อลิสารวบผมเอาไว้ด้านหลังเพื่อมัดเป็นหางม้า เธอแต่งหน้าอ่อนๆ แบบที่ไม่ให้คนอื่นจับโปะได้ว่าแต่งหน้า ส่วนเสื้อ สวมเดรสไม่น่าจะดีเพราะว่านี่คืองานเลี้ยงต้อนรับที่จัดขึ้นมาในไร่..ต้องแต่งตัวให้ไม่มากไป ไม่น้อยไป..
ไม่มากไป ไม่น้อยไปแล้วมันจะต้องแต่งแบบไหนกัน?
สุดท้ายอลิสาสวมเสื้อครอปสีดำเอาไว้ด้านใน แล้วสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีขาว ส่วนกางเกง..แน่นอนว่าจะต้องเป็นกางเกงยืนขายาวเท่านั้นเพราะที่นี่ยุงเยอะมาก
หลังจากหมุนหน้ากระจกครบร้อยรอบแล้ว อลิสาก็เดินออกมาจากห้องเพื่อไปหอมแก้มยายแรงๆ สองสามที
“หนูลิสาเองค่ะยาย เดี๋ยววันนี้พี่นกจะเป็นคนพายายเข้านอนนะคะ”
“งั้นเหรอ ส้มแป้นไปไหนล่ะ”
“พี่แป้นไปจัดงานเลี้ยงต้อนรับหนูค่ะ..”
อลิสาจับมือของยายเอาไว้แน่น เธอยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับช้อนสายตามองหน้ายาย
“หนูจะปกป้องไร่อุดมรักของยายเอาไว้เอง ต่อจากนี้ยายก็ช่วยกินเยอะๆ ดูแลสุภาพให้แข็งแรงเพื่ออยู่กับหนูไปนานๆ นะคะ”
ยายหัวเราะ ทว่าสายตาของยายไม่ได้มองหน้าของเธอเลย ยายกำลังมองโทรทัศน์เครื่องเก่าที่อยู่เบื้องหน้า ไม่เป็นไร ถึงยายจะไม่รับรู้ก็ไม่เป็นไรหรอก เธอจะทำให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องไร่นี่เอาไว้
หลังจากร่ำลายายเสร็จแล้วเมื่ออลิสาเดินลงมาด้านล่างก็พบกับไฉไลลูกสาวคนงานในไร่ที่กำลังนั่งรอเธออยู่
“สวัสดีค่ะคุณลิสา หนูมีชื่อว่าไฉไลเป็นลูกสาวของหัวหน้าคนงานค่ะ ป้าส้มแป้นให้หนูมารับคุณไปที่งาน”
อลิสาพยักหน้าเบาๆ
“ไปสิ..เอารถยนต์ไปไม่ได้ใช่ไหม?”
“รถยนต์ขับไปไม่ถึงท้ายไร่หรอกค่ะ รถเครื่องก็ขี่ยากเพราะฉะนั้นวันนี้ป้าส้มแป้นเลยให้เราขี่ซาเล้งไป..”
มือของไฉไลชี้ไปที่รถซาเล้งคันเก่าที่จอดอยู่ในโรงจอดรถ
“.....”
รถซาเล้งนี่..สภาพมันเหมือนกับว่าไม่มีคนขี่มาแล้วสองชาติเห็นจะได้
“อ่า..ไฉไลจะขี่ใช่ไหม พอดีว่าพี่ไม่เคยขี่มาก่อนเลย”
“หนูขี่รถไม่เป็นค่ะ นี่หนูเดินจากท้ายไร่เพื่อมารับคุณลิสาเลยนะคะ หากเดินไปอีกรอบกว่าจะถึงน่าจะจบงานพอดี”
เธอเคยขี่รถมอเตอร์ไซค์..และซาเล้งนี่คงไม่ได้ขี่ยากเย็นอะไรขนาดนั้นหรอกละมั้ง
เอาวะ..อย่างน้อยก็ดีกว่าเดินไป อลิสาบิดกุญแจแล้วติดเครื่องรถ เธอพยักหน้าเพื่อให้ไฉไลขึ้นมานั่งบนรถ
“หนูว่าหนูเดินไปก็ได้...”
“ขึ้นมาเถอะไฉไล มันไม่ได้ยากเกินความสามารถของฉันหรอกน่า”
ในใจของอลิสาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ชีวิตของเธอเคยผ่านอุปสรรคมามากมายนับไม่ถ้วนกับอีแค่ขี่รถซาเล้งแค่นี้มันจะเท่าไหร่กันเชียว
ทางในสวนมันค่อนข้างจะเล็ก อีกทั้งข้างๆ คือคูน้ำเพราะแบบนั้นไฉไลก็เลยนั่งตัวเกร็งไปตลอดทาง เหมือนกับว่าตอนนี้ชีวิตของเด็กน้อยวัยสิบหกอย่างเธอมีสองทางเลือก ทางแรกคือชนรั้วลวดหนามและทางที่สองคือพุ่งลงคลอง
แฮนรถมันสั่นชนิดที่ว่าขนาดเธอเป็นคนนั่งยังอยากจะเอามือไปช่วยคุณลิสาประคองเพื่อให้มันวิ่งไปแบบตรงๆ ไม่ใช่ส่ายไปส่ายมาแบบนี้
“หนูคิดว่า..”
“เงียบๆ ไฉไล เธอไม่รู้หรอกว่าฉันกำลังใช้สมาธิในการบังคับเจ้ารถซาเล้งนี่มากแค่ไหน”
มันจะส่ายอะไรนักหนา นี่รถหรืออะไรกันแน่ แต่ทว่าเธอก็กำลังพยายามประคับประคองมันไปอย่างช้าๆ นี่ลากเกียร์สองมาประมาณสามกิโลแล้ว ไม่กล้าใส่เกียร์สามกลัวมันเร็วเกินไป
“ถึงทางแยกแล้วต้องเลี้ยวไปทางไหนไฉไล”
“ซะ..ซ้ายค่ะ เลี้ยงซ้ายแล้วตรงไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว”
อลิสาพ่นลมหายใจออกจากปากด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็เดินทางมาถึงงานเลี้ยงต้อนรับที่ถูกจัดเอาไว้เพื่อเธอแล้ว
เลี้ยวซ้ายๆ ..
อลิสาพาเจ้าซาเล้งเลี้ยวซ้ายมาได้อย่างปลอดภัยดี ใช่..มันจะเป็นแบบนั้นหากว่าไม่มีรถยนต์เลี้ยวเข้ามาจ๊ะเอ๋เธอซะก่อน
“ฟิ้ว...”
ทุกการเกิดอุบัติเหตุ คนขับจะต้องหักรถด้านตรงข้ามเพื่อหลบเสมอ มันเป็นสัญชาตญาณ และครั้งนี้ก็เช่นกันอลิสาเลือกที่จะหมุนแฮนด์รถไปด้านซ้ายสุด..เพื่อลงคลอง
“ตู้ม!!”
จบกันอุตส่าห์แต่งตัวมาอย่างสวยเพื่อที่จะได้พบกับพี่จองชัย ตอนนี้สภาพของเธอเหมือนลูกหมาตกน้ำยังไงอย่างนั้นเลย
“อ่า..อย่างน้อยการพุ่งลงน้ำก็ดีมากกว่าการพุ่งเข้าใส่ลวดหนามนะคะคุณลิสา มาเถอะค่ะ ไปด่าไอ้คนขับรถกระบะกัน ขับรถภาษาอะไรวะ....”
เสียงของไฉไลจางหายไปในทันทีเมื่อเธอเห็นคนที่เดินลงมาจากรถกระบะคันต้นเรื่อง
ออสการ์เพื่อนร่วมห้องของเธอเดินลงมาจากรถพร้อมกับอาของเขา คุณเตลองซ์เจ้าของไร่พูนสุข
“เป็นอะไรมากไหมไฉไล..แล้วนั่นใครน่ะ?”
ออสการ์เดินเข้ามาหาไฉไลก่อนที่เขาจะหมุนตัวเธอดูรอบๆ เพื่อสำรวจว่าร่างกายของเธอได้รับบาดเจ็บหรือไม่
“มะ..ไม่เป็นไรสักนิดเลย เรากำลังร้อนอยู่พอดี ต่อให้คุณเตไม่ขับรถมาเราก็อยากจะกระโดดลงน้ำอยู่แล้ว ไม่เป็นไรเลย..สักนิดเดียว”
อลิสาอ้าปากค้าง เธอมองไฉไลที่เปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน นี่ยัยเด็กไฉไลชอบหนุ่มน้อยคนนี้งั้นเรอะ
อลิสารู้สึกเจ็บที่แขน และเมื่อเธอก้มมองแขนของตัวเองก็พบว่ามันเป็นรอยถลอกยาวจากศอกเกือบถึงข้อมือ เลือดสีแดงสดกำลังไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
และเธอเป็นคนกลัวเลือดอย่างหนัก
อลิสารู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้ามืดยังไม่บอกไม่ถูกเลย ในขณะที่เธอกำลังจะล้มลงก็มีมือมาโอบเอวของเธอเอาไว้
“คราวหลังหากว่ายังขี่รถไม่เป็นก็ไปหัดก่อนสิ ขี่ออกถนนมาแบบนั้นได้ที่ไหนกันมันอันตราย...”
เตลองซ์ที่กำลังบ่นอยู่ถึงกับชะงักเมื่อเขามองเห็นใบหน้าของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน
ใบหน้าที่ติดอยู่ในหัวของเขามาตลอดทั้งวันทั้งคืน ใบหน้าที่เขาทั้งคิดถึง โกรธและอยากเจอมากที่สุดมาอยู่ตรงหน้าของเขาราวกับปาฏิหารย์..
“เหอะ!! นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย”
อลิสามองเขาที่กำลังใช้ผ้ามาซับเลือดให้เธอ และเมื่อเธอเริ่มจะตั้งสติได้เขาก็อุ้มเธอเข้ามาในรถของเขาซะแล้ว
“อ่า..ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ได้ค่ะ”
“เหรอ ดีเลยกำลังคิดว่าจะไม่ไปโรงพยาบาลอยู่พอดี ออสไปงานก่อนได้เลยบอกทุกคนว่าเดี๋ยวเฮียไป”
“ครับ”
เมื่อออสการ์รับรู้ เตลองซ์ก็ปิดกระจกรถก่อนที่เขาจะกลับรถเพื่อขับออกไปจากที่นี่
“นี่คุณจะไปไหนคะ?”
อลิสาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา และเมื่อเธอเห็นหน้าเขา มันเหมือนกับว่าขนทุกเส้นในร่างกายลุกชูชันขึ้นมาอย่างไม่ได้นัดหมาย ไม่รู้ว่าจะต้องเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่ายังไงดี เธออ้าปากเพื่อจะพูดบางอย่างออกไปแต่ก็ต้องกลืนคำพวกนั้นลงคอแล้วหุบปากลง
ทว่าพอมาคิดมาคิดไปแล้ว..เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนี่หว่า เธอให้เงินแถมยังทิ้งโน้ตเอาไว้เพื่อชมเชยเขาแล้วทำไมเขายังไม่พอใจอีกนะ
หรือว่าค่าตัวของเขามันมากกว่าห้าพันอีกงั้นเรอะ