ภาพฝันดั่งมายาละม้ายความจริงถึงเก้าในสิบส่วนยังคงไหลวนในห้วงนิทรารมย์
แรกเริ่มคือภาพเปี่ยมสุขของครอบครัวเล็กๆ ที่มีพ่อแม่และลูกสาวสองคน
บุรุษหนุ่มหล่อเหลา มีสตรีเพียงหนึ่งคนเคียงกาย มีลูกๆ คอยปรนนิบัติพัดวีไม่ห่าง วาดหวังสุขนี้นิรันดร์
ทว่าภาพต่อมากลับไม่ใช่
ชีวิตราบรื่นของครอบครัวสุขสันต์ไหนเลยมีจริง
บุรุษคนเดิมลักลอบโอบประคองหญิงอื่นเดินเล่น
สิ่งที่เห็นต่อมาคือเขายืนก้มหน้านิ่งอย่างละอายใจ ในขณะที่สตรีผู้หนึ่งร่ำไห้แทบขาดใจ
เนตรงามที่เต็มไปด้วยน้ำตาดุจสายฝนนั้นมองด้านข้างบุรุษอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส
เนื่องจากข้างกายบุรุษมีสตรีอีกคนคุกเข่าเคียงข้าง ในอ้อมแขนนางมีเด็กน้อยผู้หนึ่ง
‘ข้าขอโทษ...’
คำขอโทษจากปากบุรุษทำสตรีที่ยืนเบื้องหน้าเขา เข่าแทบทรุด นางสะอึกสะอื้น พร่ำถามเสียงเครือ
‘ท่านพี่...ท่านหักหลังข้า ทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร’
“เป็นความผิดพลาด ข้าผิดต่อเจ้า”
“ผิดพลาดหรือ? มิใช่กระมัง!”
ไร้ซึ่งคำแก้ตัวจากสามี นางเพียรถามซ้ำๆ
‘ท่านทำร้ายข้าทำไม...’
‘ทำได้อย่างไร...’
ภาพต่อมา สตรีคนเดิมพลันล้มลงต่อหน้าเด็กหญิง นางกระอักเลือดแน่นิ่ง ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิทแต่ยังหลงเหลือรอยคราบน้ำตา หยาดโลหิตหลั่งทะลักออกจากเจ็ดทวารท่วมร่างนางราวบุปผาเลือดแห่งปรโลก เกิดสีชาดแดงฉานคล้ายดอกสือซว่าน[1]กำลังแย้มกลีบเบ่งบานท่ามกลางอนธการอันไร้ขอบเขต
สตรีผู้นั้นสิ้นลมหายใจ จากไปทั้งน้ำตา...
ภายในห้องที่ไม่คุ้นตา บนเตียงนอนที่ไม่คุ้นเคย
แสงตะวันจากหน้าต่างทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่เริ่มสะลึมสะลือ แพขนตายาวงอนสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนที่สติจะคืนกลับมาทั้งหมด นางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เพียรนึกถึงเรื่องราวที่มิใช่เพียงความฝัน
ในห้วงภวังค์คือชีวิตตัวเองในอีกภพชาติอันยาวนาน ทว่ากลับเสมือนเพิ่งเกิดขึ้นในความรู้สึก
นางมีนามว่าโม่เหลียน บุตรสาวหนึ่งเดียวของโม่เฉิง เจ้าสำนักคุ้มภัยอันเลื่องชื่อลือนามแห่งแคว้นเยี่ยน
เมื่อถึงวัยออกเรือนนางเลือกบุรุษแสนดีเป็นสามี เขามีนามว่าซ่งเสวียนชิง
สามีคนนี้ทั้งรักและดูแลนางอย่างดีไม่มีบกพร่อง ทว่าท้ายที่สุด สามีแสนดีคนนี้กลับเป็นคนแสนเลวที่สุด เขาทำร้ายนางได้อย่างเลือดเย็นยิ่งนัก นางที่ภักดีต่อเขา กลับได้รับผลตอบแทนด้วยการถูกทรยศหักหลังอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส
ซ่งเสวียนชิงพาสตรีผู้หนึ่งเข้าเรือนมาด้วยเหตุผลที่ว่าสตรีผู้นั้นกำลังตั้งครรภ์ในช่วงเวลาที่ครอบครัวของนางล้วนเสียชีวิตจากเหตุภัยพิบัติขณะเดินทางย้ายถิ่นฐาน โดยมีเขาทำหน้าที่ผู้รับจ้างคุ้มกัน
บุรุษผู้เป็นสุภาพชนมีความรับผิดชอบสูงส่งเช่นเขา ย่อมไม่อาจปัดความรับผิดชอบผู้ที่เหลือรอดเพียงคนเดียวได้
นางที่แสนใสซื่อโง่เขลามิทันเล่ห์เหลี่ยมให้รู้สึกเห็นใจและรับอีกฝ่ายเข้ามาอย่างมีเมตตา
แต่การณ์กลับกลายเป็นว่านางรับมีดคมกริบเอาไว้เพื่อเฉือนหัวใจตัวเองจนแตกสลาย
สตรีผู้นั้นแท้จริงคือภรรยาอีกคนของสามีนาง
พวกเขาแอบสานสัมพันธ์ลับหลังอย่างไร้ยางอาย ตั้งแต่เมื่อใดมิทราบได้ นางรู้เมื่อสาย
นางรู้เมื่อเด็กในท้องของหญิงคนนั้นคลอดออกมา แล้วมีใบหน้าเหมือนสามีของนางทุกประการ
ซ่งเสวียนชิงยอมรับความจริงว่าเขาพลาดกับอีกฝ่าย เขาดื่มเหล้าเมามายมิอาจควบคุมตัวเองได้ แต่คนท้องแล้ว เด็กก็เกิดมาแล้ว อย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบ
ยามนั้นนางเชื่อทั้งน้ำตาว่าสามีแค่พลาด
เชื่อตามที่เขาบอกว่ารักเพียงนาง มิได้รักสตรีคนนั้น
ทว่าท้ายที่สุดในขณะที่นางยังร่ำไห้เสียน้ำตาทุกวัน พวกเขากลับมีกันและกันตลอดเวลา
เสพสมสุขล้ำจนคลอดบุตรชายอีกคนออกมา
ในขณะที่นางได้แต่หลั่งน้ำตา อดทนมองพวกเขาด้วยหัวใจแหลกสลายอยู่คนเดียวในมุมมืดอย่างเงียบงัน
เวลาอันทุกข์ทรมานนั้น นางให้นึกถึงบุรุษอีกคนหนึ่ง
องค์ชายแห่งเยี่ยน
เยี่ยนเต๋อ...
บุรุษสูงศักดิ์ ผู้ที่โม่เหลียนเลือกหลีกเลี่ยงด้วยมิอาจตบแต่งเป็นชายา บุรุษผู้ที่รักนางสุดใจ
แต่นางกลับกลัวเขา นางกลัวความสูงศักดิ์ของเขา กลัวธรรมเนียมปฏิบัติราชวงศ์ กลัวว่าหากแต่งงานกับเขาต้องรับอนุชายาให้เขาอย่างหน้าชื่นอกตรมนับครั้งไม่ถ้วน
ทว่าท้ายที่สุด สามีที่นางมั่นใจในสัมพันธ์ตั้งแต่เด็ก สามีที่นางเลือกด้วยความแน่วแน่ว่าไม่ต้องรับสตรีใดให้เขาด้วยเหตุผลกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางการเมืองขั้วอำนาจ
สามีที่นางเชื่อมั่นเชื่อใจในคำสัญญาอันหนักแน่นดุจหินผาทั้งหุบเขาว่าจะมีนางคนเดียวตลอดไป
เขา...คนที่นางเลือก กลับตระบัดสัตย์น่ารังเกียจ
แต่เยี่ยนเต๋อ บุรุษที่นางหลีกเลี่ยง กลับใช้ชีวิตอย่างเดียวดายไร้สตรีข้างกายภายใต้คมดาบไกลถึงชายแดน เขามีรักมั่นยากที่ใครจะสั่นคลอน ไม่รับสตรีใดให้แทนที่นาง
ท้ายที่สุด หลังจากนางตาย วิญญาณล่องลอยมิทันได้ดับสลาย นางกลับเห็นเยี่ยนเต๋อยอมสละซึ่งยศฐา ปลิดชีพต่อหน้าหลุมศพนาง พร้อมคำสาบานว่าจะติดตาม เพื่อมอบความรักมิปล่อยมือ
โม่เหลียนยิ่งคิดความรู้สึกติดค้างยิ่งท่วมท้น
เยี่ยนเต๋อคือคนที่นางจะไม่ยอมปล่อยมืออีกเช่นกัน
จังหวะนั้น สตรีผู้หนึ่งพลันเดินเข้ามาพร้อมสาวใช้
“คุณหนูตื่นพอดี คุณหนูซินมาเยี่ยมเจ้าค่ะ”
สาวใช้กล่าวกับสตรีบนเตียงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนยอบกายแล้วหมุนตัวไปยืนรอรับใช้อยู่อีกฝั่งที่มุมห้อง
คุณหนูซินถาม “พี่จื่อหราน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“จื่อหราน? ใคร?” โม่เหลียนมุ่นคิ้วมองสตรีผู้มาใหม่
“หืม?” อีกฝ่ายเลิกคิ้วตาโต ชี้นิ้ว “พี่ไง จื่อหราน”
หญิงสาวกล่าวเสียงขรึม “แม่นางผู้นี้คงจำผิดแล้ว ข้ามิใช่จื่อหราน ข้าคือโม่เหลียน”
“หา!”
คุณหนูกู้ซินให้ตกใจนัก แต่สงสัยสหายแกล้งกระมัง “ท่านล้อเล่นข้าแล้ว พี่คือจื่อหราน คู่หมั้นของพี่ชายข้า อ๊ะ! หรือว่าพี่กำลังคิดถอดใจจากพี่ฉีรุ่ยของข้า จึงคิดใช้ไม้นี้”
โม่เหลียนหรี่ตา พลันนั้นความทรงจำในหัวเริ่มตีวนคล้ายระลอกคลื่นถาโถม เรื่องราวตั้งแต่เด็กจวบจนเติบใหญ่ และทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวตนจนกระทั่งอยู่ในเหตุการณ์เมื่อวาน
ที่แท้นางคือจื่อหรานจริงๆ ทั้งยังมีคู่หมั้นแล้วด้วย บุรุษผู้นั้นเจ้าสำราญเสเพล มีดีแค่ใบหน้าหล่อเหลายวนใจ หลังจากทบทวน โม่เหลียนจึงเอ่ยด้วยอาการสับสนมึนงง “ข้าเป็นจื่อหรานก็ได้ แต่ข้าจะถอนหมั้น”
“หา!” กู้ซินเบิกตาโพลง “โอ้! ไม่นะ! ไม๊”
คนโวยวายก็โวยวายไป คนงงยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ ภายในห้องเริ่มวุ่นวายมากโขทีเดียว
[1]ดอกสือซว่าน มีชื่อเรียกอีกว่าพลับพลึงแดง หรือ red spider lily ซึ่งชื่อที่ใช้ร่วมกันอย่างมากน่าจะเป็น “ฮิกังบะนะ” ซึ่งดอกไม้นี้ไม่เป็นมงคลเท่าไรนัก จึงไม่นิยมนำมาจัดแจกันหรือช่อดอกไม้