ตอนที่ 4 ถอนหมั้น

1508 Words
จวนผู้ตรวจการหาน กลางห้องโถงมีสองบุรุษยืนประจันหน้า หนึ่งสูงวัย อีกหนึ่งหนุ่มแน่น พวกเขามองหน้ากันอย่างไว้เชิง ริมห้องอีกฝั่งมีแม่นางน้อยยืนมองด้วยใจลุ้นระทึก ชั่วครู่ต่อมาบุรุษสูงวัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ข้าตามใจจื่อหรานมามากพอแล้ว แต่ครั้งนี้ ฉีรุ่ย เจ้าทำเกินไป มีเรื่องต่อยตีกับอันธพาลจนบุตรสาวของข้าได้รับบาดเจ็บไปด้วย ใช้ได้ที่ใด” เขาคือเจ้าของจวนผู้ตรวจการ นามว่าหานเซิง “การหมั้นหมายของพวกเจ้านับแต่นี้ถือเป็นโมฆะ!” หานเซิงกล่าวปิดท้ายอย่างเดือดดาล “ท่านพ่อ” หญิงสาวผู้ยืนอยู่มุมห้องกล่าวเสียงเครือหมายทักท้วง โม่เหลียนยามนี้คือจื่อหรานเต็มส่วนและชายสูงวัยเบื้องหน้าคือบิดาของร่างเดิม เป็นบุคคลที่นางต้องรักเคารพ “ท่านพ่อใจเย็นก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าหายดีแล้ว ไม่เจ็บสักนิด” “จื่อหราน! เจ้าเลิกหูหนวกตาบอดเสียที ฉีรุ่ยมิใช่บุรุษที่ดีเจ้าก็เห็น รักใครก็จงรักให้เป็น มิใช่หลับหูหลับตา ข้าไม่อาจตามใจเจ้าได้อีกแล้ว พอที!” หานเซิงโบกมือไล่ชายหนุ่มกลางห้องอย่างไม่ไว้หน้า สำหรับเขาชื่อเสียงเป็นเรื่องจอมปลอม เขามิใช่บิดาที่ใส่ใจชื่อเสียงวงศ์ตระกูลจนถึงขั้นยอมให้บุตรสาวเสี่ยงต่อการมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายหลังแต่งงานดีกว่าเสียชื่ออันใดเทือกนั้น หมั้นได้ก็ถอนได้ การถอนหมั้นครั้งนี้ เขาจึงทำเพื่อบุตรสาวทั้งสิ้น! หาใช่ทำลายนางไม่ “ฉีรุ่ย ต่อไปนี้เจ้าอย่าได้มาหาจื่อหรานอีก ที่สำคัญ ข้าเดินทางไปถอนหมั้นพวกเจ้ากับบิดาของเจ้าแล้ว เราไม่มีเรื่องต้องพูดคุยกันอีก” ทั้งน้ำเสียงเปี่ยมโทสะราวฟ้าถล่มและวาจาเถรตรงเผยความเดือดดาลอย่างไม่ไว้หน้าของหานเซิงดังสนั่นไปทั้งห้องโถง บ่าวไพร่ต่างได้ยินกันทั่ว กระนั้นชายหนุ่มกลางห้องกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง ทั้งสงบนิ่งและสุขุม พลันนั้นหานเซิงให้รู้สึกแปลกประหลาดเมื่อมองสบตาลุ่มลึกของกู้ฉีรุ่ย เหตุใดถึงรู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ ราวกับเป็นคนละคน หานเซิงมุ่นคิ้ว รับรู้ถึงแรงกดดันบางอย่างจากร่างสูงของว่าที่ลูกเขยที่บัดนี้เขายัดเยียดให้เป็นอดีตว่าที่เขยไปแล้ว เด็กหนุ่มตรงหน้าที่ไม่เคยลดตัวย่างกรายเข้ามาถึงจวนผู้ตรวจการ อีกทั้งมักเผยกิริยาไร้ความสุขุมสำรวมใดๆ ทว่าบัดนี้กำลังยืนรับฟังคำด่าทอจากเขา ทั้งยังยืนตระหง่านราวภูผาไม่มีวันพังทลายเช่นนั้น... ทั้งสงบเยือกเย็นและสุขุมลุ่มลึกยากหยั่งถึง เขา...