EP : 4

1690 Words
“...ไง หลับสบายไหมที่รัก” นี่จะไม่ให้กูตั้งตัวเลยเหรอวะ? บิดขี้เกียจอยู่ดีๆ นึกอยากจะลืมตาพูดก็ทำเลยแบบนี้น่ะเหรอ ฉันที่นั่งกอดผ้าห่มอยู่จะทำยังไงล่ะนอกจากนั่งทำหน้าไม่ถูก “เป็นไร?” กล้าถาม เป็นไร ถามมาได้ไงดูหน้าแล้วไม่รู้เหรอว่ากูเกร็งอยู่เนี่ย “...เปล่า” ฉันเอาผ้าห่มปิดปากเอาไว้แล้วก็ตอบ ไม่ค่อยกล้าสบตาเท่าไหร่ แต่อย่าคิดว่าเขินนะคะ แค่อาย ไม่ได้อายแบบชู้สาวด้วย แต่อายที่เสียตัวให้เพื่อนมันเลยไม่รู้จะทำตัวยังไงดี “ร้องไห้รึเปล่า” เขาถามแล้วก็ขยับตัวนอนคว่ำเอาหน้าซุกหมอนเหมือนคนที่พยายามจะตื่นและกำลังหาทางสะบัดความง่วงออกจากตัว “ไม่นะ” ฉันส่ายหน้าตอบเบาๆ ไม่ร้องหรอกค่ะ ร้องทำไมในเมื่อไม่ได้โดนข่มขืน สมยอมเอง จะมีก็แค่ความรู้สึกที่มันเสียดายซิงที่เก็บมาได้ตั้ง 22 ปี ไปหมดแล้วค่ะ หมดแล้วหมดเลยหาใหม่มาทดแทนไม่ได้ด้วย T_T “อื้มมมมม นอนต่อไหม” มันจะถามอะไรนักหนาวะ! เลิกทำเหมือนเรื่องปกติได้รึเปล่ากูเกร็ง! “ไม่ เดี๋ยวกลับแล้ว” ฉันรีบส่ายหน้าตอบ แต่ก็ยังต้องนั่งต่อเพราะมันไม่มีอะไรปกปิดร่างกาย จะลุกไปทั้งผ้าห่มก็ไม่กล้าเพราะนายนี่ต้องโป๊แน่นอน “กลับแล้ว? กลับได้ไงยังไม่ได้คุยกันเลย” ซีเจย์พูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยเปื่อยปนง่วงนอน มันชิลไปรึเปล่าคะ? “ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืนไม่ต้องคุยหรอก ช่างมันเถอะ” ฉันไม่ได้พูดแบบนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจนะคะ แต่เราไม่ได้รักกัน จะให้มารับผิดชอบเหรอ? ฉันว่าไม่จำเป็นหรอกมันฝืนกันเปล่าๆ ยังไงก็ไปกันไม่รอด เสียเวลาด้วย “ไม่ให้รับผิดชอบ?” เขาเงยหน้าจากหมอนมาจ้องฉันแล้วก็ขมวดคิ้วทันทีที่ฉันพูดจบ “เราเมาทั้งคู่นายก็รู้” “ก็ใช่แต่ฉันเปิดซิงเธอไปแล้วไง” เขาพยักหน้ารับแล้วก็ตอบกลับมา เอ้า! นี่จำได้ด้วยเหรอว่าเมื่อคืนฉันซิง “แต่เราไม่ได้รักกัน นี่พูดจริงๆ นะ ช่างมันเถอะ” ผู้หญิงคนอื่นจะเป็นยังไงจะเรียกร้องไหมก็ช่างแต่ไม่ใช่สำหรับฉัน ซิงมันก็เสียดายอยู่หรอกค่ะแต่ถ้าต้องให้คนที่ไม่ได้รู้สึกรักหรือแม้แต่ชอบมารับผิดชอบไม่ว่าจะทางไหนก็ตามฉันก็ไม่เอา “...เธอเป็นผู้หญิงจริงๆ รึเปล่า?” เขาขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมแล้วก็เปล่งคำถามที่ทำให้ฉันเกือบหัวเราะออกมา “เป็นสิ! แต่ฉันไม่อยากฝืนใจ หรือว่านายอยาก?” ฉันถามกลับบ้าง “ก็...ไม่หรอก” ก็ดีแล้วค่ะที่เราคุยกันตรงๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเราเป็นเพื่อนกันแต่ได้สนิทกันเลยสักนิดเดียวด้วยมั้งเลยมองหน้ากันง่ายหน่อย “ถ้างั้นก็ลืมๆ มันไปดีกว่า” โคตรแมนเลยค่ะผู้หญิงที่ชื่อเฟียสเนี่ย บอกปัดจนผู้ชายทำหน้าอึ้ง “แน่ใจ?” เขามองฉันเหมือนไม่เชื่อ อาการของเขามันฟ้องว่าเขากำลังพิจารณาว่าสิ่งที่ฉันทำอยู่ตอนนี้คือการเรียกร้องความสนใจรึเปล่า ซึ่งฉันขอยืนยันเลยว่าไม่ ฉันไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ ที่จะมาเรียกร้องความสนใจ “แน่ใจมาก ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีปัญหาตามมาทีหลัง” ฉันยืนยันและพูดให้เขาคลายความกังวล “...จะลองทบทวนอีกรอบไหม?” เขาดูไม่ค่อยแน่ใจว่าฉันจะต้องการแบบนี้เลยนะคะ “นายชอบฉันรึไง?” ฉันเห็นเขาเซ้าซี้ไม่เชื่อคำพูดของฉันก็เลยถามกลับ พอถามกลับด้วยคำนี้ซีเจย์ก็มองหน้าฉันนิ่งๆ “ถ้าชอบฉันจะจ้างเธอมาเป็นแฟนหลอกๆ ทำไม” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก็เป็นน้ำเสียงปกติเวลาที่เขาใช้กับฉันเวลาที่เราอยู่กันสองคนนั่นล่ะค่ะ “ก็ใช่ไง ไม่ชอบแล้วจะมารับผิดชอบทำไม หรือนายจะเสนอเงินให้ฉัน?” ฉันถามจี้ต่อ แต่ถ้าเขาลองบอกว่าใช่ฉันจะด่าให้ ถึงฉันจะลำบากเป็นลูกจ้างเขาแต่ฉันก็ทำงานแลกเงิน ฉันต้องการเงินก็จริงแต่อย่ามาเอาเงินฟาดหัวฉัน “ฉันไม่ดูถูกเธอขนาดนั้นหรอก ใครจะทำแบบนั้นวะ” เขาตอบกลับมาทำให้ฉันโล่งใจ เท่าที่พอจะรู้จักซีเจย์ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกค่ะ เขาไม่ได้เลวแต่เป็นคนที่ดูเหมือนจะเข้าถึงยาก อาจจะเป็นเพราะฉันไม่สนิทกับเขาด้วยมั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาอยู่กับเพื่อนหรือคนสนิทเขาเป็นแบบไหน ถึงฉันจะเป็นแฟนหลอกๆ ของเขามา 1 เดือนแต่ฉันก็ยังเข้าไม่ถึงตัวตนของเขาหรอก “ถ้างั้นก็ตามที่ฉันพูดนั่นแหละซีเจย์ ช่างมันเถอะสบายใจได้มันจะไม่มีปัญหาอะไรตามมาแน่นอนเพราะฉันพูดคำไหนคำนั้น นายก็น่าจะพอรู้นิสัยของฉันไม่งั้นนายคงไม่เลือกจ้างฉันเป็นแฟนหลอกๆ หรอกจริงไหม?” ฉันถามพร้อมกับจ้องหน้าเขา เขาเลือกฉันไม่ใช่แค่เพราะหน้าตาที่พอจะสู้มิเชลได้ แต่ฉันมั่นใจว่าเขาต้องศึกษานิสัยใจคอฉันมาแล้ว คนระดับเขาไม่คว้าผู้หญิงมาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าให้เป็นปัญหาทีหลังหรอก “ก็ใช่ ตกลงว่าเธอจะเอาแบบนี้” “อาฮะ เอาแบบนี้แหละ ถ้าจะคุยก็คงคุยแค่เรื่องงานของเราว่ายังเหมือนเดิมอยู่ไหม” เรื่องนี้แหละที่ฉันกังวล ไม่แน่ใจว่าเขาจะยังสนิทใจให้ฉันรับหน้าที่นี้ต่อไหม “เธอสะดวกใจรึเปล่า” “ฉันเหรอ? ฉันโอเคเพราะเรื่องนั้นฉันบอกแล้วไงว่าช่างมัน” ฉันยิ้มให้เขา อย่าหาว่าไม่มีศักดิ์ศรีเลยค่ะ เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมันคนละส่วน งานคืองาน มันทำให้มีเงิน และเรื่องส่วนตัวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเฟียสบอกแล้วไงว่าช่างมัน ช่างมันก็เท่ากับว่าอย่าใส่ใจอย่าสนใจ ลืมๆ มันไป “ถ้างั้นก็โอเค เรายังเป็นนายจ้างลูกจ้างเหมือนเดิม” เขาพยักหน้ารับ และฉันก็เห็นแววตาที่ดูโล่งใจของเขาเหมือนกัน อย่าว่าซีเจย์ไม่แมนเลยค่ะ เขาก็แสดงความรับผิดชอบอยู่ แต่ฉันไม่รับเอง และมันก็ไม่ผิดที่เขาจะโล่งใจที่ไม่ต้องรับผิดชอบฉันเพราะถ้าฉันเป็นเขาฉันก็จะโล่งพอๆ กัน ที่ไม่ต้องฝืนรับผิดชอบคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกัน “โอเคตกลงตามนี้ ถ้างั้นนายช่วยหันหลังไปหน่อยฉันจะลุกไปเข้าห้องน้ำ” ฉันบอกเขาแล้วก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมา น่ฉันกับเขาทั้งนั่งและนอนแก้ผ้าคุยกันนานสองนานแบบนี้ได้ยังไงนะ รู้สึกแปลกๆ ดีเหมือนกันค่ะ “หึๆๆ โอเคๆ เธอง่วงไหมถ้าง่วงนอนต่อได้นะเดี๋ยวฉันไปนอนห้องรับแขก” เขาหัวเราะขำนิดหน่อย แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เขาหัวเราะตอนที่เราอยู่กันแค่สองคน ปกติถ้าอยู่กันสองคนแทบจะไม่คุยกันเลยด้วยซ้ำ “ไม่นะ ฉันกลับเลยดีกว่า” ฉันส่ายหน้าตอบทันที อย่าให้นอนต่อเลยค่ะ ไอ้ง่วงไหมง่วงมันก็ง่วงแหละแต่กลับไปนอนที่หอดีกว่าสะดวกใจกว่าเยอะ “อื้ม เดี๋ยวให้คนไปส่ง ไม่ว่าใช่ไหมฉันแฮงค์กลัวหลับในถ้าขับรถปส่งเธอ” แหม~ จะมาถามเหมือนเกรงใจอะไรตอนนี้พ่อคุณ ทำอย่างกับว่าปกติเคยไปรับไปส่งฉันอย่างงั้นแหละ “ไม่เป็นไร นายหันหลังไปได้แล้ว” อยากจะกัดนิดหน่อยแต่คิดดูอีกทีมันก็ไม่ใช่สาระที่ฉันจะไปกัดเขานี่เนอะก็เลยบอกให้เขาหันหลังให้เท่านั้น ซึ่งเขาก็แค่พยักหน้ารับแล้วก็หันหลังให้ หลังจากนั้นฉันก็รีบพุ่งตัวลงจากเตียงไปคว้าเสื้อผ้าที่กระจุยกระจายเต็มพื้นไปหมดแล้วพาตัวเองวิ่งเข้าห้องน้ำทันที “ฉิบหาย!” พอเข้ามาในห้องน้ำแล้วได้เห็นตัวเองในกระจกคำอุทานก็หลุดออกมาจากปากฉัน แดงไปหมดเลยค่ะทั้งคอ เนินอก ไล่ลงไปที่หน้าท้องลามไปหาต้นขา แดงเป็นจ้ำๆ หลายสิบรอย “เป็นผีดูดเลือดรึไงวะ” ฉันมองสภาพตัวเองแล้วได้แต่สังเวชใจ แต่มันย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะคะ ในเมื่อย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้กับหลังจากนี้คือทำใจและเดินหน้าต่อ “เสื้อก็ขาด เฮ้อ!” อาบน้ำล้างคราบอะไรต่อมิอะไรเสร็จหยิบเสื้อขึ้นมาจะใส่ก็เศร้าใจอีกรอบ กระดุมหลุดหายกระจายไปที่ไหนหมดก็ไม่รู้ สุดท้ายเลยต้องถือวิสาสะเดินออกจากห้องน้ำไปส่วนที่เป็นห้องเสื้อผ้าของเขาแล้วพยายามเปิดหาเสื้อยืดที่ฉันพอจะใส่ได้มาใส่ไปก่อน ฉันใช้เวลาไม่นานก็ใส่แต่งตัวเสร็จ ออกมานอกห้องแต่งตัวก็ไม่เจอซีเจย์นอนอยู่บนเตียงแล้ว แต่ฉันไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ก็เลยเดินออกจากห้องเพื่อลงไปข้างล่างจะได้รีบกลับหอสักที “เฟียส” ฉันเดินมาถึงห้องโถงข้างล่างกำลังจะเดินออกไปก็มีเสียงคุ้นหูเรียกฉันเอาไว้ซะก่อน “มีอะไรเหรอ?” ฉันหันกลับไปถามเขาที่เดินมาจากไหนก็ไม่รู้ “...เมื่อคืนฉันปล่อยในหลายรอบ ฉันกับเธอคงไม่อยากให้มีอะไรมาผูกกัน อย่าลืมกินยาคุม ห้ามลืมเด็ดขาด”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD