"ค่ะเสธ...ได้ยินแพรวไหมคะ..." เธอตะโกนแข่งกับเสียงอึกทึกทั้งหลายรอบตัวเพื่อให้คู่สนทนาได้ยิน และเร่งฝีเท้าไปยังมุมเงียบกว่านี้โดยเร็วที่สุด
"อ๋อ...น้ำมนต์ไม่มาค่ะเสธวันนี้! เสธต้องการตัวน้ำมนต์เหรอคะ!" ชื่อนั้นสะกิดใจนายตำรวจหนุ่มซึ่งได้ยินเต็มหูอย่างจังเพราะเป็นจังหวะเดียวกันที่เธอเดินผ่านร่างเขาไป กิตติธัชมองร่างเล็กแบบบางผิวขาวนวลจนเห็นหลังหล่อนไวๆ ใกล้จะกลืนหายไปกับผู้คนก็รีบก้าวเท้าตามไปทันที
"อ้าว! เฮ้ยเคน!! ไปไหน"
"เดี๋ยวข้ามา! แกคุยธุระไปก่อนนะ" บดินทร์ทำท่ายกมือจะกวักเรียกกลับมาเท้าความ แต่ปรากฏว่าไม่ทันเสียแล้ว เพื่อนของเขาหายลับไปด้วยความเร็วและเร่งรีบ ชายหนุ่มได้แต่ยืนงงเอ๋อ และหันกลับไปเสวนากับเพื่อนฝูงในกลุ่มต่อ
"ได้ไงคะ...ได้น้ำมนต์แล้วลืมแพรวซะงั้น อิอิ เสธนี่หลายใจจริงๆ" แพรวพรรณหลบเสียงผู้คนและเสียงอื้ออึงในงานออกมาด้านนอกซึ่งเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดอาคาร ตรงนี้เธอพอได้พูดคุยถนัดเสียหน่อย
"แพรวต้องถามน้ำมนต์ก่อนค่ะ ช่วงนี้ที่บ้านเขาคุมเข้มอาจไม่ได้ไป แต่แพรวว่างเสมอนะคะ โดยเฉพาะ...สำหรับเสธ"
วาจาฉะฉานฉอเลาะชวนให้คนฟังที่แอบอยู่อีกด้านของกำแพงกัดฟันด้วยความโมโหจัด การคาดเดาของเขาไม่ได้ผิดเพี้ยนไปเลยสักนิด
"เอาน่าเสธ แพรวคิดว่าแพรวมีวิธีทำให้น้ำมนต์ไปได้แน่ๆ อย่าลืมรางวัลให้แพรวก็แล้วกัน" แพรวพรรณยังหัวร่อต่อกระซิกกับปลายสายโดยไม่รู้เลยว่าหายนะอยู่ห่างเธอไปเพียงแค่กำแพงกั้น
"แพรวติดงานอยู่เสธรอได้ไหม เดี๋ยวถึงห้องแล้วเราค่อยคุยกันต่อ แพรวคุณกับเสธได้ทั้งคืนแหละค่ะ" เธอรำพันล่ำลากับคู่สนทนาทางโทรศัพท์เรียบร้อยก็รีบออกจากบริเวณนั้นเพื่อไปทำหน้าที่ในงานต่อ พ่นลมหายใจออกทางปากด้วยความโล่งใจเมื่อเจรจากับคู่สายเมื่อสักครู่ได้สำเร็จ
"ว้าย!!!" ร่างเล็กถลาตามแรงกระชากจากแรงปริศนา เธอตกใจเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว หัวใจเต้นสั่นรับรู้ได้ว่ากำลังถูกคุกคามเพราะแรงจับดึงนั้น
"ช่วย!..." อุ้งมือใหญ่ตะบบปิดปากเสียก่อนที่เสียงนั้นจะได้ตะโกนก้องออกมาขอความช่วยเหลือ แผ่นหลังนวลเนียนเกือบเปลือยปะทะกับแผงอกล่ำสันและกดจับเอาไว้ให้เธอไม่อาจดิ้นรอดพ้นจากเงื้อมมือ
"คิดจะทำอะไรแม่ตัวดี" เสียงทุ้มเกรี้ยวกราดด้านหลังทำให้แพรวพรรณสะกิดใจ เธอเหมือนเคยยินน้ำเสียงแบบนี้ที่ไหนรวมไปถึงกลิ่นกายนั้นด้วย...
"อื้อ!!"
"มานี่เลย เธอไม่รอดแน่ ตัวเท่านี้ริอ่านเป็นแม่เล้าค้าเนื้อสด ฮึ...ฉันจะจับไปขังคุกให้หัวโตเลยคอยดู" เพียงประโยคนั้นเล็ดลอดออกมา หญิงสาวก็นึกออกได้โดยอัตโนมัติว่าผู้ที่กำลังประทุษร้ายเธออยู่นี้คือใคร
แต่ก่อนจะคิดการอะไรไกลกว่านั้น เธอก็ถูกเขากระชากลากถูทั้งที่มือสองข้างถูกรวบไขว้ไว้ด้านหลัง และมือข้างหนึ่งของเขาก็ปิดปากเธอไว้ไม่ให้ส่งเสียงหรือแม้แต่จะเอ่ยถามเจรจาใดๆ ได้ หญิงสาวที่งงทั้งหวาดกลัว พยายามหาทางรอดแต่ก็ยากแสน
นายตำรวจร่างใหญ่...กับผู้หญิงตัวเล็กที่สวมเสื้อเว้าแห่วง กระโปรงสั้นแค่คืบกับรองเท้าส้นสูงแหลมห้านิ้ว มีหรือจะไปสู้อะไรเขาได้
กิตติธัชพาตัวแพรวพรรณมาที่รถของเขาอย่างง่ายดาย น้ำหนักเธอเบาหวิวตัวเล็กเท่าจิ้งหรีด นึกชังในพฤติกรรมของเธอน่ารังเกียจของเธอยิ่งนัก เขาตั้งมั่นในใจเอาไว้เลยว่าจะต้องเอาผิดสาวไส้ขบวนการโสมมนี้ให้จงได้
ประตูรถเปิดออกร่างของแพรวพรรณปลิวกระแทกลงบนเบาะข้างคนขับจากแรงผลักของเขา กว่าที่เธอจะตั้งตัวผงกศีรษะขึ้นมาได้กิตติธัชก็เปิดประตูรถเข้ามานั่งประจำที่เสียแล้ว เขากดล็อกประตูทั้งหมด หญิงสาวพยายามใช้มือดึงทุบเท่าไหร่ก็ไร้ผล รถเก๋งคันที่เธอโดยสารตอนขามาออกตัววิ่งฉิวเลี้ยวออกจากงานในค่ำคืนนั้นทันที
"คุณเป็นบ้าเหรอ!!! จะทำอะไรเนี่ย!!!" เมื่อพิจารณาแล้วว่าสิ้นหนทางรอดพ้นไปจากรถนี้ได้แน่ๆ แล้วแพรวพรรณจึงหันมาตะคอกถามผู้กระทำ เพราะเธอเองก็ยังงง สับสนใจเหลือเกิน
"รู้อยู่แก่ใจหรือเปล่า ฉันได้ยินหมดแล้วที่เธอคุยกับผู้ชายเมื่อครู่คิดจะหลอกลวงคนอื่นไปขายตัว หึ...มั่ว ชั่วคนเดียวไม่พอหรือไง ทำไมต้องลากคนดีๆ ไปสร้างตราบาปเลวๆ เหมือนตัวเองด้วย!!!" อีกฝ่ายตะเพิดกลับด้วยสีหน้าถมึงทึงดุดัน
หญิงสาวถึงกับถอยร่นหลังชนประตู ผมเผ้าของเธอพะรุงพะรัง และรีบเอามือปิดขาอ่อนเมื่อรู้สึกตัวว่ากระโปรงสั้นๆ กำลังเผยบางส่วนซึ่งควรที่จะพึงสงวนเอาไว้
"ไม่ต้องทำมาปิดหรอก เน่าๆ แบบนี้ถอดออกนอนถ่างให้ฉันก็ไม่สน ออ...แล้วก็ช่วยหุบปากซะมีอะไรเชิญไปให้ปากคำเองที่โรงพัก"
"โรงพัก!! นี่คุณจะจับฉันในข้อหาอะไร..."