คือกู้ฉีรุ่ยจริงหรือ? ใช่ผู้เสเพลมีดีแค่หน้าตาหล่อเหลาและรูปงามจริงรึ? หานเซิงเริ่มไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคือกู้ฉีรุ่ย ไฉนเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ทำคนฉงนยิ่ง ความสงสัยล้วนเก็บงำไว้ในใจ สีหน้าของหานเซิงเผยเพียงความเด็ดขาดของผู้เป็นบิดาที่รักบุตรสาวยิ่งชีพ “กลับไปได้แล้วกู้ฉีรุ่ย หยุดทำร้ายจื่อหรานเสียที!” ชายสูงวัยไล่คนเหมือนไล่แมลงวัน โม่เหลียนได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบงัน ไร้วาจา จากความทรงจำของร่างเดิมที่รับรู้ จื่อหรานชมชอบกู้ฉีรุ่ยเพราะรูปร่างหน้าตางดงาม โดยมองข้ามนิสัยใจคอแท้จริง กระทั่งทำทุกทางเพื่อให้ได้หมั้นหมาย ท้ายที่สุดกู้ฉีรุ่ยก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ถอนหมั้น เนื่องจากเขารังเกียจจื่อหรานที่ทำตัวเจ้าเล่ห์มากมารยา กระทั่งได้หมั้นหมายอย่างไม่ละอาย ครั้นนางหลุดปากว่าต้องการถอนหมั้น หานเซิงจึงเร่งรุดจัดการให้ทันทีราวฟ้าฟาด ทั้งสินสอดและส่วนชดเชยล้วนส่งให้และได้คืนกลับมาครบครัน แลกเปลี่ยนอย่างสาสม ไม่ติดค้าง ผลที่ได้ก็คือเหตุการณ์ยามนี้ ชายหญิงสิ้นสุดพันธะหมั้นหมาย ต่อให้มาเรียกร้องล้วนสายเกินไป กลางห้องกว้าง ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งท่าทีสงบดุจเดิม เยี่ยนเต๋อที่ยามนี้เป็นกู้ฉีรุ่ยเต็มตัวไหนเลยจะไม่ล่วงรู้ถึงสาเหตุแห่งเพลิงโทสะจากว่าที่พ่อตา เมื่อก่อนร่างเดิมรังเกียจคู่หมั้นของตนมากถึงขนาดทำตัวร้ายกาจตลอดเวลาเพื่อกลั่นแกล้งให้นางถอดใจ “ท่านพ่อตา โปรดฟังข้าสักคำ” คนถูกเรียกว่าพ่อตาหางคิ้วกระตุก หานเซิงเอ่ยย้ำ “ข้าไม่ใช่พ่อตาเจ้าอีกต่อไป ฮึ!” ชายหนุ่มจึงเรียกอีกครา ระมัดระวังมากกว่าเดิม “ใต้เท้าหาน โปรดฟังข้าสักคำ” ดวงตาคมเข้มของเขาทอประกายข่มขวัญบางอย่าง ทำให้หานเซิงที่กำลังหมุนกายจากไปต้องมองแล้วหยุดเดินอย่างน่ากังขา วันนี้เขาถูกเด็กหนุ่มทำให้แปลกใจมากเกินไปแล้ว “มีอะไร?” หานเซิงถามตัดรำคาญ “ข้าไม่ต้องการถอนหมั้นกับจื่อหราน” “เฮอะ!” หานเซิงอยากหัวเราะนัก “ฉีรุ่ยแต่ก่อนเจ้าทำทุกอย่างเพื่อถอนหมั้น วันนี้ต่อให้เจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้า...” หานเซิงยังเอ่ยไม่จบประโยค ชายหนุ่มตรงหน้าพลันเปิดชายเสื้อคุกเข่าดังตึง โม่เหลียนเบิกตาโพลงมองเยี่ยนเต๋ออย่างคาดไม่ถึง ในขณะที่หานเซิงขมวดคิ้วมอง “พี่ฉีรุ่ย ท่านทำอะไร?” หญิงสาวตกใจแทบสิ้นสติ การคุกเข่ามิใช่สิ่งที่บุรุษสูงศักดิ์จะกระทำได้โดยง่าย เยี่ยนเต๋อมองดรุณีน้อยมุมห้องนิ่งๆ สื่อนัยเน้นย้ำทางแววตาคมว่าเขาคือกู้ฉีรุ่ย มิใช่เยี่ยนเต๋ออีกต่อไป โม่เหลียนจึงสงบลง ชายหนุ่มค่อยหันมาทางหานเซิง ร่างสูงแม้คุกเข่าอยู่บนพื้นห้องแต่กลับหลังตรงสง่างามแผ่ซ่านกลิ่นอายบางประการกดข่มผู้ยืนได้ชะงัด “ใต้เท้าหาน เมื่อก่อนเป็นข้าที่โง่เขลาเบาปัญญา แต่บัดนี้ข้ารู้แล้วว่ามีใจให้จื่อหราน ขอท่านให้โอกาสข้าพิสูจน์ได้หรือไม่?” หานเซิงแค่นเสียงเฮอะ สะบัดหน้าหนี ไม่อยากมองคนหนุ่มที่กำลังแผ่รัศมีบางอย่างออกมาจนแสบตาพาใจสั่น ไม่รู้เพราะเหตุใดชายสูงวัยถึงรู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง เสมือนศีรษะอาจหลุดจากบ่าได้ตลอดเวลากระนั้น เขาโบกมือทำท่าไม่อยากฟังโดยมิได้หันหน้ามอง “สัญญาหมั้นหมายสิ้นสุดลงแล้วจะพิสูจน์เพื่ออะไร” “เพื่อให้หมั้นอีกครั้ง” สุ้มเสียงชายหนุ่มหนักแน่น “ข้าจะพิสูจน์ตัวเอง ขอแค่ใต้เท้าหานให้โอกาสข้า” “ฮึ!” หานเซิงส่งเสียงในลำคอแค่นั้น มิได้ปฏิเสธแต่มิได้ตอบรับเช่นกัน ความเจ็บปวดของบิดาที่แก้วตาดวงใจถูกทำร้ายความรู้สึกซ้ำๆ จะให้โอนอ่อนได้ง่ายๆ หรือ? คำตอบคือไม่! เยี่ยนเต๋อใช่ว่ามองสีหน้าคนไม่ออก กู้ฉีรุ่ยผู้นี้ทำตัวเสเพลไร้อนาคตไปวันๆ ดังนั้นย่อมมีทางเดียวให้คนยอมรับ เขาเอ่ยอย่างใจเย็น สุ้มเสียงทุ้มต่ำน่าฟัง “ข้าจะสอบขุนนาง ภายหน้าจื่อหรานจะได้ขึ้นเกี้ยวแปดคนหามเข้าจวนของข้าอย่างสมศักดิ์ศรี เป็นฮูหยินของข้ากู้ฉีรุ่ยอย่างสมเกียรติ” หานเซิงเบิกตา ครานี้จึงหันมอง “เจ้าล้อข้าเล่นแล้ว? ตัวเจ้าเคยอ่านหนังสือ เรียนตำราปราชญ์หรือไร?” นี่มิใช่วาจาดูแคลน หากแต่หานเซิงถามจริงๆ กู้ฉีรุ่ยผู้นี้เป็นบุตรชายคนเดียวของกู้เหิงซึ่งเป็นถึงน้องชายคนสำคัญของเสนาบดีกู้เจิ้ง สถานะจึงไม่ธรรมดา และด้วยฐานะร่ำรวยจึงเสเพล ทำตัวเกเรไปวันๆ มีดีแค่หล่อเหลาเท่านั้น หานเซิงปรายตามองอย่างดูแคลนเหยียดหยันอีกว่า “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะสอบขุนนางได้ ไม่มีทาง กลับไปฝึกเขียนอักษรให้งดงามทรงพลังก่อนเถอะ ค่อยมาท้าทาย ฮึ!” เยี่ยนเต๋อนิ่งคิดพยายามนึกหนังสือที่ร่างเดิมเคยอ่าน ทว่าน่าเสียดายที่นึกไม่ออก เพราะเหมือนว่าจะไม่คุ้นเคย โม่เหลียนให้รู้สึกปวดศีรษะ คุณชายกู้ผู้นี้ ร่างเดิมเคยจับพู่กันหรือเปล่า นางเองก็ยังไม่แน่ใจ... แต่ที่นางแน่ใจคือตัวนางเองไม่สันทัดเลยสักนิด ชาติก่อนนางเป็นบุตรสาวหนึ่งเดียวของสำนักฝ่ายบู๊ ตำราปราชญ์ ศาสตร์สตรี ไม่เคยสนใจ พู่กันยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เคยฝักใฝ่คัดอักษรเลยสักเสี้ยว เอาแต่ฝึกธนูจับดาบฟาดฟันอย่างเด็ดเดี่ยว ส่วนชาตินี้ เจ้าของร่างนามหานจื่อหราน ยังเป็นสตรีที่ไม่เอางานบ้านงานเรือน แม้เป็นคุณหนูในห้องหอแต่กลับไม่ค่อยสนใจเรียนรู้ศาสตร์สตรี อีกทั้งตั้งแต่ได้พบพานกู้ฉีรุ่ยก็หลงใหลหัวปักหัวปำ วันๆ เอาแต่วิ่งไล่ตามผู้ชายคนนี้ เช่นนั้น การที่จะช่วยเหลือหรือส่งเสริมกันในเรื่องสอบขุนนาง ท่าทางช่างยากเย็นยิ่ง เฮ้อ... ชายหนุ่มหญิงสาวมองหน้ากันอย่างกลัดกลุ้ม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD