“ว่าไงจ๊ะหนุ่มน้อย มากับใครจ๊ะ” กีณรินเอ่ยถามพลางย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า
“ว้าย รูปหล่อมาจากไหนจ๊ะ น่ารักจังเลย” เสียงเพื่อนสาวเอ่ยแซวแล้วต่างมาห้อมล้อมเด็กหนุ่มตัวน้อย
“พ่อแม่อยู่ไหนจ๊ะ เอ๊ะ ฟังภาษาไทยได้ไหมเนี่ย รินช่วยหน่อยซิ”
“ค่ะเดี๋ยวรินถามเอง” กีณรินค่อนข้างจะเก่งภาษาอังกฤษจึงมักถูกเพื่อนๆ ให้สื่อสารกับชาวต่างชาติอยู่เสมอ “มากับใครค่ะ”
“มากับมามี้และแดดดี้ฮะ” เด็กน้อยตอบเสียงใส
“มาทำอะไรที่นี่ละจ๊ะ เดี๋ยวมามี้กับแดดดี้เป็นห่วงนะ”
“มาหาพี่สาวคนสวยฮะ พี่สวยจังเป็นแฟนกับผมนะฮะ”
กีณรินหัวเราะเสียงใสแล้วหันไปพูดกับเพื่อนๆ “ขอพาหนุ่มน้อยไปส่งพ่อกับแม่เค้าก่อนนะจ๊ะ”
หญิงสาวจูงมือเด็กน้อยออกมาด้านนอก เธอถามเด็กน้อยอีกครั้งว่าพ่อแม่ของเขานั่งอยู่ที่ไหนแล้วจึงเดินพามาส่ง สองสามีภรรยาดีใจมากที่เห็นลูกชายของตนเองซึ่งกำลังมองหาว่าไปเล่นซนอยู่ที่ไหน
“ที่หน้าทีหลังจะไปไหนต้องบอกแดดี้กับมามี้ก่อนนะจ๊ะ” กีณรินเตือนแล้วยิ้มอ่อนหวาน แล้วเธอก็ต้องทำหน้างงเมื่อเด็กน้อยเรียกให้เธอเอียงหูมาเหมือนจะบอกความลับบ้างอย่าง แต่แล้วแก้มเนียนก็ถูกหอมเข้าฟอดใหญ่ทันที
“ตกลงพี่สาวเป็นแฟนกับผมนะฮะ”
กีณรินยกมือลูกแก้มตัวเองป้อยๆ โดนเด็กสิบขวบหอมแก้มอีกแล้วซิเรา! เธอหัวเราะคิกคักไม่ได้โกรธเคืองในความแก่แดดของเด็กน้อย แต่กลับหอมแก้มคืนไปหนึ่งที
“เอาไว้โตกว่านี้ค่อยมาจีบพี่นะ”
กีณรินโบกมือลาหนุ่มน้อยและครอบครัวที่น่ารัก เธอได้แต่ยิ้มและหวนคิดถึงอดีตของตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยมีความสุขแบบนี้ พ่อกับแม่มักพาเธอไปทานอาหารนอกบ้านอยู่บ่อยๆ แต่หลังจากความตายพรากพ่อกับแม่ของเธอไปก็เหมือนพรากรอยยิ้มไปจากใจเธอด้วย นานนับปีกว่าที่เธอจะกลับมาร่าเริงได้อีก แต่มันก็ไม่ใช่ความร่าเริงดั่งเก่าก่อนเป็นแต่เพียงเพื่อให้คนรอบข้างสบายใจมากกว่า
หญิงสาวหมุนตัวเพื่อเดินกลับมาที่หลังเวที แต่ร่างบางต้องผงะเซถอยหลังไปครึ่งก้าวเมื่อเผชิญกับอกกว้างมือใหญ่โอบแผ่นหลังของเธอเพื่อช่วยพยุงไว้ก่อน แต่กลับทำให้เธอเงยหน้ามองคนร่างใหญ่ตรงหน้า ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ
“ไม่เป็นไรนะครับ”
“ค่ะ” กีณรินผลักอกเขาเบาๆ แล้วรีบเดินออกมาทันทีมีบางอย่างที่เธอรู้สึกว่าเขา ‘อันตราย’ เกินกว่าที่จะอยู่ใกล้
กลิ่นหอมละมุมจากเรือนกายของหญิงสาวทำให้เขาราฟาเอลเผลอมองตามร่างบางที่เดินจากไปเขาตั้งใจจะลุกไปเข้าห้องน้ำแต่บังเอิญเจอภาพน่ารักๆ นี่เสียก่อน เด็กน้อยคนนั้นช่างน่าอิจฉา ไม่ใช่เพราะได้หอมแก้มสาวสวยแต่เพราะครอบครัวที่น่ารักนั้นต่างหาก ‘ครอบครัว’ ที่เขาไม่เคยได้สัมผัส
กีณรินเรีบเข้าไปด้านหลังและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเดินทางกลับบ้าน บรรดาเพื่อนนางรำต่างเตรียมตัวกันเสร็จและบางคนแยกย้ายกลับไปแล้ว แต่กีณรินต้องกลับรถของพี่เลี้ยงเพราะห้องเช่าของเธออยู่ไกลจากร้านอาหารแห่งนี้นัก ในสัปดาห์หนึ่งจะมีงานรำที่ร้านอาหารสองสามแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์ แต่อาจจะมีงานพิเศษที่อื่นบ้างอย่างพวกงานเลี้ยงรับรองหรือแม้กระทั่งรำแก้บน แต่เมื่อกีณรินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอก็ต้องแปลกใจที่ไม่เห็นใครเลย
“พี่แป๋มคะ พี่แป๋ม” กีณรินร้องเรียกพี่เลี้ยงแต่ไร้เสียงตอบ “ทำไมไม่รอรินละ หนีกลับก่อนได้ไงเนี่ย”
“ผมให้พี่แป๋มกลับก่อนเองครับ” นัทธีโผล่หน้าเข้ามา “ผมบอกว่าจะไปส่งกีณรินเอง”
“นัท” กีณรินรู้สึกถึงบางอย่างในสายตาของนัทธีที่มองเธอไม่เหมือนเคย “ไม่เป็นไรจ๊ะ รินกลับเองได้”
“ดึกแล้วให้นัทไปส่งรินเถอะ” เขาดึงข้อมือของกีณรินไว้ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องไป
“นัทอย่าทำแบบนี้ รินไม่ชอบ”
“นัทก็แค่อยากไปส่งรินเฉยๆ เท่านั้น”
“แค่ไปส่งนะ” กีณรินพยายามมองเพื่อนในแง่ดี
“แค่ได้ไปส่งนัทก็ดีใจแล้วละ” เขายิ้มแล้วถือโอกาสฉวยกระเป๋าใส่เสื้อผ้าของกีณรินไปถือไว้ “ไปเถอะ รินจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน ทั้งทำงานทั้งเรียนเหนื่อยแย่แล้ว”
กีณรินถอนหายใจเบาๆ แล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามนัทธีไปที่รถของเขาโดยไม่รู้ว่ามีสายตาคมเข้มคู่หนึ่งจับจ้องอย่างไม่วางตา
“ที่แท้ก็มีแฟนแล้ว”
“อะไรนะครับคุณราฟาเอล”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
สุรัตงุนงงกับเจ้านายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาเกือบ 10 ปี
หน้าที่ดูแลบอสหนุ่มจากอิตาลี่ครั้งนี้ท่าทางจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว.
.....
รถญี่ปุ่นคันเล็กน่ารักขับมาเรื่อยๆ นาฬิกาบอกเวลาเลยเที่ยงคืนแล้วถนนที่เคยหนาแน่นด้วยรถราในตอนกลางวันแต่บัดนี้โล่งผิดไปถนัดตา นัทธีลอบยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะข้างมีอาการผ่อนคลายมากขึ้นกว่าตอนที่พามาจากร้านอาหาร ชายหนุ่มยอมรับว่าเขารักกีณรินมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง
กีณรินไม่เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ ที่เขาเคยเจอ เธอทั้งหวงเนื้อหวงตัวและรักศักดิ์ศรีเป็นที่สุด แม้จะมีฐานะการเงินค่อนข้างลำบากแต่ก็ไม่เคยรับของใครฟรีๆ เขาเองก็เคยคิดว่ากีณรินจะเป้นผู้หญิงง่ายๆ ที่จะเล่นสนุกเพียงข้ามคืนแลกกับเงินไม่กี่บาท แต่กีณรินยอมเหนื่อยทำงานพิเศษสารพัดจนบังเอิญว่ากีณรินมาเป็นนางรำที่ร้านอาหารของครอบครัวเขาทำให้เขามีโอกาสใกล้ชิดเธอมากขึ้น กีณรินมีผู้ชายมาจีบหลายคนแต่ก็ต้องล่าถอยเมื่อเธอไม่ยอมเล่นด้วย และคงเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากกีณรินได้เลย แม้ว่าเขาจะไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงเลยก็ตามแต่คนที่อยู่กลางดวงใจเขามีแต่เธอเท่านั้น
“หาอะไรกินก่อนเข้าบ้านไหมริน เมื่อกี้ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวรินไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่บ้านก็ได้”
“ของแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร นัทว่าเราหาอะไรกินก่อนดีกว่านะ” นัทธีทำท่าจะเลี้ยวรถเข้าไปร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งแต่กีณรินห้ามไว้ก่อน
“ถ้าจะเข้าร้านแบบนั้นรินไม่ไปนะ ให้รินลงตรงนี้ก็ได้”
“ริน” นัทธีถอนหายใจหนักๆ ก่อนยิ้มออกมา “ผมแค่จะพารินไปทานข้าวไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีเสียหน่อย”
“ก็นั้นแหละ” กีณรินส่ายหน้าไปมา “ถ้านัทอยากพารินไปกินข้าวจริงๆ ก็เป็นร้านข้าวต้มข้างถนนหรือบะหมี่ร้อนๆ จะดีกว่า”
“เอางั้นเหรอ” เขาทำตาโตแต่เมื่อกีณรินยืนยันเขาก็ยอมขับรถเลื่อนออกมาไม่ไกลนักก็เจอร้านบะหมี่ข้างถนน เขาจอดรถเรียบร้อยแล้วก็รีบวิ่งไปเปิดประตูให้กีณรินก้าวลงมาทันที
“รินบอกแล้วว่าไม่ต้องทำให้รินขนาดนี้ก็ได้” เธอบ่นแต่ก็ยิ้มน้อยๆ ออกมาก่อนจะเดินไปที่โต๊ะว่างหน้าร้านบะหมี่
“ก็รินเป็นคนพิเศษของนัท...นัทก็ต้องดูแลมากหน่อยซิ” เขาพูดพลางยิ้มทะเล้น “บะหมี่ต้มยำสองชามฮะ”
“รู้ได้ไงว่ารินจะกินบะหมี่ต้มยำ”