บทที่ 2 ตอนที่ 4

2084 Words
ในห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงจากทีวีที่ไม่มีใครแยแสสว่างโร่ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อใครบางคนกดเปิดสวิทซ์ไฟ...ดวงตากลมโตที่ปราศจากเครื่องสำอางกวาดมองรอบๆ ห้องรับแขกที่กินอาณาบริเวณไม่ได้กว้างขวางนักก็นึกรู้ว่างานเข้าตัวเสียแล้ว เธอพลาดที่ไว้ใจว่าเขาจะกลับตามกำหนดการซึ่งได้บอกเอาไว้ "เกิดอะไรขึ้น...คุณหมอดื่มเบียร์ไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอ" เท่าที่นับด้วยตาก็น่าจะประมาณเกือบโหล! ซึ่งปกติแม้อัศม์เดชจะดื่มเบียร์เป็นประจำทุกวันจนเคยชิน แต่ไม่เคยหนักขนาดนี้ อย่างมากของเขาก็แค่สองหรือสามกระป๋อง หรือไม่ก็ขวดเล็กพอเป็นกษัย แต่นี่ล่อขวดใหญ่ไปเกือบครึ่งลัง! ไม่รู้ว่าป่านนี้ชายหนุ่มจะยังมีชีวิตรอดอยู่อีกไหม "ทำยังไงดี...หมอต้องโกรธจัดแน่ๆ ดื่มไปเยอะขนาดนี้" อัญญดาจับสายกระเป๋าที่สะพายไหล่แน่นพลางขบคิดหาทางเอาตัวรอด อย่างน้อยก็มีเหตุผลมากมายสามารถเอามาอ้างเรื่องที่กลับบ้านดึกคืนนี้เพราะอัศม์เดชคงไม่รู้ว่าเธอหายไปไหนมา ถ้าเขารู้...รับรองบ้านแตก! ชายหนุ่มค่อนข้างอคติการหน้าที่การงานประเภทนั้น เขาเคยพูดว่ามันไม่งาม ถึงจะได้เงินดี ได้แต่งตัวสวยๆ แต่ต้องโชว์เนื้อโชว์ตัว ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น เขาไม่ชอบ... "คุณหมอ...ทำไมกลับมาเร็วจัง หนู เอ่อ...ไปปาร์ตี้งานวันเกิดเพื่อนมาค่ะ" "ใครมาส่ง..." ถามทั้งที่รู้และเห็นผ่านหน้าต่างห้องครัวเมื่อครู่ไปแล้ว เขาไม่ได้มองไปยังร่างสะโอดสะองที่ยืนกระสับกระส่าย เดินพ้นไปนั่งตรงโซฟาที่เดิม แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มทั้งขวด "เพื่อนค่ะ...แพรว..." ตอบไปอย่างนั้นเพราะตั้งใจจะตัดปัญหา เธอเหนื่อยมากๆ และไม่อยากทะเลาะอะไรกับเขาตอนนี้ เธอเหลือบมองร่างเปลือยท่อนบนที่เต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อแล้วก็ให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า หญิงสาวจึงเลือกที่จะเดินอ้อมเข้าไปในบ้านเพื่อจะขึ้นไปชั้นบนห้องนอนของตัวเอง "ดูซะ!" อัญญดาตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ เขาก็ดึงโทรศัพท์ออกจากสายชาร์ตและโยนลงบนโต๊ะ มันเปิดไฟล์คลิปบางอย่างค้างอยู่บนหน้าจอด้วย เธอกะพริบตาหายใจไม่ทั่วท้อง กลืนน้ำลายลงคอเฮือก "คือ..." "ไปปาร์ตี้ผู้ชายมาเหรอ ฮึ..." อัศม์เดชประชดประชันพร้อมแสยะยิ้มเยาะ มิวายยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกตามเคย ไม่ได้สนใจเลยว่าร่างเล็กจะเจ็บชาแค่ไหน "หนูไปทำงานค่ะ แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรต่ำๆ เหมือนที่คุณคิด" เพราะคำดูถูกเย้ยหยันผนวกกับปมด้อยที่มีอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว ทำให้อัญญดาตอบโต้กลับไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวบ้าง "อวดดี พร้อมจะออกไปอยู่กับมันทุกเมื่อเลยสินะถึงกล้าต่อปากต่อคำกับพี่แบบนี้" น้ำเสียงของชายหนุ่มยังทุ้มลึกและรักษาระดับไว้คงมั่น แต่ถึงกระนั้นอัญญดาก็ยังรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจมากๆ ของเขา "คุณหมอเมาแล้ว...เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ หนูง่วง..." "จะไปไหน...คุยกับพี่แค่คำสองคำก็เดินหนี แต่ไปอยู่กับมันมากี่ครั้งกี่หนกลับชอบใจ ฮึ ฮึ มันมีดีอะไรนักหนาเหรอน้ำมนต์" ชายหนุ่มคว้าข้อมือเล็กไว้ทันควันและยังไม่หยุดซักฟอก ภาพที่เห็นขณะเดินเข้าไปหยิบเบียร์ในครัวผ่านหน้าต่าง มันทำสร้างความปั่นป่วนร้อนรุ่มใจไม่น้อย เพียงแค่คิดว่าเด็กในอุปการะของตัวเองไปคบหากับผู้ชาย ทำอะไรๆ ลับหลังเขาแล้วกลับมาโกหกมดเท็จเพื่อเอาตัวรอด ไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงที่นิ่งๆ เฉยๆ ไม่ค่อยแสดงออกจะกล้าถึงเพียงนี้ เธอกล้า! มากกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากมายนัก "คุณหมอปล่อย เมาก็ไม่นอนเถอะค่ะ หนูไม่มีอะไรจะคุยดัวยหรอก" "แต่ฉันมี!" "ว้าย!" เขาดึงร่างระหงสุดแรงจนเธอล้มลงบนตัวเขา ลำตัวยังพาดขวางอยู่กับพนักโซฟา หญิงสาวดิ้นสุดแรงทันทีกลิ่นเบียร์และกลิ่นกายอ่อนๆ ของเขาโชยเข้าจมูก เธอพยายามเบี่ยงหน้าหนี ขัดขืน...แต่กลับถูกดึงจนร่างครูดไปอยู่บนเขาทั้งตัว เป็นครั้งแรกในสองปีที่อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันแล้วได้ใกล้ชิดกันแบบนี้... "คุณหมอปล่อย!" ร่างเล็กดิ้นพล่านอยู่บนตัวของเขาอย่างไม่มีทางเอาตัวรอด กำลังของอัศม์เดชเหนือกว่าเธอนัก "ผู้ชายคนนั้น...ไอ้นน! มันทำยังไงเหรอน้ำมนต์ถึงได้ติดใจมันนักหนา แอบหนีไปเที่ยว แอบไปนอนกับมันลับหลังพี่" "คุณหมอ...หนูไม่เคยทำอะไรแบบนั้น แล้วกับนนเราก็เป็นแค่เพื่อนกัน" "แล้วทำไมต้องไปแก้ผ้าเต้นแร้งเต้นกาอวดล่างอวดบนประจานตัวเอง แบบนั้น หา...พี่ก็ให้กินให้ใช้ไม่เคยขาด หรือเพราะต้องเลี้ยงผู้ชายเงินที่ให้ถึงไม่พอ!!" "คุณหมอ!!!" ดวงตากลมแดงก่ำจ้องหน้าเข้มเขม็ง ก่อนที่หยาดน้ำใสๆ จะหลั่งรินออกมาเพราะความคับแค้นในหัวอก... "ทำไม! พี่พูดแทงใจดำน้ำมนต์ใช่ไหม ไอ้ชั่วนั่นมันเป็นใคร มันมีดีอะไรเราถึงได้ติดอกติดใจมันขนาดนั้น! พี่ดูแลน้ำมนต์มาตลอดสองปี ยังไม่เคยแตะต้องให้เสื่อมเสียสักครั้ง แต่ดูน้ำมนต์ทำตัวเองสิ...เหมือนผู้หญิงสำส่อนหยำฉ่าไม่มีผิด คิดยังไงไปทำงานแก้ผ้าแลกเงิน!!" อัศม์เดชตะคอกเสียงเข้ม นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่หญิงสาวเห็นเขาโกรธมากมายถึงเพียงนี้ แทนที่จะกลัว...เธอกลับยิ่งจะเกลียด และขยะแขยงในความบ้าอำนาจถือกรรมสิทธิ์ในชีวิตของเธอเช่นเขา เพราะเธอไม่เคยลืมได้เลยว่าที่ไปที่มาของการต้องมาจมปลักอยู่แบบนี้มันคืออะไร "แล้วคุณจะทำอะไรหนู...เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน!! หนูอยากหาเงิน อยากขายตัวหรืออยากจะไปนอนผู้ชายคนไหนมันเกี่ยวอะไรกับคนอย่างคุณด้วย เลิกมาวุ่นวายกับชีวิตหนูได้แล้ว!!" หญิงสาวตะโกนใส่หน้าเขาบ้าง เพราะแรงดิ้นแรงฮึดสู้พร้อมทั้งการต่อปากต่อคำกับอัศม์เดชมันไม่เป็นผลดีเอาเสียเลย รังแต่จะทำให้เธออ่อนล้ากำลังลงอย่างเห็นได้ชัด กระนั้น...แม่สาวน้อยก็ยังไม่ยอมใจ "ดี..." อัศม์เดชครวญในลำคอ "ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่แปลก ถ้าคนที่จ่ายเงินให้เธอมาตลอดสองปีจะตักตวงความสุขแบบที่ผู้ชายคนอื่นๆ ได้ทำบ้าง ถ้าเปรียบกับเศษสวะเงินพวกนั้น พี่ว่า...พี่จ่ายให้เยอะกว่าหลายเท่าไปแล้ว พี่ควรจะได้รับผลตอบแทนบ้างใช่ไหม ถึงจะต้องรับของเหลือเดนมาเป็นสิบเป็นร้อยก็คงไม่เป็นไร...เพราะพี่จะเอาให้คุ้ม!!!" "ว้าย! อื้อ..." หมดโอกาสที่คนตัวเล็กจะต้านทานแรงกระหายอันร้อนระอุของอัศม์เดช เธอพลาดไปแล้วที่ยื้อจะต่อล้อต่อเถียงไม่ยอมความกับเขา หัวใจสาวเต้นระรัวเมื่อริมฝีปากถูกบดจูบอย่างหนักหน่วง กลิ่นเบียร์ถูกดุนดันยัดเยียดให้เธอรับกลืนเข้าไปอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ท่าทางที่ไม่อำนวยต่อการปราบพยศสาวเพราะเขานั่ง และเธอนอนทับบนตักครึ่งตัวทำให้อัศม์เดชลากร่างเล็กและพลิกให้เธอนอนหงายลงบนโซฟาลงเสียอย่างง่ายดาย ก่อนจะทับตัวเองตามลงไป กดและลูบคลำนัวเนียในขณะที่ริมฝีปากยังตะบมส่งจูบรสซาบซ่านไม่ยอมผละห่าง ร่างเล็กยังดิ้นขัดขืนแต่ถูกกดทับเอาไว้เสียจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ เหมือนกระดูกจะแตกหักจากแรงที่ไม่ผ่อนปรนของเขา "คุณหมอ...อย่า..." อัญญดารับรู้ได้ดีว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเมา อีกส่วนก็เพราะความเคืองโกรธในการกระทำของตัวเธอเอง แต่วิธีลงโทษของเขามันดูจะทารุณโหดร้ายไปสักหน่อยเมื่อเทียบกับข้อหาน้อยนิดเหล่านั้น เพราะที่ผ่านมา...อัศม์เดชก็ได้พรากครึ่งหนึ่งของชีวิตเธอไปแล้ว เศษเสี้ยวที่เหลือจะไม่เว้นไว้ให้พอได้หายใจกันบ้างหรือ เวรกรรมอันใดหนอ ที่ซ้ำซัดให้เธอต้องถูกผู้ชายคนนี้ทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีที่สิ้นสุดเสียที... "คุณหมอมีภรรยามีลูกแล้วนะคะ...อย่าทำแบบนี้กับหนูเลย คุณหมอ....หนูขอร้อง..." เมื่อใบหน้าเข้มผละห่าง คนตัวเล็กก็ร้องขอด้วยเหตุผลอันน่าเจ็บช้ำน้ำใจ อัศม์เดชจ้องมองกะพริบตาถี่ๆ เหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด...แล้วก็ไม่แยแส ก้มลงสูดกลิ่นเนื้อสาวตรงซอกคอเป็นลำดับต่อมา ทั้งขบทั้งเม้มริมฝีปากฝากรอยช้ำบางๆ ไว้บนผิวเนื้อสาวสล้าง ฝ่ามือใหญ่ล้วงลึกผ่านชายเสื้อยืดและพลางปลดกระดุมกางเกงยีนตัวเล็กไปพร้อมกัน ก่อนจะเคลื่อนขึ้นสู่ความเย้ายวนแห่งบุปผาเต่งตูม "อื้อ!! อืม...ปล่อย...ปล่อย...หนู" อัญญดาพยายามกลั่นน้ำเสียงที่เหลืออยู่น้อยนิด ผ่านการสะอื้นไห้เพื่อร้องขอให้เขาหยุดล่วงเกินเธอเสีย ก่อนที่อะไรๆ จะสายไปกว่านี้ ก่อนที่เธอ...จะถูกสังคมตราหน้าว่าเป็น เมียน้อย... แค่ลูกกำพร้าขาดพ่อขาดแม่มันก็หนักหนาเกินพออยู่แล้ว เหตุใดผู้มีปัญญาและจิตใจอ่อนโยนอย่างอัศม์เดช ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนและพยายามยัดเยียดความอัปยศอดสูให้กับเธอนัก หรือเขาจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่จองล้างจองผลาญกันมาตั้งแต่ชาติภพไหน เสียงเสื้อผ้าถูกฉีกทึ้งดังถึงโสตประสาท เศษผ้าที่ถูกฉีกบาดเนื้อจนเจ็บแปลบกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าเสื้อยืดตัวน้อยได้หลุดหายออกไปจากร่างเสียแล้ว น้ำตาแห่งความเสียใจหลั่งรินไม่ขาด แต่มันก็ไม่อาจหยุดยั้งอารมณ์ป่าเถื่อนของอัศม์เดชได้เลย เขายังคงฟ้อนเฟ้นสำรวจเรือนร่างแบบบางอย่างไม่ปรานี ซุกใบหน้าคมเข้มลงกลางทรวงอกอวบที่ยังไม่บราเซียโอบอุ้มอยู่ นัวเนียซ้ายขวาพร้อมกับใช้มือบีบให้เข้าหากัน ตวัดเรียวลิ้นไปตามขอบบราจนขนกายสาวลุกชันด้วยไม่เคยชิมลองรสชาติสัมผัสระหว่างชายหญิง ลิ้นอุ่นชื้นตวัดเลียไปตามซอกขอบชั้นในอย่างย่ามใจ สอดลึกไปถึงเม็ดยอดถันที่ดุนดันเนื้อผ้า พร้อมจะเต่งตึงและโหยหาในอิสรภาพ และในที่สุดอัศม์เดชก็ไม่อาจสะกดใจเชยชมแค่ครึ่งเสี้ยวของปทุมถันคู่งาม...เขาดึงบราตัวนั้นทิ้ง เช่นเดียวกับเสื้อตัวน้อยของเธอ ทรวงอกอวบเต็มวัยเด้งหยุ่นอยู่ตรงกลางร่าง ทั้งขาวอวบสะโอดสะอง และงดงามตั้งชูชันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ความสวยของอิสตรี...ล่อตาล่อใจให้เลือดในกายฉีดพล่านเดือดดาน จนเหงื่อผุดซึมไปทั้งร่าง ความร้อนเริ่มเล่นงานชายหนุ่ม ร่างเปลือยท่อนบนของเขาเกร็งเครียดจนแลเห็นเส้นเลือดใหญ่ ผิวเนื้อแนบชิดเสียดสีเคล้าเคลียราวกับต้องการให้กลืนรวมเป็นหนึ่ง ใบหน้าอาบน้ำตาของหญิงสาวแดงซ่าน... เธอยังร้องไห้และมีสำนึกดีชั่วเต็มที่ แต่ไม่อาจขัดขืน ต่อต้านหรือดึงสติของอีกฝ่ายให้กลับคืนมาเท่านั้น การสูญเสียด้วยน้ำมือผู้ชายคนนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับเขาคือบุรุษมารผู้ตักตวงเอาลมหายใจจากเธอไปทีล่ะน้อย ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่น่าปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้เลย มันทรมานเสียยิ่งกว่าได้ดับสูญไปอย่างสงบเช่นแม่ของเธอเสียอีก "คุณ...หมอ...หยะ...หยุด อื้อ!! ได้โปรดหยุด...อย่าทำร้าย...หนู" ชายผู้มีวิชาความรู้ช่วยต่อลมหายใจให้ผู้คนนับพันนับหมื่น...มีแต่ความสุภาพอ่อนโยน บัดนี้สำหรับอัญญดาแล้วเขาไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่หิวโหยแม้แต่น้อย ไร้ซึ่งสามัญสำนึก....ไร้สติ ไร้หัวใจ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD