคบของเธอ กอดตัวเองสั่นสะท้านยิ่งกว่าเก่า ตอกย้ำผู้กระทำให้เจ็บจุกกับความสำนึกผิดที่ไม่อาจหาหนทางแก้ไขได้
"ผมจะพาคุณกลับบ้าน...ได้ยินไหม คุณจะได้ออกไปจากที่นี่แล้ว คุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้จริงๆ"
พรึ่บ! เหมือนจะได้ผล ร่างเล็กลุกพรวดหันมามองเขา แต่แววตายังส่อสื่อถึงความระแวงหวาดหวั่น ใบหน้าซีด เซียวบั่นทอนความรู้สึกคนมองเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้...แพรวพรรณสวยเปล่งปลั่ง แม้แต่งหน้าเพียงบางๆ อย่างตอนที่เขาเจอในมหาลัยเธอก็ยังคงความสดใสเอาไว้กว่าตอนนี้หลายเท่านั้น
มันเป็นเพราะใครกันล่ะ...หญิงสาวถึงได้มีสภาพราวผู้ป่วยอาการโคม่า ทรุดโทรมประหนึ่งเพิ่งผ่านสมรภูมิชีวิตมาอย่างหนักหน่วง
"แพรวไปอาบน้ำแต่งตัวนะ ฉันซื้อเสื้อผ้ามาให้แล้วเดี๋ยวจะไปส่งที่คอนโค" เสียงทุ้มกล่าวบอก ส่งยื่นถุงกระดาษในมือให้ เธอเพียงแค่มองแต่ไม่ยอมรับเขาจึงวางไว้ข้างๆ และลุกถอยห่างออกไปยืนข้างพิงกำแพงห้อง กอดอกหลบสายตามองพื้นครุ่นคิด
แพรวพรรณฉวยโอกาสนั้นลุกเข้าห้องน้ำทั้งๆ ที่ยังมีผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้โดยไม่ลืมหยิบถุงกระดาษที่เขานำมาฝากไปด้วย แม้หลังสิ้นสุดเหตุการณ์อัปยศในคืนนั้นแล้ว กิตติธัชจะพยายามทำดีเพื่อลบล้างความผิดเท่าไหร่ แต่ทุกข์ที่เกิดจากการกระทำของเขาก็ไม่เคยเลือนรางไปได้ เธอจมจ่อมอยู่กับความปวดร้าวนั้นอย่างไม่อาจถอนตัวขึ้น
กิตติธัชมองร่างบางที่เดินเอื่อยเขาห้องน้ำแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่เตียงนอน กรุ่นกลิ่นเนื้อสาวยังอบอวลไม่สร่าง ภาพความสัมพันธ์ในคืนวิปโยคหลอกหลอนเขาไม่ได้ต่างจากเธอ และไม่รู้จะลบรอยบาปนี้ได้อย่างไร
เขาไม่ใช่คนดีนักหรอกแม้จะเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ไร้จิตสำนึกถึงขนาดไม่รู้ว่าตัวเองทำความผิดมหันต์เข้าให้แล้ว ที่ผ่านๆ มาเซ็กซ์สำหรับเขาเกิดจากความเต็มใจทั้งสองฝ่ายเสมอ
ร้อยแปดพันเก้าผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาก็ไม่เคยเกิดกรณีอย่างแพรวพรรณสักครั้ง เพราะเกิดจากครอบครัวที่ได้สั่งสอนมาเป็นอย่างดีในเรื่องการให้เกียรติผู้หญิง ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคืนนั้นมันเกิดบ้าอะไรขึ้น
ถึงได้หน้ามืดตามัว...กลายร่างเป็นผีสางอสูรร้าย ควบคุมตัวเองไม่ได้เอาเสียเลย
หญิงสาวผู้ถูกกระทำไม่คุยกับเขาเลยแม้แต่คำเดียวหลังจากเกิดเรื่อง เธอไม่ร้องไห้...ไม่โวยวาย ไม่แม้จะลุกจากที่นอนมาเหวี่ยงวีนเอาความเขาสักครั้ง อาหารก็กินเพียงน้อยนิดจากการถูกเขาบังคับกึ่งขอร้อง บางครั้งขนาดเข้าห้องน้ำเขาก็ยังกังวลว่าเธออาจคิดสั้นถึงขนาดต้องเฝ้าจับตามองตลอดเวลา
ครั้นจะปล่อยตัวไปก็ติดที่เขารายงานต่อผู้ดำเนินคดีนี้ไปแล้ว ทางนั้นจึงอยากให้กักตัวไว้ก่อนจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย ชายหนุ่มรู้ว่าตัวเองทำผิดเต็มๆ ผิดตั้งแต่แรกที่คิดบงการให้คนอื่นเป็นไปตามรูปลักษณ์ที่แลเห็น
ร่างเล็กบอบช้ำเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดใหม่ที่เขาซื้อให้ ใบหน้าสะอาดสะอ้านหดหู่เศร้าหมอง แม้จะนอนขดตัวอยู่ทั้งวันแต่เขาก็รู้ว่าแพรวพรรณข่มใจสู่นิทราได้ยากเย็นมาตลอด ผมยาวถึงสะเอวซอยสไลด์ถูกผูกรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลังเรียบร้อย เธอไม่สบตาเขา...ไม่เคยมองเขา
"หิวหรือยัง โจ๊กที่ซื้อมาให้ก็ไม่เห็นกินเลย" กิตติธัชหาเรื่องชวนคุย เขาทำเช่นนี้ตลอดเวลาสามวันที่อยู่ด้วยกัน และก็รู้ว่าจะได้รับปฏิกิริยาแบบไหนตอบกลับมา
ร่างใหญ่ถอนหายใจหนัก สีหน้าเครียดเคร่งหนักกว่าเดิม มันโหวงเหวงชอบกลเมื่อคิดได้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าแพรวพรรณที่ถูกเขาทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกายอย่างสาหัสกำลังคืนสู่เรือนรังของเธอ
และอาจไม่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกันแบบนี้อีกเลย...
"ถ้างั้นก็...ไปกันเถอะเดี๋ยวไปหาอะไรกินเอาข้างหน้าก็ได้" เขาเดินเข้าไปหาเพื่อจะพยุง แต่แพรวพรรณกลับถอยร่นอัตโนมัติ ชายหนุ่มรามือ พยักหน้า...และตัดสินใจเดินนำออกไปจากเซฟเฮาส์มรณะแห่งนั้น
หญิงสาวนั่งขดตัวหน้าไปทางหน้าต่างรถตลอดการเดินทาง เหมือนกับว่าเป็นหุ่นไร้ชีวิตที่โดยสารมาด้วยกันเท่านั้น กิติธัชบอกกล่าวถึงค่าชดเชยที่เธอจะได้รับจากการเข้าผิดและถูกนำไปกักตัวไว้โดยทางราชการ แต่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องสะเทือนจิตใจนั้น เขารู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่ควรเอาเปรียบเธออีกต่อไป
หากอยากจะเคลียร์ให้เข้าใจคงต้องรอเวลาเยียวยาความรู้สึกนานกว่านี้อีกหน่อย...
ชายหนุ่มอยากขึ้นไปส่งให้ถึงห้อง อยากทำความรู้จัก อยากรับรู้เรื่องราวของเธอให้มากกว่านี้ หลังจากได้รับทราบจากปากเรื่องเสธคนนั้นที่เป็นต้นเหตุให้เขาเข้าใจผิด ว่าเป็นเพียงแค่เรื่องงานโชว์ตัวจริงๆ และเสธคนที่ถูกพูดถึงก็ไม่ได้มีรสนิยมในเพศตรงข้ามด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ...
เขาเป็นเกย์...ซึ่งเรื่องนี้เขาก็พอรู้เมื่อได้ทราบชื่อภายหลัง เพราะเป็นคนดังในวงการสังคม ได้ยินชื่อคุ้นหูอยู่บ้าง ความผิดจึงยิ่งกระหน่ำตีจิตสำนึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า...หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้สักที
แพรวพรรณปิดทุกโอกาสในการเข้าถึงตัว...พอรถเทียบจอดหน้าคอนโดร่างเล็กก็ดีดตัวเปิดประตูรถเดินออกมาและรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องของตัวเองทันที กิตติธัชพยายามตามออกไปแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว เธอหายลับเข้าไปในประตูด้านนอกโดยการใช้คีร์การ์ด...และเขาไม่มี
เธอจากไปโดยไร้คำร่ำลา...มือใหญ่ลูบใบหน้าคมหยาบๆ สางผมดกดำอย่างเค่นแค้นในใจ เดินกลับมากำมือทุบกระโปรงรถเป็นการระบายความเครียด เตะถีบตัวถังประหนึ่งมันจะช่วยปลดปล่อยความผิดบาปในหัวใจให้เขาได้
กิตติธัชหอบหายใจร้อนเร่า เหงื่อผุดพรายจากความเครียดและออกกำลังทำร้ายตัวเองไปมาก เขาถอดเสื้อสูทลำลองตัวนอกปาทิ้งเพราะความโมโห และเปิดประตูรถกระแทกตัวสู่เบาะที่นั่งคนขับ จำใจถอนตัวออกไปจากที่ตรงนั้น แต่ใจกลับสูญหายไปเสียแล้วเหลือไว้เพียงความมืดมิดที่ตนเองเป็นคนสุมก่อเท่านั้น