"เดี๋ยวก็รู้เอง รับรองฉันจะหาหลักฐานมามัดตัวเธอให้ดิ้นไม่หลุดเลยทีเดียว อยากสบายนักก็เชิญไปกินข้าวฟรีแกงฟรีในคุกเถอะ จะได้ไม่ต้องอยู่เป็นภาระให้สังคมมันสกปรกเสื่อมโทรมไปมากกว่านี้"
"ไม่ได้นะ! ฉันต้องทำงานรับเงินมาแล้วด้วย คุณกำลังเข้าใจผิดทำไมไม่ฟังฉันอธิบาย ไม่ถามสักคำ! มาถึงก็ฉุดกระชากมาแบบนี้ นี่เหรอวิธีการของตำรวจ!!!"
"ว้าย!" สิ้นเสียงแหลมที่ตะโกนถามร่างของเธอก็เซแทบจะล้มลงไปกองตรงที่วางเท้า เมื่อกิตติธัชหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยแบบกะทันหัน หญิงสาวสูดปากด้วยความเจ็บระบมเนื่องจากแรงกระแทกตอนที่ถูกเหวี่ยงไปตามแรงหมุนของรถ ชายหนุ่มยังคงมองเธอด้วยสายตาดุดันเป็นระยะ จนนึกหวาดกลัวยอมนั่งนิ่งเสียโดยดี
สองข้างทางซอยที่เลี้ยงเข้ามาค่อนข้างมืดทึบจนผิดสังเกต ใบหน้าซึ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างดีเริ่มซีดเผือด ใจเต้นระทึกกว่าเก่า เธอไม่อาจคาดเดาอนาคตของตัวเองในวินาทีข้างหน้าได้เลย
"ทำไมทางไปโรงพักมันเปลี่ยวมืดขนาดนี้...คุณกำลังจะขับออกนอกเมืองนะ"
"ฉันเปลี่ยนใจ หึ..." เขาหันมาแสยะยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ แพรวพรรณขลาดกลัวจนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ รับรู้ถึงความแน่นฝืดจุกเสียดในหัวอก
"ถ้าไม่อยากตายเป็นศพอยู่ข้างทางก็แนะนำให้อยู่นิ่งๆ ฉันจะพาเธอไปไว้ที่เซฟเฮาส์ รอสอบสวนแล้วรวบรวมหลักฐานพยาน ผู้ร่วมขบวนการให้ได้หมดก่อนแล้วค่อยจัดการทีเดียวให้สิ้นซาก ไม่อย่างนั้น...เดี๋ยวก็ออกไปลอยชายเป็นขยะสังคมได้อีก แม่เล้าแบบเธอ...คงมีคนหนุนเพียบสินะ ยิ่งอยู่วงการขาอ่อนแบบนี้ด้วยแล้ว ออเดอร์ยิ่งหาง่ายเยอะแยะ หน้าตาก็ดีแต่จิตใจต่ำสกปรกชะมัด"
"คุณพูดเรื่องบ้าอะไรตั้งนานสองนาน ถ้าฉันทำผิดกฎหมายก็พาไปโรงพักแจ้งความสิ ฟ้องศาลต่อสู้คดีกันไปเลย ทำแบบนี้มันก็โจรชัดๆ"
"มารสังคมน่ะ...บางครั้งกฎหมายอย่างเดียวมันก็ไม่ถึงใจหรอก" กระแทกเสียงห้วนๆ ใส่เสร็จแล้วชายหนุ่มก็เหยียบคันเร่งจนมิด ความเร็วท่ามกลางค่ำคืนอันมืดสงัดเกาะกัดหัวใจดวงน้อยให้โหวงเหวงเหว่ว้าเหลือประมาณ เธอเหมือนตัวคนเดียวในโลก ต่อให้หายไปจะมีใครไหมหนอมารับรู้